ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 553: เรื่องเล่าของเกาะยออิโด
บทที่ 553: เรื่องเล่าของเกาะยออิโด
กึก กึก กึก…
ขณะที่เขาเอ่ย โลงศพหินก็เริ่มสั่นเทา ราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังพยายามที่จะออกมาจากด้านใน
“เจ้าได้ตายไปแล้ว จงนิ่งเสีย” กระแสน้ำวนพลังหยินหดตัวเล็กน้อยและเอ่ยด้วยเสียงที่ทรงอำนาจ ทันใดนั้น โลงศพหินทั้งสามก็เงียบเสียงลงทันที
จากนั้น ลูกไฟนรกสีแดงเข้มทั้งสองก็หันไปมองชายในชุดคลุมดำ เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไม่เพียงต้องไปรับรถไฟเท่านั้น แต่ข้ายังอยากให้เจ้า…รับผิดชอบหน้าที่ ที่ถูกมอบให้กับหมายเลข 03 ด้วยเช่นกัน”
มันเป็นเพียงแค่การมอบหมายงานเท่านั้น แต่ดวงตาของชายในชุดคลุมสีดำกลับหรี่ลง และเขาก็รีบโค้งคำนับด้วยความเคารพอย่างสูง “ท่านมาร์ควิสผู้สูงศักดิ์… ไม่ทราบว่าข้า…จะมีผู้ ช่วยหรือไม่?”
เขาไม่ใช่คนโง่
หมายเลข 03 ตายแล้ว นางตายได้อย่างไร? ใครคือผู้ที่สังหารนาง? เขาจะจบลงด้วยชะตากรรมเดียวกันหรือไม่หากเรายอมรับงานของหมายเลข 03? ท่านมาร์ควิสไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับสิ่งนี้ แต่…เขาไม่อยากจบลงแบบหมายเลข 03
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เงียบอย่างน่าขนลุก จนเหมือนกับห้องเก็บศพที่จู่ ๆ ศพทั้งหมดก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมกัน
“หึหึหึ…” รัมยันต์เศวหัวเราะออกมาเบา ๆ จากนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “ฮ่า ๆๆๆๆ!”
สายลมเย็นยะเยือกทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ ผนังทั้งสี่ด้านของโบสถ์ได้มารวมตัวกันที่ห้องใต้ดินจนเกิดเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ ที่ซึ่งมือที่ก่อตัวขึ้นจากพลังหยินยื่นออกมา เสียงกรีดร้อ องของวิญญาณดังขึ้นให้ได้ยินจากทั่วทุกทิศทาง
ในเสี้ยววินาทีต่อมา มือข้างนั้นก็คว้าร่างของชายในชุดคลุมเอาไว้และยกร่างดังกล่าวเข้ามาใกล้ผิวของกระแสน้ำวนนั้น
“เป็นแค่ไวเคานต์ของโลกใต้พิภพระดับสาม แต่กลับกล้ามาต่อรองกับโลกใต้พิภพระดับหนึ่งอย่างนั้นหรือ?!” น้ำเสียงที่น่าสะพรึงกลัวดังไปทั่วทั้งห้องใต้ดิน ส่งผลให้รูปปั้นของพระแม่มาร รีสั่นไม่หาย
ชายในชุดคลุมสีดำตัวสั่นเทาและกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว “ไม่…ไม่ใช่! นายท่าน! ข้าเพียงแต่…”
“หุบปาก!” เสียงของรัมยันต์เศวนั้นฟังดูราวกับเสียงฟ้าผ่า แม้แต่ฝาของโลงศพหินก็สั่นสะเทือนเช่นกัน “ข้าสั่ง และเจ้ามีหน้าที่ทำตาม มีคำถามอะไรอีกหรือไม่?”
“ไม่…ไม่มี! ไม่มี!”
