ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 491 ถูกทรยศหักหลัง
บทที่ 491 ถูกทรยศหักหลัง
“ท่านแม่ พวกเรากลับไปมือเปล่าเช่นนี้ ถึงเวลาหากท่านพ่อถาม พวกเราจะทำอย่างไรเจ้าคะ? ” เมื่อออกจากประตู เซี่ยเมี่ยวจึงเอ่ยถามทันที
“ฮึ จะทำอย่างไรได้ กล่าวไปตามจริงเสีย นางไม่ถือตัวที่จะเป็นหมาป่าเนรคุณไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นพวกเราก็เล่าให้ท่านพ่อของเจ้าฟังทั้งหมด! ” หลู่เจินมีแผนการนานแล้ว ครั้งนี้นางกลับไปโดยไม่ได้อะไร ส่วนครั้งหน้า…
ฮึ คราวหน้าจะเก็บข้าวของบ้านตระกูลเซียวกลับไปให้หมด!
“ท่านแม่ พวกเราควรพูดเช่นไรเจ้าคะ? ข้ากลัวว่าถึงเวลาข้าจะหลุดปาก”
“นางบอกว่านางเป็นหมาป่าเนรคุณ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของบิดาเจ้าไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นบิดาของเจ้าก็เป็นหมาป่าเนรคุณไม่ใช่หรือ? ” หลู่เจินสอนสั่ง
เซี่ยเมี่ยวรู้สึกยินดีจนออกนอกหน้า “นางกล้าด่าท่านพ่อว่าเป็นหมาป่าเนรคุณ ฮ่าฮ่า ดูว่าท่านพ่อจะหักกระดูกนางหรือไม่! ”
เซี่ยยวี่หลัวที่สมควรตายนั่น กล้าด่าว่านางเป็นสุนัขท้องถิ่นจีน นางเป็นบุตรสาวของบิดา เช่นนั้นบิดาก็เป็นสุนัขไม่ใช่หรือ?
มาคราวหน้า ดูว่าท่านพ่อจะตีนางให้ตายหรือไม่!
สองคนแม่ลูกนั่งรถม้าจากไปอย่างเปิดเผย ก่อให้เกิดฝุ่นตลบระลอกแล้วระลอกเล่า
ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ว่าในดงต้นไม้ที่ขึ้นอย่างหนาทึบหน้าบ้านตระกูลเซียว ยามนี้มีคนเร้นกายอยู่สองคน
ติงกุ้ยย่อตัวอยู่ในพุ่มไม้ มองเข้าไปด้านในผ่านประตูใหญ่ เมื่อเห็นใบหน้างามล่มเมืองของเซี่ยยวี่หลัว ก็รู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก
“สวรรค์ทรงโปรด ใต้หล้านี้มีสตรีที่งดงามไร้ที่ติเช่นนี้ด้วยหรือ! ” ติงกุ้ยจ้องมองจนตาค้าง
หม่าหมิง อันธพาลที่ตามเขามาด้วยขยับไปดูเช่นกัน แววตาพลันแข็งทื่อ “แม่เจ้า ข้ายังไม่เคยพบเห็นสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้มาก่อนเลย”
ทั้งสองคนมองจนรู้สึกสั่นสะท้าน รู้สึกตื่นเต้นดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร
เฝ้ามานานสองวัน ทั้งสองคนพอจะรู้การดำเนินชีวิตของครอบครัวนี้บ้างแล้ว
บุรุษและเด็กในบ้านนี้ต้องไปเล่าเรียนในหมู่บ้าน จึงเหลือสตรีผู้นี้อยู่เพียงลำพัง นางออกไปเป็นบ้างครั้งบางคราว ไม่นานก็กลับมา หลังจากกลับมาประตูใหญ่ก็จะปิดสนิท ไม่ออกไปที่ไหนอีก ติงกุ้ยจึงหาจังหวะลงมือไม่ได้เลย
หลายวันนี้หม่าหมิงโดนยุงรุมกัดแทบตาย บนกายไม่มีส่วนใดที่สมบูรณ์เลย!
“นี่ติงกุ้ย เมื่อใดสตรีผู้นี้ถึงจะออกมา หากนางยังไม่ออกมาอีก ข้าคงโดนยุงกัดตายเป็นแน่” หม่าหมิงตบยุงบนกายตัวเองอีกครั้ง ตอนกลางวันอากาศร้อน จึงต้องสวมใส่เสื้อแขนสั้น ยุงเหล่านี้ราวกับจะกินคนทั้งเป็นอย่างไรอย่างนั้น ส่วนใดอยู่นอกเสื้อก็ไปรุมกัดตรงนั้น
ติงกุ้ยหันมองหม่าหมิงด้วยท่าทางรังเกียจทีหนึ่ง “เจ้าจะโวยวายไปทำไม? เสียงดังขนาดนี้ เจ้าไม่กลัวว่าจะมีคนได้ยินหรืออย่างไร? ”
“พวกเราเฝ้ามาสองถึงสามวันแล้ว สตรีผู้นี้ก็ยังไม่ออกมา หากไม่ออกมาอีก ข้าจะบุกเข้าไปจับตัวนางเสีย หน็อย! ” หม่าหมิงบ่นอุบ
“คุยกันไว้แล้ว ได้เงินมาจะแบ่งเจ้าสามส่วน หากเจ้าทนไม่ไหว เจ้าก็กลับไป! ข้าทำคนเดียวได้! ” ติงกุ้ยยังคิดเสียดายไม่อยากแบ่งให้สามส่วนด้วยซ้ำ!
หม่าหมิงได้ฟังดังนั้นมีหรือจะยอมไป เมื่อครู่เขาเพียงบ่นไปอย่างนั้น ติงกุ้ยกลับตอบกลับโดยให้เขาไปทันที เขามีหรือจะอยากไป จึงหัวเราะพร้อมกล่าว “ข้าไปได้ที่ไหนกัน เจ้าอยู่ที่นี่คนเดียว พวกเราสองคน มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน เจ้าว่าจริงหรือไม่! ”
ติงกุ้ยเหลือบมองหม่าหมิงแวบหนึ่ง ไม่ได้กล่าวอะไร
เวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงเปิดประตูดังแกร่ก ทั้งสองคนไม่กล้ากล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว ต่างก็หันมองไปทางประตูใหญ่ เห็นเพียงเซี่ยยวี่หลัวใส่กุญแจประตูใหญ่ สะพายตะกร้าสานไว้ เดินออกมาจากตัวบ้าน
นางไม่ได้เดินเข้าไปในหมู่บ้าน หากแต่… หากแต่หันขวับขึ้นภูเขาไป
หม่าหมิงตบบ่าติงกุ้ยด้วยความตื่นเต้น “เจ้าดูสิ เจ้าดูสิ นางเดินขึ้นภูเขาแล้ว ขึ้นภูเขาแล้ว! ”
ติงกุ้ยเห็นแล้ว รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน “โอกาสมาถึงแล้ว ไป ตามไป! ”
เฝ้ามาห้าถึงหกวันแล้ว ในที่สุดก็เห็นสตรีผู้นี้เดินขึ้นภูเขา นี่ถือเป็นโอกาสอันดี!
ติงกุ้ยและหม่าหมิงเหลียวซ้ายแลขวาเห็นว่าไม่มีคน จึงรีบมุดออกมาจากพุ่มไม้ ตามหลังเซี่ยยวี่หลัวขึ้นภูเขาไป
เซี่ยยวี่หลัวขึ้นภูเขาไปเพื่อจับปลา!
ปลาในบ่อน้ำเล็กเหลือไม่กี่ตัว เซี่ยยวี่หลัวอาศัยจังหวะที่วันนี้ไม่มีแดด ทั้งยังมีลม จึงขึ้นภูเขาไปจับปลามาจำนวนหนึ่งเพื่อเลี้ยงไว้ในบ่อ
นางแบกแหจับปลาและตะกร้าสานไว้ เดินไปทางริมแม่น้ำเพียงลำพัง
เดินเข้าไปในผืนป่าเป็นเวลากึ่งถ้วยชา เป็นสถานที่ที่นางจับปลาเป็นประจำ ยิ่งเดินลึกเข้าไป ดงต้นไม้ก็ยิ่งหนาทึบ เซี่ยยวี่หลัวมุ่งไปข้างหน้าอย่างใจจดใจจ่อ
หม่าหมิงและติงกุ้ยแอบตามอยู่ด้านหลังเงียบๆ เมื่อเห็นว่ายามนี้พวกเขาออกห่างจากตัวหมู่บ้านมากแล้ว จึงยิ้มจนตาหยี
ที่นี่ไม่มีผู้คน เป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือ
ทั้งสองคนวิ่งพรวดขึ้นหน้าไปอย่างฉับพลัน ก่อให้เกิดเสียงดังซ่าซ่า
เซี่ยยวี่หลัวหันกลับมา ก็เห็นคนแปลกหน้าสองคน กำลังจ้องมองนางด้วยแววตาชั่วร้าย
“แม่นางน้อย เหตุใดถึงขึ้นภูเขามาเพียงลำพังเล่า? เจ้ากลัวหรือไม่ ให้พี่ชายอยู่เป็นเพื่อนดีหรือไม่! ” หนึ่งในสองคนที่เป็นบุรุษร่างผอมถูมือพลางแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย
เซี่ยยวี่หลัวมั่นใจว่า สองคนนี้ไม่ใช่คนในหมู่บ้านสกุลเซียว
บุรุษผู้นั้นกล่าวกับบุรุษที่อยู่ข้างๆ “สตรีผู้นี้หน้าตาดีเหลือเกิน ข้าไม่เคยพบเห็นสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้มาก่อน ถ้าอย่างไร ติงกุ้ย พวกเราจัดการก่อนแล้วค่อยว่ากันดีหรือไม่? ”
ติงกุ้ย?
ลูกเขยของฟู่ซื่อหรือ?
ติงกุ้ยถลึงตาใส่หม่าหมิงด้วยแววตาดุดัน จากนั้นจึงกล่าว “เจ้ายังไม่รีบไปส่งข่าวในตัวเมืองอีก? ”
“แล้วที่นี่เล่า? ”
“สตรีร่างบางอรชรเช่นนี้ ข้าคนเดียวจะจัดการไม่ได้เชียวหรือ? ต้องให้เจ้าช่วยด้วยรึ? เจ้ารีบไปส่งข่าว ข้าจะพาตัวนางไปรอเจ้า! ”
หม่าหมิงจ้องมองเซี่ยยวี่หลัวอีกทีหนึ่ง ก่อนทอดถอนใจอย่างนึกเสียดาย
เกรงว่าวันนี้คงไม่มีโอกาสแล้ว จากนั้นจึงรีบวิ่งไป
ส่วนสายตาของติงกุ้ย ก็จับจ้องไปที่ตัวเซี่ยยวี่หลัวตลอด เมื่อเขาเห็นว่าหม่าหมิงไปแล้ว สีหน้าที่เมื่อครู่ยังดูจริงจัง ก็เผยรอยยิ้มประสงค์ร้ายทันที
หญิงงามที่หาได้ยากเช่นนี้ จะร่วมแบ่งปันกับหม่าหมิงได้อย่างไร ถ้าจะจัดการ เขาก็ต้องจัดการคนเดียว
เซี่ยยวี่หลัวมองแววตาประสงค์ร้ายของติงกุ้ยออก นางยิ้มอย่างเย็นเยียบ “เจ้าคือลูกเขยของฟู่ซื่อ? ฟู่ซื่อให้เจ้ามาเช่นนั้นหรือ? ”
ลูกเขยของฟู่ซื่อ ชอบดื่มสุราและเล่นพนัน กระทำชั่วช้า ดื่มสุราจนเมามาย เล่นพนันจนแพ้เสียเงิน ก็จะกลับไปทุบตีภรรยาและลูก คนในครอบครัวต้องทนกับความทรมาน!
ทว่า คนผู้นี้มาหานางทำไม?
ติงกุ้ยผงะไป ไม่นานก็ตอบสนอง คนผู้นี้น่าจะรู้จักเขา จึงกล่าว “ใช่แล้วจะทำไม? นางบอกว่า ขอเพียงจับตัวเจ้าไว้ ก็จะมีคนให้เงิน! ”
“ให้เงิน? ใครจะให้เงินเจ้า? ฟู่ซื่อให้เจ้าไปเอาเงินจากใคร? ” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มอย่างเย็นเยียบพลางเอ่ยถาม
“ไปเอาเงินจากซ่งฉางชิง! ห้าร้อยตำลึง! ” ติงกุ้ยยื่นนิ้วออกมาห้านิ้ว
จู่ๆ น้ำเสียงของเซี่ยยวี่หลัวก็เย็นเยียบขึ้น “ห้าร้อยตำลึง? เจ้าจะจับข้า แล้วไปเอาเงินห้าร้อยตำลึงจากซ่งฉางชิงงั้นหรือ? ข้ารู้จักซ่งฉางชิงก็จริง แต่เจ้าจะรู้ได้อย่างไรเล่าว่าซ่งฉางชิงจะยอมเสียเงินห้าร้อยตำลึงเพื่อช่วยข้า? เจ้าประเมินข้าสูงเกินไป! ”
“ฮะฮะ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องถ่อมตน เซียงชุ่ยตามสะกดรอยซ่งฉางชิงมากว่าครึ่งเดือน รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับซ่งฉางชิงนานแล้ว เจ้าเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบของเซียนจวีโหลว ซ่งฉางชิงและฮูหยินเฒ่ากู้เองก็เคยอาศัยอยู่ในบ้านเจ้ามาก่อน ข้าคิดว่า ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าคงไม่ธรรมดากระมัง? ” ติงกุ้ยได้ยินมาจากเซียงชุ่ยทั้งหมด
จู่ๆ เซี่ยยวี่หลัวก็หวนนึกถึงครั้งก่อน ตอนนางไปหาเซียงชุ่ย เซียงชุ่ยจ้องนางเขม็ง แววตาฉายประกายรู้สึกผิดและตำหนิตัวเอง!
นางในตอนนั้น น่าจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับซ่งฉางชิงอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
ฮะฮะ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะถูกนางทรยศหักหลัง!