ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 427 เจ้าขาว เจ้านายของเจ้าชื่นชมเจ้ามาก
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 427 เจ้าขาว เจ้านายของเจ้าชื่นชมเจ้ามาก
แควก! แควก!
เสียงดังชัดของเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดก้องอยู่ในหูของทุกคน
ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพทั้งสองมีแต่ความหวาดกลัวในแววตา แม้ว่าทั้งคู่ต้องการสั่งสอนปู้ฟาง แต่การปรากฏตัวของเจ้าขาวทำให้พวกเขารู้สึกหวาดหวั่น
ไอ้บ้านั่นมันคือตัวอะไรกันแน่
โครม! โครม!
ชายทั้งสองถูกโยนออกจากร้านอาหารหมอกเมฆา ร่างของพวกเขาลอยละล่องในอากาศก่อนกระแทกพื้นหน้าทิ่มดิน
คนที่เหลือล้วนตกตะลึง คิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
โดยเฉพาะทายาทของตระกูลใหญ่ที่สั่งให้ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพทั้งสองมาพังร้าน ชายหนุ่มตะลึงงันและหวาดกลัว สองผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพถูกโยนออกจากร้านมาตกตรงหน้าเขาพอดี ร่างเปล ลือยเปล่าของทั้งคู่ทำให้เขาตกตะลึง
สีหน้าของผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพทั้งสองหม่นหมองสุดชีวิต พวกเขาไม่เคยนึกฝันว่าขั้นเซียนเทพอย่างตนจะมีวันถูกจับเปลื้องผ้าจนล่อนจ้อนแล้วโยนออกมานอกร้าน โดนกระทำเช่นนี้น่าอับอ อายกว่าถูกสังหารเสียอีก
ดวงตาของคนอื่นๆ ที่มุงดูสองผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพส่องประกายแวววาว พลางจ้องคนทั้งคู่ที่กำลังคลานขึ้นจากพื้นไม่วางตา จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่น
เมื่อทายาทตระกูลใหญ่ได้ยินเสียงหัวเราะขบขัน เขาก็รู้สึกเหมือนถูกมือจำนวนมหาศาลตบหน้า เขาอึดอัดเหลือใจ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับก้นลิง ดวงตาเบิกกว้างปริ่มไปด้วยความโกรธ เส้นขนบนตัวเหมือนจะลุกชันเพราะความเดือดดาล
ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพทั้งสองคนก็ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่าชายหนุ่มเลย ทั้งคู่อับอายอย่างเหลือทนรีบหยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ และรู้สึกโล่งอกขึ้นหลังจากใส่เสื้อผ้าแล้ว
“ฮึๆ คุณชายสามแห่งตระกูลหลิน ผู้คุ้มกันของเจ้าฝีมือคงยังไม่ถึงขั้น จึงถูกเปลื้องเสื้อผ้าแล้วโยนออกจากร้านเช่นนี้ เจ้าไม่รู้สึกอายหรืออย่างไร”
เสียงหัวเราะขี้เล่นดังมาจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดไหมทองเช่นกัน เขาเอ่ยเยาะเย้ยคุณชายสามแห่งตระกูลหลิน
“พวกเจ้าสมองทึบหรืออย่างไร ถ้าขนาดปราณระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามยังสู้ไม่ได้ แล้วข้าจะเก็บพวกเจ้าไว้ทำไม”
คุณชายสามแห่งตระกูลหลินจ้องผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพทั้งสองที่เสื้อผ้ายับย่นยู่ยี่พลางตะคอกอย่างฉุนเฉียว
ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพทั้งสองทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ถึงแม้พวกเขาจะหน้าแดงเพราะอับอายแต่ก็รู้สึกโกรธขึ้งยิ่งนัก อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นถึงยอดฝีมือขั้นเซียนเทพ แม้ว่าจะทำงานเป็นผู คุ้มกันให้ตระกูลหลิน แต่ก็ยังมีศักดิ์ศรีของความเป็นยอดฝีมือขั้นเซียนเทพอยู่
“คุณชายสามแห่งตระกูลหลิน ข้าว่าเจ้าปลดพวกเขาเสียดีกว่า…”
ชายหนุ่มที่เยาะเย้ยคุณชายสามตระกูลหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูแคลน เขาสั่งอย่างคล่องแคล่วให้ผู้คุ้มกันของตนโจมตีปู้ฟาง หากผู้คุ้มกันของเขาเด็ดชีพปู้ฟางได้ ก็ย่อมเป็นการหักหน้าคุณช ชายสามแห่งตระกูลหลินอย่างโหดเหี้ยม
คนผู้นี้คือคุณชายตระกูลจางแห่งเมืองหมอกนภา สถานะของเขาไม่ได้ด้อยกว่าคุณชายสามแห่งตระกูลหลินเลย
ทั้งสองคนกำลังตามเกี้ยวพาราสีหนานกงหวั่นอยู่ และทั้งคู่ก็รู้สึกขายหน้าหลังจากถูกกระทะสีดำฟาดใส่เพื่อกันออกจากร้าน ดังนั้นวันนี้พวกเขาจึงกลับมาแก้แค้น
ปัง! ปัง!
พื้นดินสั่นสะเทือนเมื่อเงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่หน้าร้านอาหาร
ปู้ฟางโยนเต้าหู้เหม็นในมือลงกระทะก่อนปรายตามองเจ้าขาวด้วยสายตาประหลาดใจ
หลังถูกยกระดับหุ่นโลหะตัวนี้ก็เหมือนจะแผ่รัศมีแกร่งกล้าออกมาไม่หยุดหย่อน พอได้รับการซ่อมแซม เจ้าขาวในตอนนี้ดูเหมือนนักรบในชุดเกราะ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มีเพียงร่างกลมป้อม มุมของชุดเกราะที่ยื่นออกมาเรืองแสงเย็นยะเยือก ปีกโลหะพับได้คู่หนึ่งปรากฏอยู่บนหลังของเจ้าขาว และกำลังแผ่พลังกดดันน่าหวาดกลัวซึ่งทำให้หายใจติดขัดออกมา บนชุดเกราะมีลายเส้น ล้ำลึกนับไม่ถ้วน หากใครจ้องลายเส้นเหล่านี้นานเกินไปอาจจะรู้สึกวิงเวียนได้
กระนั้นสิ่งที่ปู้ฟางพึงพอใจ คือพุงที่ไม่มีชุดเกราะบดบังของเจ้าขาวยังคงขาวจั๊วะและจ้ำม่ำเหมือนเดิม ไม่ต่างอะไรจากเจ้าขาวตัวเก่าที่เขารู้จัก
ปู้ฟางยื่นมือมาตีพุงของเจ้าขาวเบาๆ ความรู้สึกที่ได้รับยังคงเดิมไม่แปลงเปลี่ยน ดูเหมือนว่าเจ้าขาวยังสามารถนำขยะของร้านมาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ดังเดิม
หลังการซ่อมแซม เจ้าขาวก็ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น
ปู้ฟางผงกศีรษะด้วยความพึงพอใจ
“ระบบ ตอนนี้ฝีมือของเจ้าขาวเป็นอย่างไรแล้ว ขีดความแข็งแกร่งควรเพิ่มขึ้นด้วยถูกไหม” ปู้ฟางถามระบบด้วยความอยากรู้
เจ้าขาวค่อนข้างทรงพลัง หลังการซ่อมแซม พลังของมันก็น่าจะแกร่งกล้ายิ่งขึ้น
“เจ้าขาวผ่านการยกระดับอย่างดีที่สุด แก่นของเหล็กล้ำลึกในเหมืองของแคว้นมหากาฬถูกนำมาใช้ปรับปรุงร่างกายของมัน ชุดเกราะรบพิเศษของมันสร้างมาจากวงแหวนปราณโจมตีนับไม่ถ้วน พลั งของเจ้าขาวเพิ่มขึ้นรอบด้าน ตอนนี้ขีดจำกัดของมันพอฟัดพอเหวี่ยงกับยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำลายโซ่ตรวนขั้นเซียนเทพได้ห้าชิ้น ความแข็งแกร่งของเจ้าขาวเหนือกว่าพ พลังปราณของนายท่านสองระดับ และมีระบบระเบิดพลังหากต้องการกำลังมากยิ่งขึ้น แต่หลังจากใช้ระบบระเบิดพลัง เจ้าขาวต้องใช้เวลาพักฟื้นสองวัน” ระบบอธิบายพัฒนาการของเจ้าขาวด้วยน้ำเส สียงเคร่งขรึมจริงจัง
ปู้ฟางอึ้งกับสิ่งที่ระบบพูด แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เขาก็รู้สึกว่าเจ้าขาวกลายเป็นหุ่นมหัศจรรย์ไปแล้ว เขาตีพุงอวบกลมของเจ้าขาวเบาๆ พลางยกยิ้มมุมปาก
เจ้าขาว เจ้าของเจ้าชื่นชมเจ้ามาก
ดวงตาของเจ้าขาวเปล่งแสงสีม่วงออกมาครู่หนึ่ง มันยกมือที่เหมือนพัดลูบหัวตัวเอง
“ข้ากำลังคิดอยู่เชียวว่า พลังปราณระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามอย่างเจ้าจะเปลื้องผ้าแล้วโยนผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพสองคนออกจากร้านได้อย่างไร ดูเหมือนเมื่อครู่จะเป็นฝีมือของหุ่ นเชิดในร้าน หุ่นเชิดตัวนี้คงทำให้เจ้ามั่นใจนักหนาล่ะสิ”
คุณชายตระกูลจางยืนโคลงตัวพลางหรี่ตามองเจ้าขาวที่อยู่ข้างๆ ปู้ฟาง หุ่นเชิดตัวนี้ทั้งสูงและแข็งแกร่ง ชายหนุ่มเอ่ยเย้ยปู้ฟางด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สองยอดฝีมือขั้นเซียนเทพข้างกายเขาปลดปล่อยพลังปราณเที่ยงแท้ออกมาพลางมองเจ้าขาวด้วยสีหน้าขึงขัง
อีกด้านหนึ่ง สองผู้คุ้มกันที่ถูกเจ้าขาวเปลื้องผ้ายืนมองมันด้วยสายตาหวาดกลัว ไม่มีใครจะรู้ดีกว่าพวกเขาว่าหุ่นเชิดตัวนี้ร้ายกาจเพียงใด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดนั่น พวกเ เขาก็ไม่อาจต้านทานมันได้แม้แต่น้อย ทั้งคู่รู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์อย่างไรอย่างนั้น
ในร้านโอสถทิพย์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านอาหารหมอกเมฆา หนานกงหวั่นสวมผ้าคลุมหน้ายืนพิงประตูพลางมองการต่อสู้ในร้านอาหาร นางดูประหลาดใจและสนอกสนใจการต่อสู้ครั้งนี้ไม่น้อย
แววตาของนางมีร่องรอยความพิศวง
หนานกงหวั่นคิดว่าร้านแห่งนี้เป็นเพียงร้านเล็กๆ ไม่มีใครหนุนหลัง แต่ดูเหมือนนางจะด่วนตัดสินเกินไป
“พ่อครัวที่ไร้หัวนอนปลายเท้ากับหุ่นเชิดหน้าตาประหลาด…. ช่างน่าสนใจจริงๆ”
…
การต่อสู้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย ทุกคนล้วนมองมาทางร้านอาหารด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ทั้งหมดล้วนจำคุณชายตระกูลจางและคุณชายสามตระกูลหลินได้ ไม่มีใครในเมืองหมอกนภาไม่รู้จักสมาชิกของสองตระกูลนี้
พวกเขาไม่คาดคิดว่าเถ้าแก่ร้านอาหารร้านนี้จะกล้ายียวนสองตระกูลนี้ ดูเหมือนเถ้าแก่จะรนหาที่ตายแล้ว ไม่มีใครรู้จักอิทธิพลของสองตระกูลนี้ได้ดีกว่าชาวเมือง ทั้งสองตระกูลทัดเทียม กับตระกูลหนานกง
ปัง!
รัศมีของสองผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพจากตระกูลจางแพร่กระจายออกมา พวกเขาเบิกตากว้างพลางจ้องปู้ฟางด้วยความโกรธแค้น จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีและพยายามเผด็จศึกด้วยการบุกครั้งเดียว
ผู้คุมกันขั้นเซียนเทพคนหนึ่งเข้าสกัดเจ้าขาว ส่วนอีกคนพุ่งไปหาปู้ฟาง
พวกเขาประสานพลังกันอย่างดีและมีเป้าหมายชัดเจน
คุณชายตระกูลจางพึงพอใจยิ่งนัก ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพของตระกูลจางเป็นยอดฝีมืออย่างที่คิดไว้ เขาจ้องคุณชายสามตระกูลหลินที่มีสีหน้าบิดเบี้ยวย่างอิ่มอกอิ่มใจ “ดูตระกูลของเจ้าสิ เลี้ยงผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพได้เสียข้าวสุกจริงๆ”
เจ้าขาวหันหน้ามาเล็กน้อย ดวงตาของมันส่องแสงสีม่วงวูบวาบ
“ผู้ก่อความไม่สงบจะต้องถูกจับแก้ผ้าประจานต่อหน้าประชาชี”
คำพูดที่หลุดจากปากของเจ้าขาวเหมือนเดิมทุกประการ
ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพของตระกูลหลินหัวใจสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงของหุ่นเชิด
ทว่าผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพของตระกูลจางไม่ใส่ใจเจ้าขาวสักนิด ทั้งสองคำรามอย่างเกรี้ยวกราดพลางระเบิดพลังปราณเที่ยงแท้ในกายโดยไม่คิดยับยั้ง ดูเหมือนพวกเขาคิดจะผลาญพลังปราณเที่ย ยงแท้ของตนเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ
ฝ่ามือซึ่งดูเหมือนมีพลังมากพอจะทลายภูผาได้ฟาดใส่เจ้าขาว
ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพอีกรายกางแขนออกพลางพุ่งเข้าใส่ปู้ฟาง เห็นได้ชัดว่าหมายจะจับตัวปู้ฟางไว้
ทันทีที่จับตัวปู้ฟางได้ พวกเขาย่อมควบคุมหุ่นเชิดนั่นได้ พวกเขารู้ดีว่าเป้าหมายหลักคือต้องจับตัวปู้ฟางมาให้ได้
ทว่าเมื่อผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพรายนี้ปรายตามองปู้ฟาง หัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน
นั่นเพราะสายตาของปู้ฟางเหมือนกำลังมองคนสมองทึบ
ปัง!
เสียงกึกก้องดังมาจากข้างหลัง
ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพตกตะลึง เขาหันกลับไปมองภาพด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว ภาพตรงหน้าทำให้ตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
เจ้าหุ่นเชิดนั่น… ปล่อยหมัดออกมาสบายๆ ขณะเผชิญหน้ากับการโจมตีชนิดสุดแรงเกิดจากสหายของเขา
เสียงกระดูกแตกเป็นเสี่ยงดังก้องเมื่อผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพอีกรายถูกเจ้าขาวฟาดหมัดใส่จนลงไปกองกับพื้น แขนข้างหนึ่งปลิวออกจากร่าง เลือดกระเซ็นไปทั่วทุกหนแห่ง
‘บ้าเอ๊ย! เหตุใดเจ้าหุ่นนั่นถึงแข็งแกร่งนัก’
ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพที่กำลังจู่โจมปู้ฟางโอดครวญในใจ เขาหันกลับมามองปู้ฟางด้วยสีหน้าสยดสยอง
“ข้าจะจับเจ้า! จับเจ้าได้เมื่อไร เจ้าหุ่นเชิดนั่นก็จะกลายเป็นเศษเหล็ก มานี่!”
ครืน!
