ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2547 ต้องการฆ่าเขาหรือไม่?
แต่ยวนก็มาอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว มู่เฉียนซีจ้องมองอย่างเย็นชาพลางเดินเข้าไปหาคนผู้นั้น
“เจ้าต้องการสู้กับข้าอย่างนั้นหรือ” ยวนกล่าวถาม
“หากเจ้าจะลงมือทำร้ายจิ่วเยี่ยอีก เช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะต้องสู้” มู่เฉียนซีกล่าว
“เจ้าอ่อนแอเกินไป ข้าไม่สนใจรังแกคนอ่อนแออย่างเจ้าหรอก” ยวนกล่าวอย่างเกียจคร้าน
เขาจ้องมองไปทางหวงจิ่วเยี่ย จากนั้นก็กล่าวว่า “คราวที่แล้วข้าก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเขาเช่นกัน พอตอนนี้มาดูอย่างละเอียดแล้ว และมันก็ผิดปกติจริง ๆ เขานี่ช่างเป็นผู้ชา ายที่โชคร้ายเหลือเกิน ที่มีบางอย่างยุ่งเหยิงอยู่ในร่างกายเช่นนี้! แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่พยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการข้า ช่างน่าสนใจจริง ๆ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าต้องการถอนคำสาปนี้ และดีกิเลนก็คือของชิ้นสุดท้ายที่ข้าขาด มิเช่นนั้นพวกเราก็คงไม่มาหาเจ้าถึงสองรอบเช่นนี้หรอก! ต้องทำเช่นไรเจ้าถึงจะยอมมอบดีกิเลน ให้ข้า?”
ยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “หรือในโลกไม่มีเผ่าสัตว์เทพกิเลนแล้วอย่างนั้นหรือ? ข้าคิดว่าน่าจะยังมีอยู่นะ เจ้าตัวน้อย ในร่างกายของเจ้าก็มีสายเลือดของกิเลนอยู่นี่นา!”
“ก็มีกิเลนอยู่ชัด ๆ แต่พวกเจ้ากลับเลือกสู้กับคนที่แข็งแกร่งและไม่มีทางเอาชนะได้มากที่สุด หากข้าไม่บอกว่าพวกเจ้าเสียเปรียบ แล้วจะเป็นใครที่เสียเปรียบกันล่ะ!” ยวนกล่าวอย่ างจนปัญญา
“หากต้องการดีกิเลน ข้าก็ไม่มีข้อเรียกร้องอื่นอีก เพียงแค่เอาชนะข้าให้ได้ก็พอแล้ว!” ยวนกล่าว
“มีเพียงคนที่แข็งแกร่งกว่าข้า ถึงจะมีสิทธิ์เอาของที่อยู่ในตัวของข้าไป ส่วนคนที่อ่อนแอกว่าข้า ไม่มีทางมีอำนาจเช่นนั้นได้”
ยวนกล่าวอย่างหนักแน่น โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆที่จะต้องเจรจาอีก มู่เฉียนซีรู้ดีว่าเบี้ยที่อยู่ในมือของตนเองนั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายหวั่นไหวได้ แต่ทว่าเจ้ายวนผู้นี้กลับไม่ได ด้รวมอยู่ในนั้นด้วย
เพราะเขานั้นแข็งแกร่งจนไม่สนใจสิ่งใดในโลกนี้อีกแล้ว!
“เช่นนั้นหลังจากนี้ เจ้าให้ข้าดูหน่อยเถอะว่า เกราะป้องกันสัมบูรณ์ของเจ้ายังเหลืออยู่อีกหรือไม่” ทันใดนั้นยวนก็ได้ระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง!
พริบตา ร่างของจิ่วเยี่ยก็ได้ระเบิดลำแสงสีฟ้าอ่อนออกมา เกราะป้องกันสัมบูรณ์ครั้งที่สี่ เป็นพลังที่มาจากเศษเสี้ยวของผู้พิทักษ์นิรันดร์บนตัวของจิ่วเยี่ย
ปังง!
ยวนถอยหลังออกไปทันที เมื่อการโจมตีของตนเองถูกสกัดกั้นเอาไว้ได้
เขากล่าวถามว่า “ยังมีอีกหรือ? หากไม่มีแล้วละก็ การโจมตีในครั้งนี้ จะต้องปลิดชีพของพวกเจ้าได้อย่างแน่นอน”
ปึก!
จิ่วเยี่ยดึงมู่เฉียนซีเข้ามาไว้ในอ้อมแขน โดยที่ไม่ระงับพลังคำสาปอีก พลังของเขา พัวพันเข้ากับพลังคำสาป หลังจากนั้นดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่นั้นก็เหลือบมองไปที่กิเลนแห่งนรก
ยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ที่แท้ก็ใช้หมดแล้วสินะ หากว่ายังใช้ไม่หมด เกรงว่าเจ้าคงจะไม่ยอมทุ่มสุดตัวถึงขนาดนี้หรอก!”
หลังจากนั้นกลิ่นอายที่อันตรายของยวนก็ถูกเก็บกลับไป มู่เฉียนซีผงะไปทันที นี่เขาไม่คิดจะลงมือแล้วอย่างนั้นหรือ
ทั่วทั้งมิติได้ถูกเปลวเพลิงสีแดงก่ำห่อหุ้มเอาไว้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ได้รับการฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง ราชาปีศาจเหวนรกกล่าวอย่างตกใจว่า “นี่ นี่มันคือพลังอะไรกันแน่?”
ยวนกล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่าพวกเจ้าต้องการดีกิเลนมาก ซึ่งมันก็ทำให้พวกเจ้าน่าสนใจเป็นอย่างมาก หากฆ่าพวกไปก็น่าเสียดายเปล่า ๆ! ฉะนั้นข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง เจ้าสามารถออกไปจ จากเหวนรกได้ แต่เจ้าตัวน้อยนี่จะต้องอยู่ที่นี่! รอเมื่อไรที่เจ้าเอาชนะข้าได้แล้ว เจ้าค่อยมาพานางไป เป็นอย่างไร?”
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่มีทาง! ข้าไม่มีทางทิ้งซีเอาไว้ที่นี่แน่”
จิ่วเยี่ยกำหมัดแน่น และพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้กลืนกินเปลวเพลิงโดยรอบ ทันใดนั้นมิติกิเลนที่ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ก็เริ่มเย็นยะเยือกลงอย่างกะทันหัน
ยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ข้าไม่เอาชีวิตของนางหรอกน่า เพียงแค่ทิ้งนางเอาไว้ที่นี่เท่านั้น เจ้าถึงขนาดต้องการเอาชีวิตข้าเช่นนี้เลยหรือ?”
“ข้าไม่มีทางยอมรับมัน!” และจิ่วเยี่ยก็กอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่น
แม้ว่าการทิ้งซีเอาไว้ที่เหวนรก หรือทิ้งเอาไว้ข้างกายกิเลนแห่งนรก จะไม่ทำให้มีอันตรายถึงชีวิต แต่เขาก็ไม่มีทางทิ้งนางเอาไว้ที่นี่อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีสามารถสัมผัสได้ถึงจิตใจอันแน่วแน่ของจิ่วเยี่ยได้ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไรหรือที่ไหน นางก็ยังคงเลือกที่จะเดินเคียงข้างจิ่วเยี่ยอยู่ดี
บางทีข้อเสนอของยวนอาจจะไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แต่นางเองก็ไม่อยากแยกกับจิ่วเยี่ยไปเช่นนี้เหมือนกัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าเลือกที่จะไม่ออกไปและไม่ยอมแพ้อย่างนั้นหรือ? ดีมาก เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงส่งพวกเจ้าไปลงนรกเท่านั้นแล้วล่ะ” แววตาของยวนเปล่งประกายไปด้วยความอันตรา าย ทันใดนั้นเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวก็ตกลงมาจากฟากฟ้า
ถึงจะไม่มีการป้องกันของสุ่ยจิงอิ๋ง แต่ยังมีเขาอยู่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ซีได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายเล็บแน่นอน
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่น และพลังทั้งหมดของเขาก็กระจายออกไป ซึ่งมันก็ทำให้พลังคำสาปเลวร้ายมากขึ้นไปอีก
สีหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปอย่างมาก “จิ่วเยี่ย…”
จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ แน่นอนว่าไม่ได้!
มิเช่นนั้นถึงแม้ว่าจิ่วเยี่ยจะมีพลังมากเพียงพอที่จะระงับคำสาปไว้ได้ แต่หากสูญเสียการควบคุมไปอย่างสมบูรณ์คงต้องแย่นอน
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาได้ ซึ่งก็คือร่างเงาสีดำผู้นั้นนั่นเอง
นางกล่าวว่า “เฮยอิ่ง ช่วยขวางกิเลนแห่งนรกให้ข้าได้หรือไม่ ขอร้องล่ะ!”
เขาบอกแล้วว่านางไม่จำเป็นต้องอวดดี และตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่นางจะต้องอวดดีด้วย
ในเหวนรกแห่งนี้ ถึงราชาปีศาจเหวนรกนั่นจะพึ่งพาไม่ได้ แต่นางเชื่อว่าเฮยอิ่งจะต้องทำได้อย่างแน่นอน
ตรงหน้าของยวนมีเปลวเพลิงที่กลายเป็นม่านแสงปรากฏขึ้น หลังจากนั้นร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากเปลวเพลิงนั้น
“ให้ข้าได้สู้กับเจ้าสักยกเถอะ!” มีเสียงที่ทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“พรูดด! ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาถึงที่นี่ ยากที่จะเจอแขกเช่นเจ้าได้! ช่างเป็นแขกที่หาได้ยากจริง ๆ! แต่ข้าถูกเจ้าหนูนี่ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว หากเจ้าสู้กับข้าตอนนี้ มันจะไม่เป็นการรังแกกันเกินไปหน่อยหรือ” ยวนถอยหลังออกไป แล้วมองคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
จิ่วเยี่ยจ้องมองคนตรงหน้า และดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของเขาก็มืดลงเล็กน้อย
เฮยอิ่งหันหน้ากลับมามองมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ต้องการให้ข้าฆ่ามันหรือไม่?”
มู่เฉียนซีส่ายศรีษะพลางกล่าวว่า “ข้าต้องการเพียงดีกิเลนของเขาเท่านั้น!”
“ไม่จำเป็น!” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ซี! ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือของผู้ใดทั้งนั้น” ร่างที่เย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่ต้องการให้คนผู้นี้ช่วยเหลือ ไม่ต้องการเลยจริง ๆ
ยวนกล่าวว่า “ที่เขาพูดมาก็ถูก เจ้าหนูน้อย หากเจ้าต้องการให้เฮยอิ่งเอาชนะข้าเพื่อเอาดีกิเลนของข้าไป เขาก็มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้จริง ๆ! แต่หากให้เขาลงมือแล้วละ ก็ ต่อให้ข้าต้องระเบิดตนเองข้าก็ไม่ยอมให้เขาหรอก!”
“เว้นแต่ว่าพวกเจ้าจะลงมือด้วยตนเอง และทำให้ข้าอารมณ์ดี ข้าถึงจะไม่ทำเช่นนั้น! เพราะหากพวกเจ้าทั้งสองต้องการดีกิเลน พวกเจ้าต้องเอาชนะข้าด้วยตนเองเท่านั้นข้าถึงจะยอม! ซึ่งการ ที่เจ้าขอความช่วยเหลือจากผู้ที่แข็งแกร่งภายนอกเช่นนี้ มันถือว่าผิดกติกามาก”
มู่เฉียนซีผงะไปทันที คิดไม่ถึงเลยว่ายวนจะทำเช่นนี้ เฮยอิ่งมองไปทางมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ตอนนี้มันอ่อนแอมาก ฉะนั้นข้าสามารถฆ่ามันได้อย่างง่ายดาย! แต่หากมันต้องการระเบิดส ส่วนหนึ่งของร่างกาย แม้จะเป็นข้า ก็ไม่อาจขวางเอาไว้ได้เช่นกัน!”
“เจ้าต้องการให้ข้าฆ่ามันเลยหรือไม่?” เฮยอิ่งกล่าวถาม
“ข้าว่าเป็นเจ้าต่างหากที่อยากฆ่าข้า! ข้ายังไม่ได้ทำอะไรแม่สาวน้อยคนนั้นเลยนะ? เมื่อครู่แค่ทำให้พวกเขาตกใจเล่นเท่านั้นเอง อย่างไรเสียในตัวของแม่สาวน้อยผู้นั้นก็มีสายเลือ อดของกิเลนอยู่ด้วย ข้าแค่อยากให้นางอยู่เพื่อฝึกฝนอยู่ข้างกายข้ามันผิดตรงไหนกัน? แต่เจ้าหนูนั่นกังวลเกี่ยวกับผู้หญิงของตนเองมากเกินไป และไม่ต้องการให้นางอยู่ที่นี่ คิด ว่าข้าอยากแย่งผู้หญิงของเขาหรืออย่างไร?” ยวนกล่าวอย่างจนปัญญา
มู่เฉียนซีตะลึงงันไปทันที นางกล่าวว่า “คำสาปของจิ่วเยี่ยยังไม่ถูกถอน ข้าไม่มีเวลามัวมาฝึกฝนอยู่ที่นี่ได้หรอก! ในเมื่อเจ้าบอกว่าต้องการให้พวกข้าเอาชนะเจ้าได้ด้วยตนเอง เช่นน นั้นพวกเราก็จะไปหาวิธีเอาชนะเจ้าให้ได้! ตอนนี้พวกข้าต้องการจะออกไปจากที่นี่ เจ้ารีบปล่อยพวกเราไปได้แล้ว!”
ยวนกล่าวว่า “ได้! แต่ข้าให้โอกาสพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย และในโอกาสสุดท้ายนี้หากพวกเจ้าไม่สามารถเอาชนะข้าได้ละก็ ข้าจะให้แม่นางน้อยผู้นี้อยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝนกับข้า”
“เพราะหากติดตามข้าไปฝึกฝน บางทีอาจจะใช้เวลาเพียงไม่กี่พันปีก็สามารถเอาชนะข้าได้แล้วกระมัง!”