ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 490 แตกหัก
บทที่ 490 แตกหัก
ในเมื่อแตกหักกันแล้ว หลู่เจินก็ไม่กังวลอะไรอีก “เซี่ยยวี่หลัว เจ้าอย่าได้ลืม ไม่ว่าเจ้าจะแต่งงานแล้วจะได้ดีเพียงใด ตระกูลเซี่ยก็เป็นบ้านเดิมของเจ้าตลอดไป! ”
เซี่ยเมี่ยวที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวขึ้นเช่นกัน “ใช่แล้ว เจ้าแค่ได้แต่งกับบัณฑิตยากไร้ ก็โอหังถึงเพียงนี้แล้ว ยังดีที่ตอนแรกเจ้าไม่ได้แต่งกับคนร่ำรวย หากเจ้าได้แต่งจริง คงมองพวกเราจากร่องประตู! พวกเรามาเยี่ยมเจ้าด้วยความหวังดี เจ้ายังมีหัวใจบ้างหรือไม่! ”
เซี่ยยวี่หลัวถูกแม่หนูที่อายุน้อยกว่านางสามถึงสี่ปีชี้จมูกด่าว่านางเป็นคนไม่มีหัวใจ นางไม่โมโหแต่กลับหัวเราะ เพ่งมองนิ้วมือของเซี่ยเมี่ยวพลางเอ่ยถาม “ไม่พบกันนานกว่าครึ่งปี เมี่ยวเมี่ยวนับว่าได้รับการอบรมสั่งสอนดีขึ้นเรื่อยๆ ! ”
หลู่เจินเลิกคิ้วอย่างได้ใจ “มีอะไรน่าพูดกัน ข้าเป็นคนอบรมบ่มเพาะเมี่ยวเมี่ยวมากับมือ! ต่อไปจะได้แต่งเข้าตระกูลใหญ่ไปเป็นนายหญิงใหญ่ จะเหมือนกับเจ้าได้อย่างไร แต่งกับชาวบ้านในชนบท รู้แต่การทำไร่ไถนาไปชั่วชีวิต! ”
เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะ “นั่นสิ ไม่รู้ว่าทั่วทั้งเมืองโยวหลัน ตระกูลใหญ่ล้วนมีการอบรมสั่งสอนเช่นนี้หรือไม่ น้องสาวคนหนึ่ง ถึงกับกล้าใช้นิ้วชี้พี่สาวของตัวเองพร้อมหมิ่นหยามก่นด่า คราวหน้าต้องป่าวประกาศเสียแล้ว ว่าตระกูลใดอยากได้นายหญิงใหญ่ที่ใช้นิ้วชี้จมูกพี่สาวพร้อมก่นด่าเช่นนี้บ้าง! ”
เซี่ยเมี่ยวใบหน้าขึ้นสีแดง รีบหดนิ้วมือที่ชี้เซี่ยยวี่หลัวกลับมา “เจ้า…” เจ้าอยู่ครึ่งค่อนวันก็ยังกล่าวอะไรไม่ออก
หลู่เจินเพิ่งตระหนักในตอนนี้เอง ว่าบัดนี้เซี่ยยวี่หลัวกลายเป็นคนที่ต่อกรด้วยยากเสียแล้ว
ไม่โต้ตอบตามหลักเหตุผลทั่วไปแม้แต่น้อย
หลู่เจินรู้ว่าคราวนี้ตัวเองต้องไม่ได้อะไรกลับไปแน่นอน จึงทำได้เพียงพาเซี่ยเมี่ยวจากไปด้วยความผิดหวัง ภายในลานบ้าน เสื้อผ้าที่เซี่ยยวี่หลัวซักจนสะอาดล้วนตากแดดจนแห้งแล้ว โบกพลิ้วตามสายลม นางใช้สบู่ซักผ้า กลิ่นหอมยิ่งนัก
เซี่ยเมี่ยวเดินไม่ไหว ไม่ว่าหลู่เจินจะฉุดดึงอย่างไร เซี่ยเมี่ยวก็ไม่ยอมเดิน สายตาของนางเพ่งมองไปทางเสื้อผ้าเหล่านั้นของเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวสวมใส่เสื้อผ้าอย่างทะนุถนอม ถึงแม้เสื้อเหล่านั้นจะเป็นเสื้อเก่า แต่สวมใส่เพียงไม่นาน จึงไม่ต่างกับตัวใหม่เท่าใดนัก รูปร่างของเซี่ยเมี่ยวไม่ต่างกับเซี่ยยวี่หลัวมากนัก เพียงแก้เล็กน้อยก็สามารถแก้เป็นเสื้อใหม่ได้แล้ว
“ท่านแม่ ข้าจะเอา! ” เซี่ยเมี่ยวดึงหลู่เจิน ไม่ยอมเดิน
ครั้งใดบ้างที่หลู่เจินมาแล้วจะไม่หอบข้าวของกลับไปทั้งห่อใหญ่ห่อเล็ก คราวนี้กลับไปมือเปล่าก็คงไม่ดี “ยวี่หลัว เหตุใดเจ้าถึงซักเสื้อผ้ามากมายถึงเพียงนี้เล่า?”
“อ๋อ ข้าใส่จนตัวเล็กแล้ว ซักให้สะอาดจะได้เก็บไว้! ”
เมื่อได้ยินว่าใส่จนตัวเล็กแล้ว หลู่เจินพลันเผยรอยยิ้มบนใบหน้า “ยวี่หลัว ในเมื่อเสื้อเหล่านี้เล็กเกินไปสำหรับเจ้า ถ้าอย่างไรเจ้าให้ข้าดีหรือไม่? จะได้ไม่ต้องซื้อให้น้องสาวของเจ้าอีก บิดาของเจ้าก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อย ได้หรือไม่? ”
เห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่กล่าวอะไร หลู่เจินจึงกล่าว “ไม่เป็นอะไร เป็นของเก่าก็ไม่เป็นอะไร น้องสาวของเจ้าชอบใส่เสื้อของเจ้า เสื้อบนกายนาง มีตัวใดบ้างที่ไม่ใช่เสื้อที่เจ้าเคยสวม? นางชอบใส่! เจ้าจำไม่ได้หรือ เมื่อก่อนตอนเจ้ายังไม่ออกเรือน หากน้องสาวของเจ้าไม่มีเสื้อใส่ ก็จะชอบไปหยิบเสื้อจากตู้เสื้อผ้าของเจ้ามาใส่ แต่เสื้อของเจ้าใหญ่เกินไปสำหรับนาง ใส่แล้วดูไม่พอดีตัว นางยังหัวเราะคิกคักเลย”
เมื่อก่อนเซี่ยยวี่หลัวมีเสื้อผ้าดีๆ ให้สวมใส่ที่ไหนกัน!
ขอเพียงมีเสื้อผ้าดีๆ สักหนึ่งหรือสองตัว ก็จะโดนเซี่ยเมี่ยวหลอกขอมา
ส่วนเซี่ยยวี่หลัวก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงคิดว่าเสื้อผ้าของตัวเองถูกเซี่ยเมี่ยวหยิบไปก็เท่านั้น
มิน่าล่ะ ถึงหาเสื้อผ้าในอดีตไม่พบแม้แต่ตัวเดียว ที่แท้ เสื้อผ้าที่นางสวมใส่จนตัวเล็ก ก็ถูกน้องสาวผู้นี้เอาไปจนหมด
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม “มีเสื้อเพียงสองตัว จื่อเมิ่งบอกว่านางชอบ ข้าซักเสร็จแล้ว คิดจะแก้ให้นาง! ”
นั่นหมายความว่า เสื้อสองตัวนี้ให้คนอื่นแล้ว ให้นางไม่ได้แล้ว
เซี่ยเมี่ยวโมโหจนใบหน้าขาวซีด “ก็แค่เสื้อเก่าๆ สองตัวไม่ใช่หรือ ใครอยากได้กัน! ”
กล่าวจบก็หันขวับเดินจากไปทันที หลู่เจินจ้องเซี่ยยวี่หลัวด้วยแววตาดุดัน กัดฟันกรอดพร้อมกล่าว “ไม่พบกันกว่าครึ่งปี ช่างเปลี่ยนไปมากเสียจริง! ”
เซี่ยยวี่หลัวยืนมือกอดอก ยิ้มพร้อมกล่าว “เปลี่ยนไปมากจริงๆ ไม่พบกันกว่าครึ่งปี แม่เลี้ยง รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าท่านเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย”
หลู่เจินโมโหจนแทบกระอักเลือด “เจ้า…”
นางถลึงตาใส่เซี่ยยวี่หลัว หันขวับเดินไปทันที
เห็นว่าพวกนางจากไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าเซี่ยยวี่หลัวจึงค่อยๆ แข็งทื่อ
สองคนนี้ มีบทบาทอย่างไรต่อการแยกทางของเจ้าของร่างเดิมกับเซียวยวี่กันแน่ ทั้งยังมีในช่วงหลัง เหตุใดนางเอกถึงดีต่อครอบครัวนี้ถึงเพียงนั้น!
นางเอกกับคนครอบครัวตระกูลเซี่ย ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน
ใต้หล้านี้ ไม่มีความรักที่เกิดขึ้นโดยไร้สาเหตุ ทั้งยังไม่มีความแค้นที่เกิดขึ้นอย่างไร้สาเหตุ ระหว่างสองคนนี้ ต้องมีความเกี่ยวพันบางอย่างกันแน่
แต่ความเกี่ยวพันนั้นคืออะไรเล่า?
ต้องโทษนางที่อ่านถึงตอนเจ้าของร่างเดิมตายอย่างน่าเวทนาก็ไม่ได้อ่านต่ออีก ตอนนั้นรู้สึกง่วงนอนจนทนไม่ไหว ในภายหลังเกิดอะไรขึ้น นางไม่รู้เลยแม้แต่น้อย!
บัดนี้ปมปริศนาปมแล้วปมเล่าปรากฏอยู่เบื้องหน้าเซี่ยยวี่หลัว นางมองดูเสื้อผ้าเก่าสองตัวที่อยู่ในลาน พลางขมวดคิ้วมุ่น
หลู่เจินและเซี่ยเมี่ยว มามือเปล่า กลับมือเปล่า แต่กลับเช่ารถม้าคันใหญ่ถึงเพียงนั้นเพื่อใส่ข้าวของ หลังจากกลับไปคงถูกคนหัวเราะเยาะอย่างหนักเป็นแน่!
เซี่ยเมี่ยวกล่าวด้วยอารมณ์โมโห “ท่านแม่ เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ดูเหมือนจะต่างจากเดิมแล้วเจ้าค่ะ! ”
หลู่เจินเองก็คิดเช่นนี้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น!
“นางหนูที่สมควรตายนั่น ไม่พบกันกว่าครึ่งปี หากไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ยังคงดูราวกับนางจิ้งจอก ข้าคงคิดว่าเป็นคนอื่น! ”
หน้าตาราวกับนางจิ้งจอก เห็นแล้วโมโหแทบตาย!
“ท่านแม่ ท่านลองคิดดู ท่านพ่อหน้าตาก็ไม่เท่าไร ส่วนมารดาของนางหน้าตาก็ธรรมดา เหตุใดเซี่ยยวี่หลัวถึงหน้าตาดีนักเจ้าคะ! ” เซี่ยเมี่ยวกล่าวด้วยความไม่พอใจ “หากข้าหน้าตาดีได้สักกึ่งหนึ่งของนาง ต่อให้นอนฝันอยู่ก็คงหัวเราะจนตื่น! ”
หน้าตาช่างดูดีเหลือเกิน
เซี่ยเมี่ยวยังไม่เคยพบเห็นสตรีที่หน้าตาดีถึงเพียงนี้มาก่อน คราวนี้ได้พบอีกครั้ง นางพบว่าเซี่ยยวี่หลัวหน้าตาดีกว่าเดิมเสียอีก
งดงามราวกับภาพวาดก็มิปาน!
หลู่เจินเองมีหรือจะไม่รู้สึกอิจฉา มองดูรูปหน้าบุตรสาวของตนเองที่ดูธรรมดาไร้สีสัน ก่อนคิดถึงใบหน้าของเซี่ยยวี่หลัวที่งดงามจนมองแล้วรู้สึกสว่างเจิดจ้าจนแทบตาบอด หลู่เจินจับหน้าอกของตนเอง
รู้สึกเจ็บปวดแทบตาย
ในหมู่บ้านข้างเคียง เกรงว่าคงไม่อาจหาสตรีที่งดงามกว่าเซี่ยยวี่หลัวได้อีกแล้ว
หากเซี่ยยวี่หลัวเป็นอันดับสอง ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าเป็นอันดับหนึ่ง หากเซี่ยยวี่หลัวเป็นอันดับหนึ่ง เช่นนั้นอันดับสองต้องด้อยกว่าเซี่ยยวี่หลัวมากอย่างแน่นอน
ถึงแม้หลู่เจินจะรู้สึกอิจฉา แต่ยังคงกัดฟันกล่าว “หน้าตาดีจะมีประโยชน์อะไร สุดท้ายก็แต่งกับคนไร้ประโยชน์ไม่ใช่หรือ! ”
คนไร้ประโยชน์อย่างเซียวยวี่ นางได้ยินมาว่าครั้งนี้สอบไม่ผ่านอีกแล้ว ดูสิ ตาแก่นั่นก็มีคราวที่มองคนพลาดเช่นกัน ตอนนั้นพาตัวนางไป ให้แต่งงานกับเซียวยวี่โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ กว่าจะไปตามหานาง พวกเขาก็เข้าเรือนหอแล้ว
ตาแก่นั่นหยิบมีดหั่นผักมาหนึ่งเล่ม ยืนอยู่หน้าประตูบ้านเซียวยวี่ โวยวายเสียงดังว่าหากใครจะพาเซี่ยยวี่หลัวไป ก็ให้ข้ามศพเขาไปก่อน!
หน็อย! ปล่อยให้หญิงบริสุทธิ์ต้องเสียเปล่าไปหนึ่งคน!
รูปลักษณ์งดงามถึงเพียงนี้ หากแต่งเข้าตระกูลที่ร่ำรวย จะได้สินสอดมากมายเพียงใดกัน!