พรึ่บ…
ทันใดนั้น พลังหยินที่หนาแน่นก็สลายไป และแสงเทียนภายในห้องก็เปลี่ยนกลับเป็นสีเดิม ในขณะที่เสียงของรัมยันต์เศวยังคงดังต่อว่า “ดี โลกใต้พิภพแห่งรุสจะรักษาคำพูดของตัวเองและท ทำให้เจ้ากลายเป็นขั้นตุลาการนรกทันทีที่เรื่องในคราวนี้สิ้นสุดลง แต่เงื่อนไขเบื้องต้นก็คือเจ้าจะต้องทำให้ดีที่สุดเสียก่อน”
……………
รถแท็กซี่ขับข้ามสะพานมาโปและตรงไปที่เกาะยออิโด
หากถามว่าในฮันยางมีย่านใจกลางเมืองอยู่ที่ใดบ้าง เช่นนั้นคำตอบก็คงจะเป็นเมียงดงและยออิโด
นับตั้งแต่ที่มีการสร้างสะพานมาโปขึ้นในช่วงยุค 70 เกาะยออิโดก็กลายเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในฮันยาง หรือแม้แต่ทั้งแดฮันใต้ ธุรกิจจำนวนมากต่างมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ยออิ โด สถานที่ซึ่งเป็นอดีตที่ตั้งของสถานีกระจายเสียงหลักสามสถานี MBC และ KBS นอกจากนี้ มันก็ยังมีหอประชุมแห่งชาติแดฮันใต้ ตลอดจนศูนย์การเงินนานาชาติ อาคาร Daehan Life 63 และโบสถ์ค คริสเตียนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างคริสตจักรพระกิตติคุณสมบูรณ์ยออิโดอยู่ด้วย
ชายทั้งสามลงจากรถและต่างตกตะลึงกับความรุ่งโรจน์ของธุรกิจและแหล่งสถานบันเทิง ข้อเท็จจริงที่ว่า KBS ยังคงตั้งอยู่ที่นี่ก็ย่อมหมายความว่ามันยังมีภาพยนต์และบริษัทเพลงตั้งอยู่ใน นบริเวณใกล้เคียงด้วยเช่นกัน ห่างออกไปไม่ไกลมีกลุ่มเกิร์ลกรุ๊ปกำลังทำการแสดงอยู่ ในขณะที่ชายหนุ่มและหญิงสาวหน้าต่าดีต่างแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ทันสมัยยืนอยู่รอบ ๆ พวกเขา
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง ฉินเย่มองดูนาฬิกาข้อมือของตนและแย้มยิ้มสดใส “เราไปลองทานอาหารพื้นเมืองของที่นี่กันดีหรือไม่?”
“ท่านพูดเรื่องอะไรน่ะ?” หวังหนึ่งหางเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดจะดูถูก “บูเดชิเก*[1]? เนื้อย่าง? ไก่ทอดกิมจิ? ขออภัย แต่ข้าขอผ่าน ท่านรู้หรือไม่ว่าที่แดฮันมีอัตราการเป็นมะเร็ง ลำไส้สูงที่สุดในโลก?”
แม้ว่าโนบูทาดะจะไม่ได้เอ่ยความต้องการของตนออกมาโดยตรง แต่คำพูดของเขาก็ชัดเจนเช่นกัน “ส่วนตัวแล้วข้าคิดว่าในเมื่อท่านต้องการจะแย่งเนื้อจากปากเสือ เราก็ควรจะรีบเดินทาง งไปที่คริสตจักรพระกิตติคุณสมบูรณ์ยออิโดโดยเร็วที่สุด”
“สหาย… นี่มันเที่ยงแล้วนะ! เจ้าไม่คิดหรือว่ามันจะเด่นชัดเกินไปหากเราเคลื่อนไหวต่อหน้ามนุษย์พวกนี้ในตอนกลางวันแสก ๆ? เจ้าต้องการจะให้โลกใต้พิภพแห่งฮันยางรู้หรือว่าพวกเรามา าถึงเร็วกว่ากำหนด? ทุกอย่างมีเวลาของมันเสมอ รวมถึงเวลาที่จะผ่อนคลายด้วยเช่นกัน” ฉินเย่ยกแขนกอดคอหวังเฉิงห่าวและลากอีกฝ่ายตรงไปยังร้านเนื้อย่างที่อยู่ใกล้ ๆ “นอกจากนี้ เจ จ้าอาจจะไม่มีโอกาสได้พักและผ่อนคลายเช่นนี้อีกเมื่อตกกลางคืน”
“…แต่…”
“แต่อะไรอีก? ดูนะ พวกเราสามารถเข้ากันได้ตราบใดที่ข้าเป็นผู้นำและเจ้าเป็นผู้ตาม จะแต่อะไรนักหนา?”
ดีมาก... ทุกอย่างดำเนินไปเช่นนั้น หวังเฉิงห่าวตามไปติด ๆ ในฐานะ ‘ผู้ตามอย่างไม่เต็มใจ’ แต่ยิ่งพวกเขาเดินไป หวังเฉิงห่าวก็พบว่ามีผู้คนหันมามองพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ทันใดนั้ น เขาก็รีบหันไปมองจุดที่พวกตนกำลังมุ่งหน้าไป และมุมปากของเด็กหนุ่มก็กระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ “พี่ชาย…นี่ท่านกำลังพยายามที่จะ…เดบิวต์อย่างนั้นหรือ?”
แต่เขาก็คงไม่สามารถโทษฉินเย่ได้หากอีกฝ่ายจะคิดเช่นนั้น เพราะอย่างไรแล้ว ยิ่งพวกเขาเดินไปตามถนนเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเห็นป้ายโฆษณาของศิลปินดัง ๆ มากขึ้นเท่านั้น มันมีแม้แต่ ผู้คนที่กำลังร้องและเต้นอยู่ริมฝั่งถนน บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยเสน่ห์ทางการแสดง
บนเกาะยออิโดมีต้นซากุระอยู่จำนวนมาก น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ทั้งหมดจึงไม่ได้ผลิบานออกมา ตัวอักษรสามตัวปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนบนอาคารที่ตั้งอยู่ที่ปลายสุ ดของถนน KBS
“เจ้ากำลังจะบอกว่าหน้าตาอย่างข้านั้นไม่สามารถเดบิวต์ได้อย่างนั้นหรือ?” ฉินเย่จ้องหน้าหวังเฉิงห่าว “ข้าหมายถึง อย่างไรเสียพวกเราทั้งสามก็อยู่ด้วยกันแล้ว เหตุใดจึงไม่ลองดูเล ล่า? เราสามารถรวมกลุ่มสามคนได้ ใช้ชื่อว่า…S.H.E.*[2] เป็นไง?”
ท่านพูดบ้าอะไร?! S.H.E.?!
หากท่านอาร์ทิสอยู่ที่นี่ด้วย ไม่ใช่ว่าท่านจะบอกให้เราเดบิวต์เป็น F4* [3] เลยหรือ?!
นอกจากนี้ มันเป็นเรื่องดีจริง ๆ น่ะหรือที่จะมองข้ามรายละเอียดของสมาชิกในกลุ่ม อย่างเรื่องอายุและเพศ?
ทว่าในขณะที่หวังเฉิงห่าวกำลังเตรียมจะปล่อยคำสบถมากมายออกจากปาก ฉินเย่ก็หยุดเดินและเอ่ยขึ้นว่า “…ที่นี่เป็นไง?”
เบื้องหน้าของเขาคือห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ท่ามกลางป้ายโฆษณาที่หนาแน่นและสถาบันฝึกอบรมศิลปินจำนวนนับไม่ถ้วน ฉินเย่ก็สังเกตเห็นป้ายร้านอาหารที่เขียนว่า “ดาลัง อาหารแดฮันสุด ดคลาสสิก”
…นี่มันบ้าอะไร… มันรู้สึกเหมือนกับการเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ แต่กลับเจอเข้ากับร้านไก่ทอดที่มีกลิ่นอายของ KFC…
แทนที่จะบรรยายที่นี่ว่าเป็นร้านอาหารแดฮันสุดคลาสสิก มันคงจะถูกกว่าหากจะเรียกมันว่าร้านอาหารจานด่วนสไตล์แดฮัน! เลิกทำให้เขาสับสนได้แล้ว!
