บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1398: กระบี่คือวิถี วิถีคือกระบี่
ตอนที่ 1398: กระบี่คือวิถี วิถีคือกระบี่
หงเฟยกวน
ขอบเขตจุติมงคลขั้นต้น
หนึ่งในตัวตนชั้นนำในหมู่ทายาทเซียนผู้มีกิตติศัพท์เป็นตำนานมากมายในสมัยโบราณ
ความแข็งแกร่งของเขาล้ำเลิศพอให้เหล่าตัวตนอาวุโสขอบเขตจุติมงคลที่นี่รู้สึกละอายใจตนเอง!
กล่าวได้ว่าเมื่อวิญญาณอาสัญวิถีเซียนยังไม่ปรากฏกายขึ้น ก็อาจพูดได้ว่า… หงเฟยกวนเป็นวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติมงคลชั้นแนวหน้า!
สิ่งสำคัญที่สุดคือในเขตหวงห้ามเซียนละล่องนี้ เขามิได้ถูกจำกัดโดยกฎสวรรค์ ซึ่งทำให้หงเฟยกวนทุ่มกำลังได้เต็มที่!
ซูอี้
ฝึกฝนอยู่ในขอบเขตไร้ขีดจำกัดขั้นสมบูรณ์
ตัวตนท้าทายสวรรค์ผู้ถือครองอำนาจวัฏสงสาร มีวิถีอันมิอาจชี้วัดได้ด้วยขอบเขต
เรื่องเหล่านี้เป็นที่รู้ทั่วโลกหล้ามานานด้วยกิตติศัพท์อันเลื่องลือ
หากเป็นในโลกภายนอก ในหมู่ตัวตนขอบเขตจุติมงคลมากมายที่นี่ เกรงว่าคงไร้ผู้ใดกล้าเผชิญหน้าซูอี้ตรง ๆ!
และยามนี้ที่ยอดเขาพฤกษ์ระย้า ศึกประลองระหว่างทั้งสองกำลังจะบังเกิด ใครเล่าจะมิให้ความสนใจ?
ทุกผู้กลั้นหายใจขณะมองดูเหตุการณ์จากระยะไกลราวกลัวจะพลาดรายละเอียดใด ๆ
เทียบกับทุกผู้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นซูอี้หรือหงเฟยกวนล้วนดูแสนผ่อนคลาย เหมือนสองนักท่องเที่ยวสัญจรแดนดินแล้วพบหน้ากันจากไกล ๆ บนยอดเขา
“ในด้านขอบเขตฝึกฝน ข้าห่างไกลจากเจ้ามากนัก แต่ก็นับว่าเสมอกันไปเมื่อเจ้าถือครองอำนาจวัฏสงสารซึ่งเป็นคู่ปรับกับวิญญาณอาสัญเช่นข้าตามธรรมชาติ”
หงเฟยกวนว่า “เจ้าคิดเช่นไร?”
ซูอี้กล่าว “ที่นี่ยามนี้ การพูดถึงความเสมอภาคนั้นไร้ความหมาย ข้าถามเพียงว่าในเมื่อนี่คือการประชันวิถี มีกฎเกณฑ์ใดหรือไม่?”
ดวงตาของหงเฟยกวนกระจ่างชัด ขณะกล่าวอย่างสุขุม “ต่อสู้ด้วยความแข็งแกร่งตนชี้เป็นตาย ตัดสินแพ้ชนะ! เจ้าเป็นนักดาบ ก็ใช้ดาบเจ้าได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายที่นี่ล้วนแสดงสีหน้าเย้าหยอก
ม่อชิงโฉวและคณะต่างหัวใจดิ่งวูบ คิ้วขมวดเข้าหากัน
กฎเช่นนี้ฟังดูเสมอภาค แต่เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?
ต้องทราบว่าในศึกที่เขาจันทร์กระจ่าง หงเฟยอวี่ น้องชายของหงเฟยกวนใช้ไพ่ตายสังหารหลายต่อหลายหน ทว่าพวกมันล้วนถูกซูอี้ทลายสิ้นไร้ข้อยกเว้น
เช่นมังกรเซียนดาวฤกษ์เขียวและเจตจำนงเซียน!
เพราะเหตุนี้เอง ทุกผู้ในเขตหวงห้ามเซียนละล่องจึงรู้ว่าซูอี้ผู้นี้นอกจากจะถือครองอำนาจวัฏสงสาร เขายังมีไพ่ตายอันร้ายกาจอยู่อีก
เช่นเตาลึกลับใบนั้น!
ทว่ายามนี้ เมื่อหงเฟยกวนเสนอกฎเช่นนี้ออกมา เขาย่อมรู้เรื่องนี้และตั้งใจไม่ใช้วัตถุภายนอกเข้าสู้กับซูอี้
ทว่าไร้ผู้ใดกล่าวโทษเขา
เพราะถึงอย่างไร หากสู้กันด้วยไพ่ตาย ด้วยมรดกของตระกูลหง หงเฟยกวนก็สามารถมีไพ่ตายสังหารเหลือเชื่อได้มากมาย!
ตู้ม!
หงเฟยกวนพลิกฝ่ามือ กระบี่ศึกอันดูเรียบง่ายเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น สามสี่ฉื่อสามชุ่น เป็นสีดำทั้งเล่ม เรืองแสงเซียนดำทมิฬเยี่ยงรัตติกาลนิรันดร์
เมื่อกระบี่เล่มนี้อยู่ในมือ บรรยากาศของหงเฟยกวนก็ดุร้ายขึ้นอย่างกะทันหัน
“นี่คือกระบี่ของข้า เป็นสมบัติวิญญาณขอบเขตจุติสรวง มีนามว่า ‘พิทักษ์ธรรม’ และเป็นข้าเองที่ตีมันขึ้นมา”
หงเฟยกวนกระซิบ
อาภรณ์สีขาวของเขากระเพื่อมไหว คู่เนตรกระจ่างดูน่าสะพรึง ร่างสูงของเขามีภาวะกระบี่ที่ทรงพลังก่อตัวขึ้น
ทะเลเมฆาที่อยู่ใกล้เคียงแหวกออกด้วยภาวะกระบี่ร้ายกาจจากร่างของเขา ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นเศษปุยนุ่นสลายไป
“พิทักษ์ธรรมล้ำเลิศ ก้าวย่างมั่นเอื้อมคว้าไกล นี่คือวิถีที่เจ้าไล่ตามหรือ?”
ซูอี้กล่าวอย่างครุ่นคิด
หงเฟยกวนพยักหน้าด้วยดวงตาละเอียดอ่อน “ถูกต้อง ดาบเจ้าเล่า ขอข้าดูได้หรือไม่?”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “นั่นขึ้นอยู่กับฝีมือเจ้า”
วาจาเอ้อระเหยนี้ทำให้ทุกผู้ที่ฟังอยู่ไกล ๆ ล้วนผงะ ซูอี้มิยอมใช้ดาบเขาต่อหน้าตัวตนเช่นหงเฟยกวนแต่แรกหรือ!?
“อวดดี!”
ฝูตงหลีแค่นยิ้ม
หลายผู้ก็คิดเช่นนั้น
หงเฟยกวนมองกระบี่ในมือของเขา ก่อนจะกล่าวเบา ๆ “งั้น… ก็ลองดู”
ชิ้ง!
วจีกระบี่แว่วมาเยี่ยงหงส์ครวญแหวกนภา
หงเฟยกวนลงมือ
เขาถือกระบี่ด้วยมือขวา นิ้วโป้งกดฐานด้าม และร่างของเขาก็หายวับไปพร้อมวจีกระบี่
วูบ!
เพียงพริบตา ใต้ท้องนภาอันมืดครึ้มก็บังเกิดรอยร้าวมากมาย แต่ละรอยล้วนมีปราณกระบี่ดำมืดลอยฉวัดเฉวียนดูหนาตาเต็มไปหมด
ดุจพายุปราณกระบี่ ทันทีที่มันปรากฏขึ้นก็ฉีกกระชากสุญญะแหลกร้าวนับไม่ถ้วน ระเบิดภาวะกระบี่น่าสะพรึงกลัวออกมา
ทั้งดวงตาและหัวใจของเหล่าผู้เฝ้ามองจากระยะไกลล้วนเจ็บแปลบ สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนอย่างพร้อมเพรียง
ทันทีที่ยอดฝีมือเคลื่อนโจมตี ก็ตัดสินกันได้ทันใด
กระบี่ของหงเฟยกวนทำให้เหล่าตัวตนขอบเขตจุติมงคลทั้งหลายสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามถึงตายทันใด!
“กระบี่เทพหลอมหมื่นประสาน!”
หัวใจของม่อชิงโฉวบีบตัว
นี่เป็นมรดกตกทอดประจำตระกูลหง ซึ่งลือกันว่ามันถูกสร้างโดยบรรพชนมารสวรรค์ผู้หนึ่งในตระกูลหง บรรจุเคล็ดสูงสุดแห่งวิถีมารไว้ภายใน เป็นมรดกชั้นเลิศในโลกเซียน น่าสะพรึงกลัวอย่างไร้ขอบเขต
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหงเฟยกวนมิคิดยั้งมือ เขาใช้อำนาจสูงสุดของตนเข้าสังหารซูอี้รวดเร็วรุนแรงเยี่ยงสายฟ้า!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ปราณกระบี่ฉวัดเฉวียนขณะฉีกกระชากแดนดินในบริเวณให้แหลกเป็นเสี่ยงราวผืนผ้าใบ สร้างเสียงคำรามลั่นเยี่ยงเทพปีศาจประกาศสงคราม
ตัวตนที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตจุติมงคลนั้นมิอาจลืมตาขึ้นได้ ทั้งจิตวิญญาณและอารมณ์ล้วนสะเทือนสั่นอย่างมิอาจระงับ
และเมื่อเผชิญกับกระบี่เล่มนี้ ซูอี้ก็หรี่ตาลง ก่อนจะเผยรอยยิ้มขึ้นทันที
กระบี่เช่นนี้ดีมากจริง ๆ!
ตู้ม!
อาภรณ์ของซูอี้โบกสะบัด ห้านิ้วฟาดฟันไปบนอากาศ
หนึ่งปราณดาบปรากฏขึ้นเจือด้วยอำนาจวัฏสงสารอันลึกลับเกินเข้าใจ เยี่ยงเก้าขุมนรกมืดมิดทะยานเวหา
ปราณกระบี่เหนือนภาสะท้านสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อนจะระเบิดออก
ท้องนภาส่วนนั้นดูจะถูกภาวะดาบบดขยี้ ให้ความรู้สึกราวใกล้ถล่มร่วง
อำนาจดาบอันน่าหวาดหวั่นแพร่ออก ภูเขาใต้เท้าสะเทือนเลือนลั่น ศิลาบนภูเขาแหลกร้าว เศษหินกระเด้งกระดอนเสียดแทงบนเวหา
ไกลออกไปจากร่างของซูอี้สิบจั้ง ร่างของหงเฟยกวนเผยปราณกระบี่ออกมา
แดนดินสั่นสะท้าน และผู้คนก็พลันตระหนัก
หลังจากฟาดฟันกระบี่ออกไปเมื่อครู่ หงเฟยกวนได้ลอบโจมตีเข้ามา เกือบจะสังหารซูอี้ตรงหน้าเขาได้อยู่แล้ว!
และความน่าสะพรึงกลัวจากอำนาจดาบของซูอี้ก็ชวนใจสั่นเช่นกัน
“ดี!”
ดวงตาของหงเฟยกวนทอประกาย เผยจิตต่อสู้ลุกโชน
อาภรณ์ของเขาพลิ้วสะบัด ร่างทะยานเข้ามาอีกหน ฟาดฟันกระบี่ในมือ
ซูอี้ก้าวขึ้นมาบนอากาศ เหวี่ยงหมัดต้านรับ
ตู้ม!
ภายใต้ท้องนภา ทั้งสองต่อสู้ดุเดือดราวสองตะวันประชันฤทธิ์ ทุกครั้งที่ปะทะกัน แดนดินรอบข้างก็สั่นสะท้าน
อาภรณ์ของหงเฟยกวนขาวยิ่งกว่าหิมะ รูปลักษณ์หล่อเหลางดงาม ทว่ายามลงมือกลับเหมือนเทพสงครามไร้เทียมทาน สองมือยกศาสตราฟาดฟัน ห้าวหาญไม่กลัวฟ้ากลัวดิน
ความสำเร็จในวิถีกระบี่ของเขากล่าวได้ว่าเป็นการรวมชะตาสวรรค์ กระบี่ทุกเล่มล้วนแข็งแกร่งดุดันราวกับพร้อมจะแยกโลกาได้ทุกแห่งหน!
แสงเซียนเดือดพล่านบนร่าง สะเทือนทั่วทศทิศ!
เหล่าผู้มองจากไกล ๆ ล้วนตะลึงกับอำนาจสูงส่งนี้ หัวใจพวกเขาล้วนสั่นสะท้าน
ผู้นำทายาทแห่งเซียนนั้นควรเป็นเช่นนี้
องอาจเยี่ยงเทพ ฟาดฟันกระบี่แยกนภา!
เดิมที ทุกคนคิดว่าซูอี้คงจะอยู่ได้ไม่นานภายใต้การโจมตีของหงเฟยกวน
ทว่าสัจธรรมนั้นเกินความคาดหมายไปโดยสิ้นเชิง!
จริงอยู่ที่ซูอี้ใช้มือเปล่า หาเรียกใช้ดาบตนไม่ แต่ยามประลองกับหงเฟยกวน มิเพียงเขาจะไม่เพลี่ยงพล้ำ ทว่ายังต่อสู้ตอบโต้ได้อีก!
อาภรณ์สีเขียวของเขาพลิ้วไสว ภาวะดาบบนร่างดูราวขุมนรก บรรยากาศสูงส่งห่างเหิน ทุกการโจมตีดูราวกับไร้การผันผวนของคลื่นพลัง เรียบง่ายไร้ความพิเศษ ทว่าภาวะดาบในแต่ละการโจมตีนั้นสามารถสลายการโจมตีของหงเฟยกวนได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!
มันให้ความรู้สึกราวกับซูอี้คือโขดหิน ณ ฝั่งผา ปล่อยให้เกลียวคลื่นถาโถม วายุโหมแปดทิศ ทว่าตนยืนยงนิรันดร์กาล!
ช่างประหลาดโดยแท้ และสิ่งนี้ยังทำให้เกิดเสียงลือลั่นมิอาจคณานับ
สัตว์ประหลาดเฒ่าบางผู้ซึ่งอยู่ในจุดสูงสุดแห่งขอบเขจตุติมงคลดูตกตะลึง ยากจินตนาการได้ว่าซูอี้ทำเช่นนี้ได้เช่นไร
ต้องทราบว่านี่หาใช่โลกภายนอกไม่ เมื่อไร้ข้อจำกัดจากกฎสวรรค์ หงเฟยกวนก็สามารถสำแดงวิถีเต๋าของตนได้อย่างเต็มที่!
ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น ซูอี้ก็ยังต่อสู้กับหงเฟยกวนได้อย่างทัดเทียม ใครเล่าจะกล้าเชื่อ?
“คนแซ่ซูผู้นี้ต้องไม่รอดชีวิต! หาไม่ เกรงว่าตายไปข้าก็หลับตาไม่ลง!”
บางผู้ขบเขี้ยวพลางขมวดคิ้ว
เมื่อคิดดู เขาอยู่ในขอบเขตไร้ขีดจำกัดขั้นสมบูรณ์ก็ท้าทายสวรรค์เพียงนี้แล้ว หากปล่อยเขาก้าวสู่วิถีจุติสรวงขึ้นมาเล่า ผู้ใดจะยังเทียบเทียม?
“ต้องเป็นเพราะเคล็ดวัฏสงสงสารฝึกฝนใหม่แน่ ๆ ที่ทำให้คนผู้นี้มีพื้นฐานและความแข็งแกร่งร้ายกาจเพียงนี้!”
หัวใจของบางผู้เต้นระรัว ดวงตาแดงฉาน
“ไม่ว่าจะท้าทายสวรรค์เพียงไร วันนี้เขาก็ต้องตาย!”
บางผู้ดูเย็นชามาดร้าย
ความแข็งแกร่งของหงเฟยกวนนั้นไม่มีผู้ใดกังขามานานแล้ว ต่อให้เขาสำแดงอำนาจชวนตะลึง ผู้คนก็ล้วนมองข้ามไป
ทว่ายามมองไปทางซูอี้ เขากลับแตกต่างออกไป
พฤติกรรมที่เขาแสดงออก ณ ยามนี้เจิดจรัสยิ่งนัก และยิ่งเป็นเช่นนั้น ขุมกำลังอักษะที่รวมตัวกันอยู่ในปัจจุบันก็ยิ่งเคียดแค้นอาฆาต!
“กระบี่คือวิถี วิถีคือกระบี่ หัวใจข้านำทาง ผ่าตะวันจันทรา สะบั้นภูตผีเทพเซียน!”
ทันใดนั้น เส้นผมของหงเฟยกวนก็พลิ้วสยายกลางสนามรบ คำรามก้องสะเทือนพิภพ ฟาดฟันกระบี่ของเขาอย่างรุนแรงบนอากาศ
ตู้ม!
หนึ่งปราณกระบี่ดำทมิฬปรากฏขึ้นก่อนจะห้อตะบึงเยี่ยงอาชา แยกท้องนภาและทะยานลงสู่แดนดินด้วยเสียงอันดังสนั่น
สัตว์ประหลาดเฒ่าขอบเขตจุติมงคลบางผู้อดขนลุกมิได้
นี่เป็นท่าสังหารใหญ่อย่างเห็นได้ชัด!
ด้วยหนึ่งกระบี่นี้บรรจุจิตวิญญาณและเจตจำนงของหงเฟยกวน อำนาจดูราวจะแยกนภาผ่าแดนดินได้
มิอาจเอาชนะ!
ม่านตาของซูอี้หดตัวเล็กน้อย มือของเขาวาดไปเบื้องหน้าราวโอบกอดวงล้อไท่จี๋ และม่านดาบหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ภายในม่านดาบนั้นมีหกวิถีเวียนวัฏแห่งภูมิมืดมิดปรากฏขึ้นและวนเวียนไม่รู้จบ
ทันทีที่ม่านดาบก่อตัว กระบี่ของหงเฟยกวนก็ฟาดฟันเข้ามา
ตู้ม!
แดนดินในรัศมีพันจั้งจากร่างของซูอี้สลายไปในพริบตา แสงดาบอันร้ายกาจแผดจ้าและปราณกระบี่ทะยานไกลทำให้พื้นที่ขาวโพลนทั่วทิศ
ซูอี้แพ้แล้วหรือ?
ทุกผู้จับจ้องนิ่งไปในม่านฝุ่นควัน
และแล้ว ภาพอันชวนตกตะลึงก็ปรากฏขึ้น
ซูอี้ยืนอยู่บนอากาศ อาภรณ์พลิ้วไสว มือของเขาคว้าจับปราณกระบี่สีดำเจิดจรัสไว้อย่างมั่นคง!
กระบี่ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นท้าไม้ตายของหงเฟยกวนถูกหยุดไว้ตรง ๆ!
และเมื่อผู้คนเห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็ปัดมือ
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ปราณกระบี่สีดำอันร้ายกาจนั้นแหลกสลายเป็นพิรุณแสงในมือซูอี้และหายไปทีละน้อย
เหล่าผู้ชมเงียบกริบ ดวงตาเบิกโพลง
คิ้วของหงเฟยกวนซึ่งอยู่ไกลออกไปขมวดเข้าหากัน
ใบหน้าซึ่งดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวมาตลอดปรากฏความประหลาดใจขึ้นอย่างหาได้ยาก!!!
………………..