ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2548 ความแข็งแกร่งของเฮยอิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่กี่พันปีหรือ ข้ารอถึงขนาดนั้นไม่ได้หรอก”
“เจ้าตัวน้อยนี่จะใจร้อนเกินไปแล้ว แค่ไม่กี่พันปีก็รอไม่ไหวแล้วหรือ” ยวนกล่าวด้วยสีหน้าที่จนปัญญา สำหรับสัตว์เทพและผู้แข็งแกร่งแล้ว เวลาเพียงแค่ไม่กี่พันปีนั้นถือว่าสั้นม มาก
เมื่อกิเลนแห่งนรกยอมปล่อยพวกเขา มู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยจึงสามารถออกจากเหวนรกได้อย่างง่ายดาย
มู่เฉียนซีมองไปที่เฮยอิ่งพลางกล่าวว่า “เฮยอิ่ง ครั้งนี้โชคดีที่มีความช่วยเหลือของท่าน มิเช่นนั้นจิ่วเยี่ยจะต้องเสียการควบคุมเป็นแน่”
“เจ้าสามารถเสนอคำขอกับข้าได้อีกหนึ่งข้อ อย่างไรเสียข้าก็ทำคำข้อนี้ไม่สำเร็จ เช่นนั้นเจ้าไม่ต้องเกรงใจ เจ้าสามารถขอข้าได้อีกหนึ่งข้อ นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เจ้า าไม่อยากเสนออย่างนั้นหรือ?”
ยวนกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “นี่เจ้ากินยาอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ! ก่อนหน้านี้แม้ว่าจะมีคนมาคุกเข่าขอร้องเจ้า ยอมรับนับถือเจ้าเป็นปรมาจารย์ แต่เจ้ากลับไม่เคยตอบรับคำขอของคนอื่นเล ลย คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เจ้าจะมาหาถึงที่เช่นนี้”
“นี่เจ้าผิดปกตินะ! หรือว่ากำลังวางแผนสมคบคิดอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ?” ยวนกล่าวอย่างอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าตอนนี้มู่เฉียนซีคิดเรื่องที่ต้องการให้เฮยอิ่งช่วยเหลือได้แล้ว เดิมทีการที่เขาลงมือกับยวน ทำให้ยวนปล่อยพวกเขาไปก็ถือว่าคำขอของนางสำเร็จแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะยอมไม่นับมันเช่นนี้
มู่เฉียนซีมองไปทางเฮยอิ่งพลางกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าท่านคือนักหลอมอาวุธอย่างนั้นหรือ”
“ใช่!” เขากล่าวตอบ
“เช่นนั้นท่านสามารถซ่อมมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ได้หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ไม่สามารถซ่อมให้สมบูรณ์ได้! แต่น่าจะได้ผลอยู่บ้าง” เฮยอิ่งกล่าวตอบ
ถึงจะมีผลเพียงแค่เล็กน้อยก็ยังดี ทันใดนั้นความปิติยินดีก็เผยขึ้นมาบนใบหน้าของมู่เฉียนซี
นางกล่าวว่า “ข้าอยากให้ท่านช่วยซ่อมมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของข้า เพียงแต่ว่ามันมีจำนวนไม่น้อยเท่าไร”
นี่นางจะไม่เอาเปรียบเขาไปใช่หรือไม่? อันที่จริงซ่อมเพียงแค่หนึ่งชิ้นก็นับว่าเป็นหนึ่งเรื่องแล้ว
“รวมมาด้วยกันเลยก็ได้” เฮยอิ่งกล่าว
“ตามข้ามาเถอะ!” เฮยอิ่งกล่าวพลางมองไปทางมู่เฉียนซี
“ซี!” จิ่วเยี่ยดึงมือของมู่เฉียนซีเอาไว้ ความเชื่อใจของซีที่มีต่อคนผู้นี้เหนือกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก
แต่สำหรับเขาแล้ว คนผู้นี้กลับเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น เพราะว่าเขามองคนผู้นี้ไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “จิ่วเยี่ย ข้าเชื่อเขา!”
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีความต้องการอะไรอีกแล้ว เพราะหากว่าเขามีความละโมบต่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จริง ๆ แล้วละก็ ในตอนที่มีโอกาสมากมายก่อนหน้านี้ เขาคงจะลงมือไปแล้ว คง ไม่ปล่อยมาจนถึงตอนนี้หรอก และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาออกมาช่วยเหลือพวกเขาได้ทันเวลาเลย
ยวนกล่าวว่า “ข้าก็จะไป ข้าจะไปด้วย!”
ส่วนร่างกายที่บาดเจ็บของเขา แม้ว่ามันจะสาหัสแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าไรนัก นอกจากนี้นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเจ้าหมอนี่ลงมือ ซี่งมันก็เป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์มากเลยทีเดี ยว!
นอกจากนี้ดูเหมือนจะมีคนลือกันว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นั้นมีความยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าแม่สาวน้อยผู้นี้จะไม่ได้มีเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น
เฮยอิ่งนำทางมู่เฉียนซีมาถึงมิติที่เขาอาศัยอยู่ ซึ่งมิติแห่งนั้นก็เต็มไปด้วยเปลวเพลิงของเขา หลังจากนั้นเฮยอิ่งก็มองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “เอามันออกมาสิ!”
“เช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว เฮยอิ่ง!” มู่เฉียนซีกล่าวกับเขา
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้หยิบมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของนางออกมา ทันใดนั้นร่างหลักของพวกเขาก็ปรากฏขึ้น
ศาลาน้อยที่มีสีเขียวอ่อนอันละเอียดลออก็คืออาถิง ศาลาเรือนรางเก้าชั้นของศาลานิรันดร์
กลีบดอกบัวสีฟ้าอ่อนจำนวนสี่ชิ้นที่ลอยอยู่กลางอากาศก็คือสุ่ยจิงอิ๋ง ดอกบัวหงส์เก้ากลีบของผู้พิทักษ์นิรันดร์
แหวนสีน้ำเงินที่สลักด้วยสัญลักษณ์ของมังกรก็คือมังกรวารี แหวนมังกรเทพวารีของแหวนนิรันดร์
กระบี่สีแดงก่ำ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่กระหายเลือดนี้ก็คือกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์
สุดท้าย ก็คือหม้อวิญญาณนิรันดร์ของหม้อเทพนิรันดร์ หรือก็คือนิรันดร์เจ้าคนเจ้าชู้ตัวพ่อผู้นั้นนั่นเอง
“แม่หนูน้อย เจ้านี่ช่างซ่อนความสามารถไว้ได้ลึกมากจริง ๆ! ข้าเคยได้ยินมาว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มีทั้งหมดเก้าชิ้น แต่นี่เจ้ามีอยู่ในมือถึงห้าชิ้นแล้ว มันไม่ง่ายเลยจ จริง ๆ!” ยวนมองไปที่มหาอาวุธเทพนิรันด์เหล่านั้นอย่างสนใจเล็กน้อย
เขามีความสนใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันก็แตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาไม่ได้มีความคิดใด ๆ ต่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เลย และไม่คิดที่จะแย่งชิงมหาวัตถุศักดิ์ส สิทธิ์นิรันดร์อีกด้วย
นอกจากนี้เฮยอิ่งก็อยู่ที่นี่ ฉะนั้นเขาจึงไม่กล้าทำอะไรไร้สาระอยู่แล้ว แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มี เขาก็ไม่คิดที่จะแย่งของของคนอื่น อีกทั้งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เหล่านี้ยังเห หมาะกับเจ้าตัวน้อยมากกว่าอีกด้วย และการที่มันเหมาะสมกับนางก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะสมกับกิเลนแห่งนรกอย่างเขา
ที่คนทั้งโลกต้องการมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ แน่นอนว่าย่อมเป็นเพราะต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น แต่ทว่าตัวเขาเองนั้นนับว่าแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องไ ได้รับความช่วยเหลือจากมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เลยแม้แต่น้อย
“ใช่แล้ว! ข้าเคยได้ยินมาว่าในบรรดามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่สามารถฝึกอสูรได้ชิ้นหนึ่ง เรียกว่าหอคอยนิรันดร์ หากต้องการเอาชนะข้าแล้วละก็เจ้า าสามารถเอามันมาช่วยได้ ข้าเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพฝึกอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอย่างไร บางทีเจ้าอาจจะเอาชนะข้าได้ก็เป็นได้!” ยวนรู้สึกว่าการที่ไม ม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะเขาได้นั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเบื่อมากเลยทีเดียว ซึ่งนี่ก็ทำให้เขาไม่มีความสุขเอาเสียเลย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าก็มีแผนนี้อยู่เช่นกัน ข้ากำลังหาหอคอยฝึกอสูรแห่งความมืดของหอคอยนิรันดร์อยู่เช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็อย่าชะล่าใจเกินไปนักล่ะ”
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็รีบหน่อยก็แล้วกัน ข้าค่อนข้างตั้งตารอเลยทีเดียว” ยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เปลวเพลิงสีดำห่อหุ้มมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพทั้งห้าชิ้นเอาไว้ และพลังหนึ่งก็ได้ไหลวนอยู่เหนือพวกมัน
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง เป็นอย่างไรบ้าง?”
สุ่ยจิงอิ๋งไม่ได้ตอบกลับมา ราวกับว่ากำลังตกลงสู่ห้วงนิทราก็มิปาน หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้กุมมือของจิ่วเยี่ยเอาไว้
จิ่วเยี่ยกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ซี ในเมื่อเจ้าเชื่อในสัญชาตญาณของตนเอง เช่นนั้นเจ้าก็อย่ากังวลไปเลย! แม้ว่าชายผู้นี้จะแปลกประหลาด แต่เขาก็มีความสามารถที่แข็งแกร่งมาก! ไม่มีท ทางล้มเหลวแน่นอน”
“อื้ม! เช่นนั้นข้าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้เจ้าต่อ” มู่เฉียนซีกล่าวพลางมองไปที่จิ่วเยี่ย
นางจำเป็นต้องหันเหความสนใจด้วยการรักษาอาการบาดเจ็บให้จิ่วเยี่ย ซึ่งแน่นอนว่าจิ่วเยี่ยย่อมไม่คัดค้านอยู่แล้ว
ในเมื่อไม่มีการคุกคามของยวน จิ่วเยี่ยก็ได้ระดมพลังของเขาเพื่อสะกดคำสาปเอาไว้ และคำสาปนั้นก็สงบลงในที่สุด
พวกเขาแต่ละคนล้วนมีเรื่องที่ต้องทำ แต่ยวนกลับเบื่อมาก นี่เขามาที่นี่ทำไมกันแน่นะ?
รอหลังจากที่มู่เฉียนซีจัดการกับอาการบาดเจ็บของจิ่วเยี่ยเสร็จแล้ว มู่เฉียนซีก็โยนขวดยาน้ำให้ยวนสองสามขวดแล้วกล่าวว่า “แม้ว่าพลังในการรักษาตนเองของเจ้าจะแข็งแกร่งมาก และไม่จ จำเป็นต้องใช้ยาน้ำหรือยาลูกกลอนในการรักษา แต่เจ้าก็ลองดูได้ ถือว่าข้ามอบให้เจ้าโดยไม่คิดเงินก็แล้วกัน”
ถึงนางต้องการจะเอาดีกิเลนในร่างกายของเขา แต่เจ้าหมอนี่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรมากนัก นอกจากนี้พวกเขายังไม่มีความคิดที่จะเป็นศัตรูคู่อาฆาตของกันและกันอีกด้วย และคาดว่าคราวนี้ เขาก็น่าจะออมมือไว้เช่นกัน มิเช่นนั้นสถานการณ์จะต้องเลวร้ายมากกว่านี้แน่นอน
ยวนกล่าวว่า “เจ้านี่มีกลิ่นที่ไม่เลวเลย เช่นนั้นข้าจะลองดื่มเหมือนน้ำดู”
นี่ถือว่าเป็นน้ำที่ไม่เลวเลยจริงๆ นอกจากนี้มันยังเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตอีกด้วย
“แม่สาวน้อย ทำไมเจ้าถึงไม่อยู่ที่นี่ล่ะ สายเลือดของกิเลนในร่างกายของเจ้า หากติดตามข้า ข้าจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้เอง ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ากิเลนในโลกนี้ เม มื่อเทียบกันแล้วช่างมีความสามารถด้อยกว่าข้ามากนัก นี่พวกเขาไม่มีวิธีสอนอะไรเจ้าเลยอย่างนั้นหรือ?” ยวนกลางกับมู่เฉียนซี
“ข้ายังมีเรื่องสำคัญอื่น ๆ ที่ต้องทำอีกมาก หากข้าทำเรื่องที่ข้าต้องการทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว และยังต้องการพลังอีก ข้าจะต้องกลับมาหาเจ้าแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าวกับยวน
“ตกลง! เอาเถอะ! อะไรที่เรียกว่ามีเรื่องสำคัญที่เจ้าต้องทำ ข้าว่าเจ้าหนูที่อยู่ข้างกายเจ้าคงจะทนปล่อยเจ้าไปไม่ไหวมากกว่า”
“ในเมื่อเจ้ารู้ก็ดีแล้ว!” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ในเวลานี้ ชิ้นส่วนของกลีบดอกบัวทั้งสี่กลีบก็ลอยมาปรากฏอยู่ตรงหน้าของมู่เฉียนซี ยวนกล่าวว่า “นี่ก็คือผู้พิทักษ์นิรันดร์ ดอกบัวหงส์เก้ากลีบอย่างนั้นสินะ! พลังของเกาะป้องกันส สัมบูรณ์ที่เจ้าใช้ ก็คงจะเป็นเพราะมัน ขนาดมีสภาพที่ไม่สมบูรณ์ยังสามารถสกัดกั้นการโจมตีของข้าได้ถึงสี่ครั้ง มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ในตำนานของโลกนี้ ค่อนข้างเก่งกาจเลยท ทีเดียว”
“สุ่ยจิงอิ๋ง!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ซีเอ๋อร์! เขายอดเยี่ยมมากจริง ๆ เจ้าเจอคนไม่ผิดแล้ว! ต้นกำเนิดเพลิงของข้า และพลังในการหลอมของเขาทำให้สภาพของข้าดีขึ้นมากเลย” สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวกับมู่เฉียนซี
“คนอื่น ๆ ก็น่าจะเหมือนกัน เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะต้องตื่นขึ้นมาแน่นอน ถึงแม้ว่าเจ้าที่ร่วมมือกับจิ่วเยี่ยจะไม่สามารถเอาชนะกิเลนแห่งนรกได้ แต่หากพวกเราสู้ไปด้วยกันจะต้องทำได้ แน่นอน” สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวกับมู่เฉียนซี