novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • อ่านมังงะ
  • โดจิน
  • ซีรีย์วาย
  • PG SLOT
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
boston777
แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล
บาคาร่า 8xbet แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด Empire777 แทงหวย สล็อตเว็บตรง แทงหวยออนไลน์ สมัคร ufabet แทงบอล เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 392 เรื่องร้ายแรง

  1. Home
  2. เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ
  3. บทที่ 392 เรื่องร้ายแรง
Prev
Next

“ถอยไป อย่า…”

ในตอนที่หลี่ชิวสุ่ยและตงฟางเมิ่งต่างโจมตีถึงขั้นเป็นตายเพื่อจะตัดสินแพ้ชนะนั้นเอง เย่เทียนเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังตงฟางเมิ่งก็ราวกับพบอะไรบางอย่างขึ้นมา ตะโกนใส่ตงฟางเมิ่งเสียงดัง พุ่งเข้าไปหาตงฟางเมิ่งโดยไม่รู้ตัว เขารู้ว่าหากการโจมตีนี้เกิดปะทะเข้ากัน คนที่จะแพ้จะต้องเป็นตงฟางเมิ่งแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ตายก็ยังเป็นตงฟางเมิ่งอีกด้วย

เดิมทีกระทั่งเย่เทียนเฉินก็ยังคิดว่าตงฟางเมิ่งฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกสำเร็จแล้วจริงๆ ขอบเขตการบ่มเพาะยกระดับขึ้นหลายขั้นในพริบตา มากเพียงพอที่จะต่อสู้กับหลี่ชิวสุ่ย ไม่กลัวการกัดกร่อนของฝ่ามือสลายกระดูกอีก ในตอนที่พวกเธอทั้งสองต่อสู้ดุเดือดกัน 1 ชั่วโมงกว่า ตงฟางเมิ่งที่หันหลังให้เย่เทียนเฉินใช้เคล็ดวิชาของคัมภีร์ดรุณีหยกซึ่งก็คือ “ดรุณีเซียนร่ายรำ” ออกไป ในชั่วขณะนั้นเองเย่เทียนเฉินพลันเบิกตาทั้งสองกว้าง เนื่องจากเขาเห็นว่าแผ่นหลังของตงฟางเมิ่งมีเลือดซึมออกมา ได้รับบาดเจ็บภายในอย่างชัดเจน และไม่ได้เบาๆ ด้วย หากฝืนโจมตีออกไป นั่นย่อมเป็นการฆ่าตัวตายแล้ว

ท่าทางตงฟางเมิ่งจะไม่ได้ฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกจนสำเร็จ แต่ในตอนที่เกือบจะสำเร็จ เธอเห็นหลี่ชิวสุ่ยซัดฝ่ามือมายังศีรษะของเย่เทียนเฉินและรู้ว่าเย่เทียนเฉินจะต้องตายแน่แล้วจึงฝืนตัดขาดพลังที่ยังคงอยู่ในการเปลี่ยนแปลง ใช้สภาพที่ลมปราณคัมภีร์ดรุณีหยกเกือบจะสำเร็จไปสู้กับหลี่ชิวสุ่ย เพียงแต่สภาพเช่นนี้มีผลข้างเคียงมากมาย เกรงว่าอวัยวะภายในของตงฟางเมิ่งคงได้รับความเสียหายรุนแรง หากลงลงมือเต็มที่โดยไม่สนใจอะไรแบบนี้ต่อไป สิ่งที่รอเธออยู่มีเพียงความตายเท่านั้น

ความจริงเป็นสิ่งที่ควรคิดได้ตั้งนานแล้ว คัมภีร์ดรุณีหยกลึกล้ำถึงเพียงนั้น เป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในเพียงหนึ่งเดียวในรอบหลายพันปีที่ถูกเรียกขานว่าสามารถเทียบเท่าได้กับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น จะเรียบง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน? หากตงฟางเมิ่งฝึกฝนถึงขั้นสมบูรณ์ได้จริงๆ จะทำได้แค่สู้เสมอกับหลี่ชิวสุ่ยเท่านั้นหรือ? เกรงว่าคงฆ่าหลี่ชิวสุ่ยได้นานแล้ว

เรียกได้ว่าสภาพของตงฟางเมิ่งในตอนนี้เป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างความสำเร็จของการฝึกคัมภีร์ดรุณีหยก หากกล่าวว่าฝึกความสำเร็จแล้ว ก็ขาดเพียงแค่การฝึกฝนให้ชำนาญ หากจะกล่าวว่ายังฝึกไม่สำเร็จ ก็ต่างกันไม่มากแล้ว สภาพแบบนี้ลึกลับอัศจรรย์เป็นอย่างมาก สามารถทำให้ขอบเขตพลังของตงฟางเมิ่งเพิ่มขึ้นได้ แต่ก็ทำร้ายเธออย่างรุนแรงเช่นกัน

“ศิษย์น้องเล็ก ท่าทางเธอยังฝึกวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกไม่สำเร็จสินะ ช่วยคนรักโดยไม่สนใจชีวิตตัวเองแบบนี้ ทำให้ฉันซาบซึ้งจริงๆ ฮ่าๆๆ!”

หลี่ชิวสุ่ยดูเหมือนจะเห็นเบาะแสบางอย่างแล้ว ในฐานะที่เธอเป็นลูกศิษย์คนโตของพรรคสุสานโบราณ ต่อให้ไม่ได้รับสืบทอดคัมภีร์ดรุณีหยก แต่จะมากจะน้อยก็เคยได้ยินหัวหน้าพรรคสุสานโบราณกล่าวถึงมาบ้าง ในใจเกิดความลำพองใจเป็นอย่างมาก และเกิดความโลกมากขึ้น คิดไม่ถึงว่าวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกของศิษย์น้องเล็ก ยังไม่ทันฝึกสำเร็จก็มีความสามารถขนาดนี้แล้ว หากฝึกสำเร็จจริงๆ เกรงว่าตนคงถูกฆ่าตายเป็นแน่ คัมภีร์ดรุณีหยกแข็งแกร่งมากจริงๆ มิน่าล่ะตั้งแต่ที่สร้างวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกมาจนถึงตอนนี้จึงได้มียอดฝีมือพรรควรยุทธโบราณมากมายที่ต้องการได้มา

อั่ก!

ตงฟางเมิ่งทนไม่ไหวกระอักเลือดสดๆ ออกมา ตอนนี้เธออยู่ในขั้นตอนที่กำลังจะฝึกวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกสมบูรณ์แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ หากต้องการใช้เคล็ดวิชา “ดรุณีหยกเซียนร่ายรำ”เช่นนี้ให้สำเร็จ ยังมีความยุ่งยากอยู่บ้าง รวมกับที่ในเวลา 1 ชั่วโมงกว่านี้เธอฝืนใช้พลังในขอบเขตขั้นสูงสุดเพื่อทำการต่อสู้กับหลี่ชิวสุ่ยมาตลอด ตอนนี้จึงเรียกได้ว่าฝืนทนมาถึงขีดจำกัดแล้ว อีกทั้งยังใช้เคล็ดวิชาสังหารเช่นนี้ออกมาอีก จึงทำไม่ได้ดั่งใจต้องการ

“ต่อให้ฉันตายก็ตายเพื่อทำความสะอาดพรรคสุสานโบราณของพวกเรา จะไม่ปล่อยให้เธอทำลายชื่อเสียงของพรรคสุสานโบราณของพวกเราต่อไปได้อีก!”

ผู้หญิงทั้งสองคนล้วนใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป เย่เทียนเฉินเองก็ทะยานตัวเข้าไปด้วยความรวดเร็ว เขารู้ว่าเมื่อการโจมตีในครั้งนี้ปะทะกัน บางทีอาจจะทำให้หลี่ชิวสุ่ยบาดเจ็บได้ เพียงแต่คนที่ต้องตายอย่างแน่นอนก็คือตงฟางเมิ่ง

ฟิ้วๆ!

ในตอนที่หลี่ชิวสุ่ยและตงฟางเมิ่งลงมือขั้นเด็ดขาดนั้นเอง เย่เทียนเฉินก็พาร่างกายเหนื่อยล้าที่ไม่มีกระทั่งแรงจะต่อสู้ ฝืนควบคุมกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางให้พุ่งเข้าไปขวางอยู่ตรงกลาง

ประกายแสงส่องสว่าง ดวงตาทั้งสองของเย่เทียนเฉินพร่าเลือน การต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดไคล์แม็กแล้ว หลังจากที่ควบคุมกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางให้พุ่งเข้าไป ดวงตาทั้งสองก็พร่าเลือนก่อนจะล้มลงสู่พื้น

ไม่ทราบว่าหมดสติไปนานเพียงใด ในตอนที่เย่เทียนเฉินตื่นขึ้นมา พบว่าเขาอยู่ในห้องหินแห่งหนึ่ง ภายในห้องหินมีโลงศพหินอยู่สองโลง เขานอนอยู่บนเตียงหินหลังหนึ่ง รู้สึกสมองมึนงงไปหมด เขาจำได้ว่าในตอนที่ควบคุมกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางให้พุ่งเข้าไปสกัดกั้นระหว่างหลี่ชิวสุ่ยและตงฟางเมิ่ง ภายในร่างกายของเขาก็เกิดความเหนื่อยล้าจนยืนหยัดไม่ไหว ล้มลงไปกับพื้น

“ฉันคงไม่ได้ตายแล้วหรอกนะ? ที่นี่มันที่ไหน?” เย่เทียนเฉินถามพึมพำกับตัวเอง

“เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งยังกลัวตาย ไร้ประโยชน์จริงๆ!”

ตอนนี้เอง เสียงตงฟางเมิ่งดังขึ้น เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง มองไปยังมุมหนึ่งที่อยู่ซ้ายมือ พบว่าตงฟางเมิ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้หินด้านข้าง มีสีหน้าขาวซีด กำลังมองมาที่เย่เทียนเฉินอย่างเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“เธอ…หลี่ชิวสุ่ยถูกฉันกำจัดไปแล้วเหรอ?”

เย่เทียนเฉินรู้สึกโมโหจนพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี มองไปที่ตงฟางเมิ่งครู่หนึ่ง เพื่อช่วยผู้หญิงคนนี้ ตนต้องลำบากลำบนตามหาคัมภีร์ดรุณีหยก แล้วยังเกือบถูกกำจัดทิ้งไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่พูดขอบคุณสักคำก็ช่างเถอะ ตอนนี้ถึงกับยังบอกว่าตนกลัวตายอีก? จะใจร้ายเกินไปหรือเปล่า?

“คิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่ของฉันจะร้ายกาจขนาดนั้น กระบี่เทพทั้งสองเล่มของนายขวางการโจมตีของเธอเอาไว้ได้ แต่ไม่ได้ฆ่าเธอ ฉันพานายหนีออกมาจากอุโมงค์น้ำแข็ง ตอนนี้เกรงว่าศิษย์พี่ใหญ่ของฉันคงกำลังตามหาพวกเราอยู่ในพรรคสุสานโบราณนี่แหละ!” ตงฟางเมิ่งเอ่ยด้วยอาการทอดถอนใจ

ที่แท้ในตอนที่ตงฟางเมิ่งคิดว่าต่อให้ตายก็จะลากหลี่ชิวสุ่ยไปด้วยนั้นเอง เย่เทียนเฉินก็ใช้พลังเฮือกสุดท้ายบังคับกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางซึ่งเป็นกระบี่เทพทั้งสองเล่มให้พุ่งเข้าไปขวางอยู่ระหว่างกลางของหลี่ชิวสุ่ยและตงฟางเมิ่ง ตงฟางเมิ่งหยุดการโจมตีของตัวเอง ส่วนหลี่ชิวสุ่ยกลับซัดฝ่ามือสลายกระดูกซึ่งเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา กระบี่เทพทั้งสองเล่มซึ่งก็คือกระบี่ไท่อา กระบี่แห่งเดชานุภาพ และกระบี่อวี๋ฉางกระบี่ กระบี่ที่ใช้สังหารจักรพรรดิและบิดา ต่อให้ไม่มีใครบังคับ เมื่อได้รับการโจมตีที่แข็งแกร่งขนาดนี้ก็ยังสามารถพลิกกระบี่โจมตีไปได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นจุดจบของหลี่ชิวสุ่ยจึงกลายเป็นว่าถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่ผู้หญิงคนนี้ก็แข็งแกร่งและดุดันจริงๆ พยายามฝืนยืนขึ้นมา พุ่งเข้ามาหมายสังหารเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งต่อไป

พอดีกับที่ในตอนนี้ ตงฟางเมิ่งเหลือบไปเห็นโลงศพน้ำแข็งที่อยู่ด้านข้างกำแพงที่ค้ำยันมันอยู่ถึงกับหายไปไม่เหลือร่องรอย ส่วนโลงศพน้ำแข็งนั้นลอยอยู่บนอากาศ ด้านล่างปรากฏเส้นทางแห่งหนึ่ง ตงฟางเมิ่งไม่ลังเลแม้แต่น้อย แม้เธอต้องการกำจัดผู้ทรยศให้พรรคสุสานโบราณสะอาดสะอ้าน แต่จะอย่างไรเธอก็ไม่ยอมตายโง่ๆ ไม่ยอมตายไปโดยเปล่าประโยชน์ จึงพาเย่เทียนเฉินเดินเข้าไป ชั่วขณะที่เธอและเย่เทียนเฉินเพิ่งจะเข้าไปนั้นโลงศพน้ำแข็งก็กดทับปิดทางเดินลงมา เธอพยุงเย่เทียนเฉินเดินเข้ามาจนถึงห้องหินแห่งนี้ ไม่รู้ว่าเป็นสถานที่ใด เมื่อเห็นว่าหลี่ชิวสุ่ยไม่ได้ไล่ตามมาจึงหยุดและเริ่มขับเคลื่อนพลังภายในรักษาอาการบาดเจ็บ

“ศิษย์พี่ใหญ่ของเธอจะโหดเกินไปหรือเปล่า หน้าตาก็สวยไม่เลวเลยทีเดียว!” เย่เทียนเฉินจงใจกล่าวหยอกเย้า เขาต้องการทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงเสียบ้างด้วยกลัวว่าตงฟางเมิ่งจะคิดถึงเรื่องที่ทั้งสองร่วมฝึกฝนขึ้นมา หากตอนนี้อีกฝ่ายลงมือฆ่าตน ตนคงตายอย่างอยุติธรรมแล้ว!

“ไร้ยางอาย!” ตงฟางเมิ่งกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

เย่เทียนเฉินเห็นว่าเหมือนตงฟางเมิ่งจะไม่ตะโกนว่าจะฆ่าจะฟันตนเองอีก ในใจจึงผ่อนคลายลงมาก เดินลงจากเตียงหินยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เขาพบว่าอาการบาดเจ็บของตนร้ายแรงมาก หากไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินฝึกฝนกายเนื้ออย่างหนักมาโดยตลอด เกรงว่าของถูกฝ่ามือสลายกระดูกของหลี่ชิวสุ่ยกัดกร่อนจนกลายเป็นกองเลือดไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในร่างยังมีพลังอันอบอุ่นสายนั้นขับเคลื่อนอยู่ตลอด คอยรักษาอาการบาดเจ็บของเขาในทันที ค่อยๆ ซ่อมแซมความเสียหายของร่างกายไปช้าๆ

“แต่ฉันมีฟันนะ ขาวมากด้วย!” เย่เทียนเฉินจงใจเดินไปเบื้องหน้าตงฟางเมิ่ง หัวเราะฮี่ๆ แล้วแย้มยิ้มเผยฟันขาวที่เรียงเป็นแถวของตนออกมา

“ขี้เกียจสนใจนายแล้ว ตอนนี้พวกเราออกไปไม่ได้ชั่วคราว นายคิดไปเถอะว่าจะทำยังไงให้รอดไปได้ ฉันดูแล้ว ที่นี่ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหารด้วย!” ตงฟางเมิ่งเอ่ยปากอย่างเรียบเฉย

“ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณ ไม่กินไม่ดื่ม 10 วันครึ่งเดือนก็คงไม่ตายหรอกมั้ง?” เย่เทียนเฉินมองไปยังตงฟางเมิ่งแล้วเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

คำพูดของตงฟางเมิ่งทำให้เย่เทียนเฉินแทบทรุดลงกับพื้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีพลังพิเศษหรือคนของพรรควรยุทธโบราณต่างก็เป็นผู้เดินในเส้นทางการบ่มเพาะ คนเราทำไมต้องบ่มเพาะด้วย? นั่นก็เพื่อให้ได้รับพลังที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สุดท้ายก็หวังว่าจะสามารถก้าวข้ามความตายได้ โดยปกติเรียกได้ว่าเมื่อไปถึงขอบเขตพลังระดับหนึ่งแล้ว ไม่กินไม่ดื่มหนึ่งเดือนสองเดือนก็จะไม่ตาย ไม่อย่างนั้นจะแตกต่างอะไรกับคนธรรมดาล่ะ?

“ฉัน…ไม่ได้มีปัญหากับเรื่องกินเรื่องดื่มแต่ฉันต้องการอาบน้ำ…” ตงฟางเมิ่งเขินอายจนหน้าแดง จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดันแล้วพูดขึ้น

“หา?”

เย่เทียนเฉินรู้สึกเอือมระอา มองไปยังตงฟางเมิ่งด้วยท่าทีอับจนคำพูดอย่างแท้จริง ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะไม่เคยคิดว่าจะออกไปได้หรือเปล่า หรือจะมีอะไรกินหรือเปล่า สิ่งแรกที่คิดถึงก็คือเรื่องที่จะไม่ได้อาบน้ำทุกวัน โถ่ ผู้หญิงก็คือผู้หญิง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นไรก็จะไม่ลืมเรื่องที่ทำให้ผู้ชายเอือมระอาเหล่านี้

“หาอะไรของนาย นายคิดว่าฉันอยู่ในพรรคสุสานโบราณแล้วจะเป็นคนป่ารึไง ฉันต้องอาบน้ำทุกวัน อีกอย่าง ฉัน…รอให้บาดแผลของฉันหายดีก่อน ดูซิว่าฉันจะฆ่านายยังไง!”

เดิมทีตงฟางเมิ่งก็สวยงามประดุจนางฟ้า เมื่อพูดถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเขินอาย หน้าแดงจนแทบจะคั้นน้ำออกมาได้ เนื่องจากเธอคิดถึงภาพที่คนทั้งสองผสานกายกัน นี่ไม่ใช่ว่าเธอคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มีอะไรไม่ดี แต่ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ครั้งแรกของเธอเป็นสิ่งที่จดจำยากลืมเลือนไปชั่วชีวิต ต่อให้ถึงช่วงเวลาสุดท้าย ก่อนตายก็จะคิดถึงผู้ชายที่เป็นคนแรกของเธอไม่ใช่สามีที่เป็นคู่ชีวิตและอยู่ด้วยกันกับเธอมาตลอด เธอคิดว่าคงไม่สามารถลืมความสัมพันธ์ที่มีกับเย่เทียนเฉินได้ มันสลักลึกลงไปถึงกระดูกและหัวใจของตงฟางเมิ่งแล้ว แรกเริ่มเจ็บปวดจนแทบหมดสติ จนกระทั่งสุดท้ายจึงมีความรู้สึกร่วม ความรู้สึกรุนแรงชัดเจนจนอดไม่ได้ที่จะครวญครางออกมา เย่เทียนเฉินคนนี้ดุดันมากจริงๆ ทำไป 2 ชั่วโมงกว่าเลยทีเดียว ตงฟางเมิ่งเกือบจะหมดสติ เหงื่อโทรมกาย เสื้อผ้าจะเปียกชุ่มก็เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นความคิดจะอาบน้ำก็เป็นความคิดที่มาจากสัญชาตญาณ เพียงแต่เมื่อมองเย่เทียนเฉินคนนี้แล้ว ตงฟางเมิ่งกลับรู้สึกอยากตบเขาสักหลายครั้ง

……………………..