พลังปราณเที่ยงแท้ที่คนผู้นี้ปล่อยออกมาทำให้เกิดลมพัดแรงไปทั่วร้าน พลังปราณของผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพผู้นี้ไม่ใช่ไก่กา เขาฝึกตนจนบรรลุขั้นเซียนเทพชั้นกลางแล้ว ร่างของ งเขาพุ่งไปข้างหน้าราวสายฟ้าขณะบุกเข้าใส่ปู้ฟางอย่างโกรธแค้น
ปู้ฟางมองผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพรายนี้ด้วยดวงตานิ่งสงบ
ลมแรงจากฝีมือของผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพซัดปะทะร่างของปู้ฟาง ทำให้ผมของเขาปลิวสยายไปด้านหลัง เชือกกำมะหยี่ขาดผึง ผมสยายลงมาประบ่า
จ๋อม!
ปู้ฟางคลายมือที่คีบตะเกียบแล้วปล่อยเต้าหู้เหม็นอีกชิ้นลงกระทะ ไอน้ำลอยขึ้นจากกระทะ กลิ่นเหม็นคลุ้งทั่วบริเวณอีกครั้ง
ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพจวนจะถึงตัวปู้ฟางแล้วแต่ถูกสกัดไว้ได้
มือใหญ่ราวพัดเข้าขวางหน้าแล้วจับศีรษะของเขาไว้ พลังมหาศาลจากมือข้างนั้นทำให้ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพรู้สึกเหมือนศีรษะกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง
เขาแผดเสียงร้องโกรธเกรี้ยว ดูเหมือนว่าต้องใช้ท่าไม้ตายขั้นสุดยอดเสียแล้ว
ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพดิ้นหลุดจากเงื้อมมือของเจ้าขาวแล้วหนีไปตั้งหลักเสียไกล เขาหอบเสียงดัง ในใจตื่นตกใจสุดขีด เขาเงยหน้ามองเจ้าขาวด้วยอาการอกสั่นขวัญหาย แต่ก่อนจะมองเจ้าขา าวได้ชัดๆ กลับถูกฝ่ามือที่เหมือนพัดตบเสียก่อน
ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพกระอักเลือดเพราะโดนตบจนปลิวไปไกล
เจ้าขาวเดินเข้าหาผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพทั้งสองคนช้าๆ มันเดินนวยนาดเข้าหาพวกเขาที่ยังนอนกองอยู่บนพื้น แล้วจับทั้งคู่ฉีกทึ้งเสื้อผ้าก่อนจะโยนออกจากร้านไป
ชุดของพวกเขาปลิวสะบัด สองผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพจากตระกูลจางถูกเปลื้องเสื้อผ้าแล้วโยนออกจากร้านเหมือนซากสุนัขสองตัว
โครม! โครม!
ยอดฝีมือขั้นเซียนเทพทั้งสองปลิวมาตกตรงหน้าคุณชายตระกูลจาง ชายหนุ่มตะลึงงันก่อนเงยหน้าขึ้นมองปู้ฟาง
เกิดบ้าอะไรขึ้น
เหตุใดผู้คุ้มกันของเขาจึงถูกโยนออกมาเช่นกัน นี่มันไม่ได้อยู่ในแผนชัดๆ…
เสี้ยวลมหายใจต่อมา ร่างของเขาก็แข็งทื่อเมื่อหันมองไปทางเจ้าขาว แล้วพบว่าดวงตาสีม่วงของหุ่นเชิดโลหะกำลังจับจ้องมาที่ตน
“ผู้ก่อความไม่สงบ...
“ใครเป็นผู้ก่อความไม่สงบกัน เจ้าหุ่นเชิดนี่คิดจะทำอะไร ข้าเป็นถึงคุณชายตระกูลจางเชียวนะ!”
สีหน้าของชายหนุ่มเผยความหวาดกลัว เขาถอยร่นอย่างรวดเร็วแล้วแผดเสียงใส่ผู้คุ้มกันขั้นเซียนเทพอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“พวกเจ้ามัวนิ่งบื้ออะไรอยู่ รีบจัดการมันสิ! หยุดเจ้าบัดซบนั่นเร็วเข้า!”