ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยง ข้าพลิกฟื้นทั้งครอบครัว - ตอนที่ 235 แข่งใหม่
ฉินเหยาจ้องหลิวจี้ด้วยสายตาเย็นเยียบ
นางคิดอยู่แล้วว่าเหตุใดเมื่อคืนคนผู้นี้ถึงพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่าจะไปดูการแข่งเรือมังกร ที่แท้ก็รอเรื่องนี้อยู่นี่เอง!
เพียงแค่สิบกว่าวินาที สถานการณ์บนอัฒจันทร์ก็เปลี่ยนแปลงไป
ท่านผู้ว่าการประกาศให้ธงขาวเป็นที่หนึ่ง คนที่แทงธงเหลืองไม่ยอมรับ คนที่แทงทั้งสองธงและได้ที่หนึ่งก็ไม่ยอมรับ
แต่ถ้าบอกว่าธงเหลืองเป็นที่หนึ่ง คนที่แทงธงขาวและคนที่แทงทั้งสองธงก็ไม่ยอมรับเช่นกัน
ท่านผู้ว่าการคิดในใจว่า ดี ในเมื่อไม่เห็นด้วยกันหมด ก็แข่งกันใหม่อีกรอบก็แล้วกัน
คราวนี้คงจะพอใจกันหมดแล้วกระมัง?
ไม่!
ผู้เข้าแข่งขันต่างก็พร้อมใจกันบอกว่า พวกเขาเหนื่อยล้าเกินไป วันนี้ไม่สามารถแข่งอีกรอบได้
“แล้วจะทำอย่างไร จะให้มาแข่งกันพรุ่งนี้ก็ไม่ได้นี่! โต๊ะเลี้ยงมังกรของหอเติงอวิ๋นเปิดวันนี้แล้วนะ!” ชาวบ้านฝั่งตรงข้ามตะโกนด้วยความไม่พอใจ
“ถ้าเช่นนั้นก็คงคำตัดสินเดิมไว้ดีกว่า!” ผู้คนที่แทงธงขาวตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ได้!” คุณหนูเฮ่อตะโกนเสียงดัง กลบเสียงชาวบ้านฝั่งตรงข้ามไปหมด
เอาเถอะ ดูเหมือนว่าคงต้องเริ่มกันใหม่แล้ว
สำหรับเรื่องนี้ ผู้ชมก็ยังพอรับได้ อย่างน้อยผลลัพธ์ก็ชัดเจน ไม่ว่าใครจะได้ที่หนึ่ง คนที่แพ้ก็ยอมรับแต่โดยดี
เมื่อเทียบกับผู้ชมที่ตื่นเต้นแล้ว เหล่าฝีพายของเรือธงเหลืองและธงขาวกลับไม่ได้ยึดติดมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วหากแข่งกันอีกรอบ ร่างกายของพวกเขาก็รับไม่ไหวอยู่ดี
ที่หนึ่งหรือไม่ใช่ที่หนึ่งก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตของตนเอง
ในเวลานั้นเอง เสียงทุ้มต่ำที่ยังคงเจือด้วยความอ่อนเยาว์ของเด็กก็ดังขึ้น
เห็นเพียงอัจฉริยะฉีเซียนกวนที่นั่งสงบนิ่งอยู่ข้างฮูหยินผู้ว่าการลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวเสียงดังว่า
“ทุกคนอย่าทะเลาะกันเลย! ในเมื่อไม่ว่าตัดสินอย่างไรก็ไม่มีใครพอใจ และนักกีฬาของทั้งสองกลุ่มก็ไม่ต้องการแข่งใหม่ ถ้าเช่นนั้นก็หาคนใหม่มาแทนทั้งสองกลุ่มเพื่อแข่งใหม่จะไม่ดีกว่าหรือ”
ทันทีที่กล่าวจบ ผู้คนที่กำลังทะเลาะกันไม่หยุดก็เงียบลง ใช่แล้ว หาคนมาแข่งใหม่จะไม่ดีกว่าหรือ
คนตีกลองและหัวหน้าของทั้งสองกลุ่มก็พยักหน้าสื่อว่าสามารถช่วยนำเรือและคุมหัวเรือต่อไปได้
ผู้ว่าการเฮ่อมองฉีเซียนกวนที่เสนอทางแก้ปัญหาด้วยความชื่นชมแล้วมองบุตรสาวที่กำลังโวยวายด้วยความจนใจ คิดในใจว่าช่างน่าอิจฉาเสียจริง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดไม่ให้คุณชายฉีและคุณหนูเฮ่อจัดตั้งกลุ่มกันคนละกลุ่มแล้วแข่งกันอีกรอบเพื่อตัดสินผลแพ้ชนะเล่า” ขุนนางที่อยู่ข้างๆ พลันเสนอขึ้น
เมื่อชาวบ้านได้ยินก็ยิ่งรู้สึกพอใจ นี่สิถึงจะสนุก ล้วนพากันแสดงความเห็นด้วย
ผู้ว่าการเฮ่อ “…”
คุณหนูเฮ่อรีบลุกขึ้นยืน ไม่ทันรอให้บิดาพูดอะไรนางก็โบกมือให้สาวใช้ที่อยู่ข้างหลัง สาวใช้จึงประกาศเสียงดังว่า
“ฝีพายคนใดที่ยินดีเข้าร่วมกลุ่มธงเหลืองเพื่อช่วยให้กลุ่มธงเหลืองของคุณหนูข้าชนะได้ที่หนึ่ง ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ทุกคนจะได้รับเงินรางวัลหนึ่งตำลึง!”
