จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 584 หลี่มู่ตัวจริงตัวปลอม
ชั้นผิวหินต้นกําเนิดระดับเทวะกําลังปริแตกออกช้าๆ และเสียงหัว ใจเต้นอันบ้าคลั่งลึกลับนั่นก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จน สุดท้ายเหมือนเสียงกลองแปลกประหลาด ตีเป็นจังหวะพิลึก
สุดท้าย หัวใจของทุกคนก็เต้นไปตามเสียงกลองนี้เป็นจังหวะ เดียวกัน
หลี่มู่กลับเหมือนสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงรอบๆ ไม่ได้อย่างนั้น
เขานั่งขัดสมาธิ รีบโคจร ‘วิชาก่อนกําเนิด’ ฟื้ นฟูพลังจิตวิญญาณ
ความเหนื่อยล้าที่ไม่เคยมีมาก่อนท่วมจมเขาจนมิด
โดยเฉพาะทะเลความรู้สึกนอกหนีหวานกงเหมือนจะแห้งเหือดไป อย่างไรอย่างนั้น
การสกัดหินก่อนหน้านี้ผลาญพลังงานไปมากจริงๆ
พลังจิตวิญญาณส่วนใหญ่ของหลี่มู่สูญเสียไปตอนสกัดหิน พลังจิต วิญญาณที่เหลือไม่มากในตอนนี้ตอนนี้ ยากจะรวมเป็นทะเล
แต่ว่า สิ่งเดียวที่ทําให้หลี่มู่แปลกใจก็คือ คนตัวเล็กๆ ที่เกิดขึ้น เพราะดาบหินทรงครีบปลาเกิดการเปลี่ยนแปลงในตอนสกัดหินตอนนี้ ยังคงอยู่ เพียงแต่ร่างรางเลือนนัก เหมือนเงาโปร่งแสง นั่งขัดสมาธิอยู่ที่ หน้าประตูหนีหวานกง กําลังปรับสมดุลเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงที่ทําให้ทุกคนแปลกใจก็เกิดขึ้นในตอนนี้เอง
พลังวิญญาณสีทองลึกลับเข้มข้นที่ไหลทะลักมาจากข้างในร่อง แยกรอยดาบบนหินต้นกําเนิดระดับเทวะถูก ‘พลังก่อนกําเนิด’ เหนี่ยวนําโหมบ่ามายังร่างของหลี่มู่เอง ทะลุผ่านรูขุมขนนับแสนล้านทั่ง ร่าง แทรกซึมเข้าไปในกายของเขา
ตัวเขาเองไม่รู้อะไรเลย
ดวงตาใต้หน้ากากเจ้าของแผงลอยชุดคลุมดําทอประกาย ประหลาด
เหล่าผู้ชมที่โดนบังคับให้กินเผือกโดยปริยายรอบๆ ตอนนี้ก็ดูออก แล้วว่าระหว่าง ‘ดาบคลั่ง’ หลี่มู่และหินต้นกําเนิดระดับเทวะในตอนนี้ เกิดความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง
พลังในหินต้นกําเนิดระดับเทวะเหมือนเจอกับญาติสนิทที่ไม่ได้เจอ กันนาน ผสานเข้ามาในร่างของหลี่มู่อย่างกระตือรือล้น
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจรู้ได้ล่วงหน้านี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับ ร่างของหลี่มู่กับหินต้นกําเนิดระดับเทวะ
ใบหน้าของเจ้าของแผงลอยชุดคลุมดําฉายแววตื่นเต้น
นักพรตอัปลักษณ์ที่มือถือแผ่นป้ายผ้าน่าตื่นตะลึงนิ้วมือทั้งห้าข้าง ซ้ายขยับนิ้วไม่หยุด ปากพึมพําอะไร ท่าทางตกใจเหมือนทํานายอะไร ออกมาได้
ปรมาจารย์ศิลาที่อยู่ข้างกาย ‘คุณชายอาจม’ สื่อซือหมิงสีหน้าคลั่ง ไคล้ คุกเข่าลงด้วยท่าทางนอบน้อมต�าต้อย หมอบกราบไปทางหินต้น กําเนิดระดับเทวะที่ชั้นผิวค่อยๆ แตกออก ประหนึ่งสาวกลัทธิที่ศรัทธา เลื่อมใสที่สุด
“จะสกัดวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้แล้ว”
ปรมาจารย์ศิลาพึมพํา อวัยวะทั้งห้าแนบติดพื้น
ในเรื่องเล่าของปรมาจารย์ศิลาเคยมีเรื่องเล่าว่า หินต้นกําเนิด แบ่งเป็นชนิดที่ต่างกันไปต่างๆ ที่สกัดผลึกเซียนออกมาได้เป็นแค่หินต้น กําเนิดธรรมดา แต่ในหินต้นกําเนิดระดับเทวะที่หายากบางก้อนจะสกัด วิญาณศักดิ์สิทธิ์วัตถุปีศาจ เทพธิดา ปรมาจารย์เต๋า ของวิเศษ อาวุธ เทพออกมาได้…
กระทั่งว่าตํานานเล่าว่าในแดนดาราจื่อเวยมีขั้นราชาที่ก้าวสู่ขั้น สูงสุดก็ล้วนสกัดออกมาจากหินต้นกําเนิดทั้งสิ้น
เพียงแต่เรื่องเล่านี้นานนมมาแล้วก็ไม่เคยมีการพิสูจน์
และตอนนี้ในที่สุดก็จะเกิดปาฏิหารย์อย่างนั้นรึ?
ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ศิลา ได้เห็นภาพฉากนี้ในยามที่มีชีวิตอยู่ ต่อให้ตายก็ตายตาหลับแล้ว
บรรยากาศทั่วทั้งตลาดนัดอยู่ในสภาวะเงียบสงัดและแปลก ประหลาดอย่างหนึ่ง
สายตาของคนส่วนมากค่อยๆ จับจ้องไปยังหินต้นกําเนิดระดับเท วะที่แตกร้าวไม่หยุดก้อนนั้น รอคอยสิ่งมีชีวิตลึกลับในหินต้นกําเนิด ปรากฏขึ้น เมินเฉยต่อหลี่มู่ที่เงียบกริบข้างๆ
แต่มีเพียงหลี่มู่เท่านั้นที่รู้ว่าในกายของเขาตอนนี้กําลังเผชิญหน้า กับการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นตะลึงอย่างไรอยู่
พลังในหินต้นกําเนิดระดับเทวะหลังจากแทรกซึมเข้าไปในร่างกาย ของเขาแล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังบริสุทธิ์หล่อเลี้ยงพลังจิตวิญญาณของ เขา
แทบจะไม่ถึงหนึ่งเค่อ ทะเลความรู้สึกรอบๆ หนีหวานกงที่แต่เดิม แทบจะแห้งเหือดถาโถมโหมบ่าอีกครั้ง คลื่นคลั่งเสียดฟ้า กว้างไกลไร้ ขอบเขต
หากบอกว่าทะเลความรู้สึกก่อนหน้านี้เป็นมหาสมุทรผืนหนึ่งแล้ว ล่ะก็ เช่นนั้นทะเลจิตวิญญาณในตอนนี้ก็แทบจะกลายเป็นห้วงดารา สมุทรแล้ว ขยายใหญ่ขึ้นไม่รู้ต่อกี่เท่า
หนีหวานกงเหมือนเกาะ ลอยอยู่กลางห้วงดาราสมุทรที่ถาโถมโหม บ่าไม่หยุด ลอยขึ้นลงไปตามคลื่น
คนตัวเล็กที่แต่เดิมจางลงไปร่างเปลี่ยนมาชัด เปล่งประกายขึ้น นอกจากหน้าตาที่ยังเลือนรางแยกไม่ออก บุคลิกท่าทาง รูปร่างและ อื่นๆ เหมือนกับหลี่มู่ยิ่งนัก
“นี่ก็คือ ‘ร่างวิญญาณปราณแท้’ ?”
ความเหนื่อยล้าหายไป หลี่มู่ตื่นตะลึงยิ่งนัก
เขายังคงอยู่ในสภาวะสํารวจตัวเอง
คนตัวเล็กชัดเจน เปล่งประกายนั่นไม่ได้ค่อยๆ หายไปตามการ ฟื้ นฟูพลังจิตวิญญาณ แต่กลับยังคงอยู่ อีกทั้งยังค่อยๆ หลอมรวมจนทํา ให้เขารู้สึกแปลกใจ
จากวิชาฝึกฝนและระบบที่ได้มาจากมือของเหล่าผู้ฝึกฝนนอก พิภพก็ได้รู้ว่า สัญลักษณ์ของขั้นแมลงคือทะลวงสวรรค์ สัญลักษณ์ของ ขั้นสามัญคือในทะเลความรู้สึกก่อเป็นสะพานเป็นตาย และสัญลักษณ์ ของขั้นนักรบคือ ในหนีหวานกงฝึกฝน ‘วิญญาณแท้ปราณเทพ’
‘วิญญาณแท้ปราณเทพ’ ที่ว่า ลัทธิเต๋าเรียกว่า ‘ดวงจิต’
ก่อนที่จะฝึก ‘ดวงจิต’ ทุกคนล้วนอยู่ใต้ ‘สัญชาตญาณ’ นี่ก็คือการ แบ่งแยกที่เกี่ยวกับสามจิตเจ็ดวิญญาณและขอบเขตจิตวิญญาณ ความ แข็งแกร่งของผู้แข็งแกร่งขั้นนักรบไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งของปราณ แท้และกายเนื้อเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับพลังฝึกตนของพลังจิตวิญญาณ และวิญญาณ
แต่ปัญหาคือ ตอนนี้หลี่มู่เป็นแค่ขั้นแมลงเท่านั้น ทําไมในหนีหวาน กงถึงฝึก ‘วิญญาณแท้ปราณเทพ’ ออกมาได้?
“หรือเราจะก้าวสู่ขั้นนักรบแล้ว?” หลี่มู่แปลกประหลาดใจนัก นี่มันจะเหลวไหลเกินไปแล้วกระมัง ห่างถึงหนึ่งขั้นขอบเขตเต็มๆ เชียวนะ
ท่ามกลางความสงสัยคลางแคลง หลี่มู่สิ้นสุดการสํารวจภายใน ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ
สัมผัสถึงสภาวะรอบๆ ในทันที
เขาไม่สํารวจสภาพภายใน แต่ลุกขึ้นมามองไปยังหินต้นกําเนิด ระดับเทวะ
หลี่มู่ก็อยากรู้ว่าในหินต้นกําเนิดระดับเทวะก้อนนี้มีความลับอะไร ซ่อนเอาไว้อยู่กันแน่
แคร่ก แคร่ก
ชั้นผิวหินต้นกําเนิดระดับเทวะเริ่มหลุดร่วงสู่พื้นตามรอยดาบ
สิ่งมีชีวิตลึกลับข้างในค่อยๆ เผยหน้าตาที่แท้จริงของมัน
สายตาของทุกคนรวมอยู่ที่นี่
แสงประกายสีทองเจิดจ้าเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจมองเห็นหน้าตาได้ ชัดเจนในทันที แต่สามารถยืนยันได้ว่า ในหินต้นกําเนิดผนึกสิ่งมีชีวิต รูปร่างมนุษย์เอาไว้
หลี่มู่หรี่ตา โคจรพลังดวงตา เมื่อมองอย่างละเอียดก็พลันตะลึงไป กับที่
“อะไร? นี่…” เจ้าของแผงลอยชุดคลุมดําก็มองเห็นอย่างชัดเจน แล้วเช่นกัน ปากอ้ากว้าง ตะลึงตัวแข็ง
“พระพุทธเจ้าผู้มีอายุขัยยาวนานไม่มีประมาณ…มารดามันสิ” นิ้ว ของนักพรตเฒ่าอัปลักษณ์แข็งค้าง ป้ายผ้าในมือร่วงลงพื้น ท่าทาง เหมือนเห็นผีแบบนั้น ฟันทองซี่โตกัดลงบนลิ้นของตัวเองแต่กลับไม่ รู้ตัว”
ติงอี้กุมหัวตัวเองขยี้ตาตัวเองไม่หยุด
แสงสีทองค่อยๆ จางลงไป
ตอนที่ทุกคนต่างมองเห็นหน้าตาที่แท้จริงข้างในหินต้นกําเนิด ระดับเทวะชัดเจน ทุกใบหน้าต่างฉายแววตื่นตะลึง ตกใจ งุนงง ไม่อาจ เข้าใจได้ ท่าทางแปลกประหลาดต่างๆ
ในชั้นผิวหินหินต้นกําเนิดระดับเทวะเป็นผลึกเซียนสีทองที่แทบจะ เป็นของเหลว และก็เป็นเพียงชั้นบางๆ ชั้นหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่ทําให้ทุกคน ไม่อาจเข้าใจได้คือ ในผลึกเซียนของเหลวชั้นนี้ห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตรูปร่าง มนุษย์เอาไว้ ไม่ใช่ใครอื่น เป็น ‘ดาบคลั่ง’ หลี่มู่นั่นเอง
ชุดขาว ผมสั้น รูปร่างสูงโปร่ง!
ดวงตาเป็นประกาย คิ้วเรียวดุจกระบี่ ดาบสงครามทรงปีกห่านฟ้า!
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หรืออาวุธ หรือจะเป็นหน้าตา กระทั่งว่าแม้แต่ บุคลิกท่าทาง ล้วนเหมือนกับ ‘ดาบคลั่ง’ หลี่มู่ โขกออกมาจากพิมพ์ เดียวกันเลย
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เจ้าของแผงลอยชุดคลุมดํามองหลี่มู่ในหินต้นกําเนิดระดับเทวะ แล้วก็มองมายังหลี่มู่ที่อยู่นอกหินต้นกําเนิดระดับเทวะ พยายามหา ความแตกต่างแม้เพียงเศษเสี้ยวก็ตาม แต่…ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง
นักพรตเฒ่ากัดลิ้นจนเลือดไหล แต่กลับไม่สนใจ สองมือขยับนิ้ว เค้นสมองพึมพํากําลังทํานายอะไรอยู่
“เจ้าลัทธิ คนไหน…เป็นท่านเล่า?” ติงอี้อึ้งตะลึงอย่างสมบูรณ์ มอง ทางนี้ มองทางนั้น มองไปมองมา มองจริงเท็จไม่ออก
คนที่อึ้งตะลึงที่สุดก็คือตัวหลี่มู่เอง
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะสกัดตัวเองออกมา
นี่มันจะเหลวไหลเกินไปแล้ว
ประจันหน้ากับร่างหินต้นกําเนิดระดับเทวะ เขามีความรู้สึกเหมือน ตัวเองกําลังส่องกระจก
“เจ้าเป็นใคร?” หลี่มู่ถาม “เจ้าเป็นใคร?” หลี่มู่หินต้นกําเนิดก็เอ่ยปากเช่นกัน สีหน้า ปฏิกิริยา ท่าทางของ ‘เขา’ เหมือนหลี่มู่ทุกประการไม่มี อะไรผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย
หลี่มู่กุมหน้าผาก “…” หลี่มู่หินต้นกําเนิดก็กุมหน้าผาก “…” หลี่มู่ “พิลึกแล้ว” หลี่มู่หินต้นกําเนิด “พิลึกแล้ว” เสียงท่าทาง คําพูดจาน�าเสียง เหมือนกันเป๊ะ หลี่มู่พิจารณาอย่างละเอียด
เขาไม่อาจจะเชื่อได้ว่า บนโลกใบนี้จะมีตัวเองอีกคนหนึ่งอยู่จริงๆ ปรัชญาเมธีบนโลกเคยกล่าวไว้ว่า บนโลกไม่มีใบไม้ที่เหมือนกันทุก ประการสองใบ ดังนั้นยิ่งไม่มีทางที่จะมีคนที่เหมือนกันทุกประการสอง คน…แต่ปัญหามันอยู่ที่ไหน?
เขาพลันนึกความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา
ตอนนั้นที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่เสินโจวก็มีหลี่มู่คนหนึ่งหน้าตา เหมือนตนเป๊ะๆ แต่เดิมหลี่มู่คนนั้นเดินทางไปรับตําแหน่งที่อําเภอขาว พิสุทธิ์ สุดท้ายถูกคนของพรรคจันทราโลหิตไล่สังหาร ตกหน้าผา มีชีวิต อยู่หาคนไม่เจอ ตายหาศพไม่พบ สูญหายไร้ร่องรอย ดังนั้นตนจึงเข้ามา แทนที่
หรือหลี่มู่ที่สกัดออกมาจากหินต้นกําเนิดจะเป็น…
นี่ไม่ถูก
หลี่มู่คนนั้นเป็นเพียงแค่บัณฑิตอ่อนแอ ไม่เป็นวรยุทธิ์ ต่อให้เขายัง มีชีวิตอยู่ก็ไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นในหินต้นกําเนิด อย่างไรเสียหินต้น กําเนิดระดับเทวะก้อนนี้ก็มีอายุหลายร้อยปีแล้ว แต่หลี่มู่คนนั้นหายตัว ไปยังไม่ถึงสิบปีเลย
หลี่มู่รู้สึกหัวตัวเองปวดตุบๆ
แคร่ก แคร่ก!
หลี่มู่ในหินต้นกําเนิดทําลายผลึกเซียนชั้นบางชั้นนั้น กระโดด ออกมา มองหลี่มู่แล้วเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกเองว่า “เจ้าเป็นปีศาจจาก ที่ใด กล้าปลอมตัวเป็นข้า ‘ดาบคลั่ง’ รึ?”
หลี่มู่อึ้ง
เดี๋ยวก่อน ปีศาจ? หลี่มู่มองไปยังอีกฝ่าย พลันเหมือนกุมแสงศักดิ์สิทธิ์กลุ่มนั้นได้ มีปีศาจบางพวกที่เปลี่ยนร่างได้นี่นา
ยกตัวอย่างเช่น ‘วิชาปาจิ่วเสวียน’ ที่หยวนโห่ววานรภูเขาขนทอง ฝึก เมื่อฝึกฝนจนถึงขั้นสูงสุดก็สามารถแปลงกายได้แปดสิบเอ็ดร่าง และในไซอิ๋ว ห้องสิน เทพนิยายอื่นๆ เหล่านี้เซียนและปีศาจที่ฝึกฝน วิชาสําเร็จมากมายล้วนสามารถเลียนแบบแปลงเป็นคนอื่น หลอกลวง จากเท็จเป็นจริง
หลี่มู่มองไปยังอีกฝ่าย ก่อนเอ่ย “ขอบใจที่เตือน” เขาสะบัดดาบก็ฟันลงไป ว่ากันว่าวิชาแปลงร่างของพวกปีศาจนั้นมีจุดอ่อน ยกตัวอย่างเช่นหลังจากบาดเจ็บก็จะค่อยๆ ปรากฏร่างเดิมออกมา
นี่ก็ง่ายแล้ว ฟันไอ้เจ้านี้ให้ปางตายก่อนค่อยว่ากัน ถึงตอนนั้นมันก็ จะเผยหน้าตาที่แท้จริงออกมาให้เห็นเอง
เคร้ง
หลี่มู่คนนั้นก็สะบัดดาบรับดาบสงครามห่านฟ้าของหลี่มู่เอาไว้ “แกเจ้าตัวปลอม กล้าปลอมตัวเป็นข้าอย่างนั้นรึ? แล้วยังจะลงมือกับ ข้าอีก?”
เคร้ง เคร้ง เคร้ง! แสงดาบเป็นชุดส่องกะพริบ ทั้งสองต่อสู้กันขึ้นมารับดาบกันไปมา เพียงชั่วพริบตา ต่างไม่ด้อยไปกว่ากันเลย แต่ว่า คนอื่นๆ ต่างอึ้งไปในทันทีโดยสิ้นเชิงแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่ยังอยู่ในสภวะที่นิ่งสงบพวกเขายังสามารถแยกได้ว่า คนไหนคือหลี่มู่ตัวจริง คนไหนคือหลี่มู่หินต้นกําเนิด แต่ตอนนี้ เงาร่าง พุ่งกะพริบ ทั้งสองคนเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนจนแยกไม่ออกไปแล้วโดย สมบูรณ์
……………………………………………………