“ไม่…” หวังเฉิงห่าวหลับตาลงและดึงแขนของฉินเย่ในขณะที่เอ่ยเสียงเบาว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน? คนอย่างพวกเราควรจะไปดื่มโซจูในร้านอาหารที่เงียบสงบและทานมื้ออาหารที่แสนหร รูหราไม่ใช่หรือ? ทำไมมันถึงกลายเป็นไก่ทอดจากร้านที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากตลาดนัดกลางคืนแบบนี้?! นี่ข้าลงทะเบียนคัดค้านได้หรือไม่?!”
คำคัดค้านถูกปฏิเสธ
ดาลัง อาหารแดฮันสุดคลาสสิกไม่ได้แย่นัก มันแค่ไม่ใช่สถานที่ที่หวังเฉิงห่าวจะเดินเข้าในตอนที่ยังมีชีวิต ความรู้สึกในฐานะลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัวมหาเศรษฐีกำลังเด่นชัดเ เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ด้านในของร้านกลับค่อนข้างเงียบ กลุ่มชายหญิงในชุดสูทกำลังพูดคุยกันเบา ๆ ทั้งสามเลือกที่นั่ง เรียกบริการ และจากนั้นก็สั่งอาหารด้วยภาษาอังกฤษที่ไม่ชำนาญนัก
แน่นอน สิ่งที่พวกเขาลองก็คือเนื้อย่างของแดฮัน
เนื้อย่างที่นี่ไม่เหมือนกับเนื้อย่างในจีน น้ำจิ้มของมันถูกสร้างขึ้นจากซอสงาเป็นหลัก และมีความเผ็ดน้อยกว่าที่บ้านเกิดของพวกเขามาก นอกจากนี้ โต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ก็เต็มไปด ด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยและเครื่องเคียงจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนที่อาหารจานหลักจะถูกนำมาเสิร์ฟ
โนบูทาดะไม่แม้แต่จะยกตะเกียบของตนขึ้นมา ในขณะที่หวังเฉิงห่าวลองชิมบางอย่าง ก่อนจะวางชามและช้อนส้อมของตัวเองลง พบว่าฉินเย่ยังคงนั่งนิ่งมาโดยตลอด “ท่านมองอะไรอยู่?”
ฉินเย่ละสายตา หยิบน้ำบ๊วยขึ้นมาและจิบเล็กน้อย “พวกเจ้าสังเกตหรือไม่…”
ทันใดนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มบางบนใบหน้า “[ภาษาอังกฤษ] ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนใช่หรือเปล่าครับ?”
“[ภาษาอังกฤษ] ใช่ครับ” หวังเฉิงห่าวตอบกลับไป อีกฝ่ายเป็นชายหัวโล้นที่น่าจะอายุประมาณสี่สิบกว่า ดวงตาของเขาเป็นประกายสดใสขณะที่เขาจ้องไปที่ฉินเย่ “ขออนุญาตถามนะครับ…แต่ พวกคุณพอจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอุตสาหกรรมบันเทิงของแดฮันบ้างไหมครับ? ในปัจจุบันนี้ อุตสาหกรรมบันเทิงของเราถือได้ว่าเป็นที่หนึ่งในทวีปตะวันออก ไม่ทราบว่า…คุณอยากจะลองเดบ บิวต์ดูไหมครับ?”
นี่มันใช่เรื่องจริงหรือนี่?!
หวังเฉิงห่าวแทบจะพ่นอาหารที่อยู่ภายในปากออกมา ทั้งเขาและโนบูทาดะมองหน้ากันราวกับเห็นผี
ฉินเย่ยิ้มและหันไปมองด้วยรอยยิ้มราวกับได้รับชัยชนะ ฮ่า ๆๆๆ…เห็นหรือไม่? มันยังมีคนที่เห็นคุณค่าของใบหน้าของข้า…
“คุณมาจากสังกัดไหน?”
นี่ท่านคิดจะตอบตกลงอย่างนั้นหรือ?
ดวงตาของชายหัวโล้นสั่นไหว และเขาก็รีบหยิบนามบัตรของตนออกมาอย่างตื่นเต้น “ผมเป็นแมวมองที่รับผิดชอบพื้นที่บริเวณเกาะยออิโดครับ มาจากบริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในแดฮัน SME Entertainment ครับ ผมเข้าใจดีนะครับว่านักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาที่แดฮันนั้นค่อนข้างมีฐานะ แต่คุณเคยคิดบ้างไหมครับว่ามันจะรู้สึกอย่างไรหากได้ยืนอยู่บน เวทีและได้รับความสนใจจากแฟนคลับจำนวนมากที่ตะโกนเรียกชื่อคุณ…”
แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไรต่อ ฉินเย่ก็ยกนิ้วชี้ขึ้นจรดปากและกวักมือเรียกให้เขาเข้าไปใกล้ แม้ว่าจะมึนงงเล็กน้อย แต่เขาก็รีบโน้มตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายทันที
ฉินเย่ดึงหูของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้และกระซิบเสียงเบา “ที่ข้าต้องการจะถามก็คือ…เจ้ามาจากโลกใต้พิภพของที่ใด?”
เสียงของเขาไม่ได้ดังมาก แต่มันก็เพียงพอที่หวังเฉิงห่าวและโนบูทาดะจะได้ยินมัน ทั้งสองวางตะเกียบลงและจ้องมองชายคนนั้นทันที
ชายคนดังกล่าวยังคงแย้มยิ้ม
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของเขากลับดูแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด
และก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไรออกมา ฉินเย่ก็ปัดหูของอีกฝ่ายเบา ๆ ส่งผลให้กลุ่มก้อนพลังหยินของเขาพุ่งเข้าไปในหูของชายคนนั้น และสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับตะขาบที่มีหัวแหลมซึ งก่อตัวขึ้นมาจากพลังหยินก็กรีดร้องและเลื้อยออกมาจากหูอีกข้างหนึ่ง
พรึ่บ!
หวังหนึ่งหางและโนบูทาดะลุกขึ้นยืนทันที โนบูทาดะถึงกับยกมือไปที่เอวของตนตามสัญชาตญาณ แต่ไม่นานเขาก็ลดมือลง
ไม่…
นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะทำเช่นนั้นได้…
“วี๊ด…วี๊ดดด!!!”
ตะขาบดังกล่าวพยายามเลื้อยกลับเข้าไปในสมองของชายคนนั้น มันกรีดร้องออกมาเสียงเบา แต่ส่วนที่เลื้อยออกมาจากหูกลับบวมขึ้นอย่างรวดเร็ว เส้นเลือดสีแดงโปดปูนขึ้นบนร่างของมัน และเสี้ยววินาทีต่อมา ฉินเย่ก็บีบนิ้วของเขาและร่างของตะขาบก็แน่นิ่งไปพร้อมกับแสงสีเขียว ก่อนจะสลายกลายเป็นผุยผง
ตุบ...
ชายหัวโล้นล้มลงกับพื้น ทันใดนั้น ลูกค้าหลายสิบคนที่อยู่ในร้านก็หันมามองด้วยสีหน้าตกตะลึง
เงียบสนิท
“นี่มัน…” ในที่สุดโนบูทาดะก็เข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาหันไปหาฉินเย่ “นายท่าน สาเหตุที่ท่านเลือกสถานที่แห่งนี้ก็เพราะว่าที่นี่เป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับการสอดแ แนมใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง” ฉินเย่เหลือบมองเครื่องเคียงตรงหน้าของตนและอธิบายต่อ “หากเราอยากจะทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จ เราก็ต้องเข้าใจถึงแนวความคิดของโลกใต้พิภพแห่งรุสให้ได้เสียก่อน ยมทูต ของพวกเขาเห็นข้าแล้วถึงสองครั้ง หากเขาตั้งใจที่จะปกป้องหลิวอวี้จริง เช่นนั้น…ยออิโดก็จะต้องเต็มไปด้วยยมทูตอย่างไม่ต้องสงสัย! ผู้ใดจะไปรู้ หลิวอวี้อาจจะเดินทางมาที่นี่เพื อต้อนรับข้าด้วยตัวเองเลยก็ได้”
“แต่…นั่นไม่ใช่ประเด็น” เด็กหนุ่มกวาดสายตาไปรอบ ๆ และเลียริมฝีปากของตนอย่างตื่นเต้น “ข้าเคยอ่านเกี่ยวกับอสูรวิญญาณชนิดนี้มาจากบันทึกของยมโลกมาก่อน มันมีชื่อว่าไรสมอง วิญญ ญาณปรสิตที่ฝังลึกอยู่ในสมองของมนุษย์และควบคุมมันจากภายใน จากนั้น ในชั่วโมงปีศาจ มันก็จะเปลี่ยนกลับไปเป็นเงาและกลับไปหานายของมัน เจ้าแห่งไร และรายงานเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่ างที่มันได้เห็นและได้ยิน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หน้าที่หลักของมันก็คือสอดแนมแดนมนุษย์ นอกจากนี้…นี่ยังเป็นสิ่งที่โลกใต้พิภพระดับสามไม่สามารถทำได้!”
“เขากำลังตามหาข้า…” ฉินเย่หัวเราะขณะที่มองไปยังเหล่าผู้คนที่ยังคงตกตะลึงกับการหมดสติอย่างกระทันหันของชายหัวโล้น “มันน่าตื่นเต้นดีไม่ใช่หรือ? แทนที่จะบอกหลิวอวี้เกี่ยวก กับการปรากฏตัวของข้า แต่เขากลับเลือกที่จะระบุตำแหน่งของข้าโดยใช้เจ้าแห่งไร”
หวังเฉิงห่าวกระพริบตาปริบ “นั่นหมายความว่าอย่างไร?”
โนบูทาดะแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ “ง่ายมาก”
“ชาติขนาดเล็กไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเอ่ยอะไรในการสนทนาระหว่างชาติขนาดใหญ่ นอกจากนี้ มันยังอาจตกเป็นเหยื่อในการแย่งชิงระหว่างชาติที่ใหญ่กว่าอีกด้วย”
“อีกความหมายหนึ่งก็คือ เทพแห่งความตายไร้นามผู้โด่งดังของคริสตจักรออร์ทอดอกซ์ตะวันออกได้เตรียมที่จะทอดทิ้งโลกใต้พิภพแห่งฮันยางเพื่อที่จะเอาใจยมโลกอย่างไรเล่า!!”
[1] หม้อไฟเกาหลี ความหมายของมันจริง ๆ คือ สตูกองทัพ เริ่มทำขึ้นในช่วงระหว่างสงครามเกาหลี และได้รับความนิยมอย่างมากภายหลังจากนั้น ในขณะที่ชาวเกาหลีประสบภาวะอาหารขาดแคลนในช ช่วงสงครามเกาหลี ชาวเกาหลีนำส่วนผสมที่เหลือทิ้งจากกองทัพอเมริกันเช่นเนื้อกระป๋องและฮอตดอกหรืออย่างอื่นที่หาได้มาผสมรวมกันแล้วรับประทาน
[2] S.H.E. คือเกิร์ลกรุ๊ป C-pop จากไต้หวันที่มีสมาชิกอยู่ 3 คน
[3] บอยแบนด์จากไต้หวันที่มีสมาชิก 4 คน