“หากกลุ่มธงเหลืองของข้าได้ที่หนึ่ง คุณหนูของข้าจะให้เงินรางวัลเพิ่มอีกคนละหนึ่งตำลึง!”
“มีเงินรางวัลด้วย?” ฉินเหยาที่เพิ่งย้ายจากต้นไม้มาอยู่บนสะพานหินเลิกคิ้วขึ้น งานนี้นางน่าจะทำได้!
เมื่อครู่ทุกคนต่างก็โต้เถียงกันว่ากลุ่มธงเหลืองหรือธงขาวใครจะได้ที่หนึ่ง สะพานหินที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนจึงว่างเปล่าลง
เด็กอยู่บนยอดไม้สูงเช่นนั้นอันตรายเกินไป ฉินเหยาจึงรีบย้ายครอบครัวพร้อมหลิวลี่และต้าจ้วงมาอยู่บนสะพานหินแทน
ตอนนี้เมื่อทุกคนรู้ว่ามีการแข่งใหม่ เมื่อคิดได้และต้องการกลับไปยังทำเลที่ดีบนสะพานหินก็สายเกินไปแล้ว
เนื่องจากจับจองที่ได้เร็ว ตอนนี้ครอบครัวของฉินเหยาทั้งสองจึงยึดตำแหน่งกลางสะพานหินเอาไว้ได้
ฉินเหยาดันซานหลางซื่อเหนียงไปตรงหน้าหลิวจี้แล้วรีบยกมือพลางกระโดดลงจากสะพานหิน “ข้าเอง!”
คุณหนูเฮ่อเห็นหญิงสาวกระโดดจากสะพานลงไปบนเรือมังกรของกลุ่มธงเหลือง ก็หันไปสบตากับสาวใช้อย่างยินดียิ่ง “เป็นสตรีที่เป็นวรยุทธ์!”
สาวใช้ก็พยักหน้าด้วยความตื่นเต้นแล้วเรียกคนต่อไป
นี่คือลายมือของอัจฉริยะฉีเซียนกวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเชียวนะ ผู้คนมากมายยินดีจ่ายในราคาสูงเพื่อซื้อเก็บไว้เชียว
ทันใดนั้นเอง กระทั่งคนที่ไม่เคยพายเรือมาก่อนยังพากันแย่งขึ้นเรือมังกรเพื่อให้ได้อักษรของฉีเซียนกวน
องครักษ์รีบพาหัวหน้ากลุ่มธงขาวมาคัดเลือกคน โดยเหลือไว้แต่คนที่ตัวสูงใหญ่และมีกำลังวังชา
หลิวจี้ยืนมองฉินเหยาขึ้นเรือกลุ่มธงเหลืองได้สำเร็จอยู่บนสะพานหิน แย่แล้วๆ เขาร้อนใจแล้ว!
หากกลุ่มธงเหลืองชนะ เงินเก็บส่วนตัวที่เขาแทงไว้ก็คงจะไม่ได้คืนอีกแล้ว
ดังนั้น เขาจึงกัดฟันดันต้าหลางและน้องๆ ทั้งสี่ไปตรงหน้าหลิวลี่ที่กำลังกระตือรือร้น “น้องหลิวลี่ ข้าฝากด้วย!”
“เอ๊ะ!” หลิวลี่งงงัน อยากจะเรียก แต่หลิวจี้ก็รีบกระโดดขึ้นเรือมังกรของกลุ่มธงขาวไปแล้ว
หลิวลี่โกรธจนพูดไม่ออก เขาก็อยากได้อักษรของฉีเซียนกวนเหมือนกันนะ!
“ข้าๆๆ ข้าพายเรือเป็น แถมยังเคยได้ที่หนึ่งของอำเภอเราด้วย!” หลิวจี้โกหกหน้าตาย
เพื่อรักษาเงินเก็บส่วนตัว เขายอมตาย!
องครักษ์ของตระกูลฉีชี้ไปที่หลิวจี้ “เจ้าคนที่เคยได้ที่หนึ่ง ขึ้นมา!”
เหล่าฝีพายต่างก็หันขวับมามองหลิวจี้ คิดว่าคนที่ได้ที่หนึ่งของอำเภออย่างน้อยก็ต้องเป็นชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ ใครจะคิดว่ากลับมีใบหน้าที่สวยกว่าสตรีเสียอีก พวกเขาพากันชะงักงันไปชั่วขณะ
หลิวจี้ไม่สนใจพวกเขา ขอแค่ขึ้นเรือได้ก็พอ ขึ้นเรือได้เงินเก็บส่วนตัวของเขาก็ยังพอมีหวัง
ฉินเหยาสตรีโหดผู้นี้มีแค่แรงมากเท่านั้น แต่การแข่งเรือมังกรไม่ใช่แค่มีแรงเพียงคนเดียวก็สามารถชนะได้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งกลุ่ม ข้อได้เปรียบส่วนตัวมีแต่จะถูกทั้งกลุ่มลดทอนลงไปก็เท่านั้น
ดังนั้นหลิวจี้จึงคิดว่ากลุ่มของตนเองมีโอกาสชนะสูงมาก
ใช่ พวกเขาต้องชนะแน่นอน! หลิวจี้สะกดจิตตัวเองเงียบๆ ความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ฉินเหยามองหลิวจี้ขึ้นเรือมังกรแต่ไกล ปฏิกิริยาแรกของนางคือมองหาว่าใครกำลังดูเด็กๆ อยู่ เมื่อเห็นว่ามีผู้ใหญ่สองคนคือหลิวลี่และต้าจ้วงอยู่ข้างๆ นางจึงค่อยคลายใจ
ทว่าสายตาที่นางมองหลิวจี้อีกครั้งกลับเต็มไปด้วยไอสังหารพวยพุ่ง
หลิวจี้มาถึงตำแหน่งสำคัญที่ท้ายเรือในฐานะฝีพายอันดับหนึ่งของอำเภอไคหยาง เพิ่งนั่งลงก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ
เขาหันไปมองด้านหลังโดยไม่รู้ตัวก็เห็นฉินเหยายืนอยู่บนเรือมังกรของธงเหลือง ชี้มือมาที่เขา แล้วยกมือขึ้นทำท่าปาดลำคออย่างเลือดเย็น
หลิวจี้ใจหายวาบ รีบหันหน้ากลับมา หัวใจเต้นรัวดั่งกลองศึก
หัวหน้ากลุ่มยื่นพายมาให้ เขาก็รีบคว้าไว้แน่น ในใจคิดว่าอย่างไรเสียก็ต้องตาย สู้ชนะนางสักครั้งแล้วค่อยตายก็แล้วกัน
ฝีพายของทั้งสองกลุ่มเข้าประจำที่หมดแล้ว เรือมังกรแล่นมาอยู่ใต้สะพานหิน รอคอยสัญญาณ
หัวหน้ากลุ่มธงขาวเห็นว่าเรือมังกรของกลุ่มธงเหลืองมีฝีพายเป็นสตรีถึงเจ็ดแปดคนก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย คิดว่าคราวนี้ชนะแน่นอน
สตรีแรงแขนสู้บุรุษไม่ได้ และสิ่งที่ฝีพายต้องการมากที่สุดก็คือแรงแขน ดังนั้นจึงต้องมีชายฉกรรจ์จำนวนมาก
บัดนี้กลุ่มธงเหลืองกลับมีฝีพายที่เป็นสตรีถึงเจ็ดแปดคน กำลังจึงต่างกันมาก ความเร็วคงสู้พวกเขาไม่ได้
บนอัฒจันทร์ ฉีเซียนกวนก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองลูกพี่ลูกน้องที่มั่นใจเต็มเปี่ยม คิดว่าเดี๋ยวแพ้นางต้องร้องไห้แน่จึงเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“น้องจางหัว ตอนนี้ยังเปลี่ยนคนยังทันนะ พวกเราจะรอจนน้องเปลี่ยนคนให้เรียบร้อยก่อนค่อยเริ่ม”
เฮ่อจางหัวส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก สมาชิกของกลุ่มธงเหลืองของข้าเก่งมาก”
“แรงของสตรีอย่างไรก็สู้บุรุษไม่ได้” ฉีเซียนกวนคิดว่านางไม่เข้าใจคำเตือนของตน จึงพูดออกมาตรงๆ
แต่เฮ่อจางหัวจะไม่ได้รู้ข้อนี้ได้อย่างไร ฝีพายทุกคนบนเรือเป็นคนที่นางคัดเลือกมาเอง นางเชื่อมั่นในตัวพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง