ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 664 ฟังคำพูดของหลินเจียอินพลันนึกย้อนถึงวันเก่า
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 664 ฟังคำพูดของหลินเจียอินพลันนึกย้อนถึงวันเก่า
ตอนที่ 664 ฟังคำพูดของหลินเจียอินพลันนึกย้อนถึงวันเก่า
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋คุยกับหลี่เฉิงหรูเสร็จแล้ว เฉินอี้เฟย จางกุ้ยหลัน และคนอื่นที่ไม่ค่อยสนิทกับเขาสักเท่าไหร่ก็มาคุยกับเขาสักพัก
“ผู้ช่วยเจียง คุณพอใจกับการตกแต่งสปาครั้งที่แล้วไหม ? ” เฉินอี้เฟยถามด้วยรอยยิ้ม
“พอใจมาก ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ต่อไป ยังมีสปาอีกหลายแห่งที่ต้องปรับปรุง แต่ก็ยังคงสไตล์ที่เรียบง่ายเหมือนกัน ทั้งในเจียงเฉิง ชิงโจวและเจี้ยนหยาง ฉะนั้นพวกคุณต้องเตรียมการ”
เฉินอี้เฟยกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา บริษัทโฮเนสท์ โลจิสติกส์มียานพาหนะจำนวนมาก ใช้บรรทุกคนงานและวัสดุได้สบาย ๆ ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ดีแล้ว ผมก็แค่อยากจะเตือนคุณล่วงหน้า”
เฉินอี้เฟยกล่าวว่า “ฉันก็ได้ยินผู้จัดการเฝิงพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋จำเรื่องที่เฝิงเยี่ยนหงพูดถึงเรื่องจะบอกให้เฉินอี้เฟยตกแต่งสวนได้ จึงถามไปว่า “ผู้จัดการเฝิงขอให้คุณไปตกแต่งสวนที่บ้านเหรอ ? ”
“ใช่แล้ว ! ” เฉินอี้เฟยพยักหน้า “เธอบอกว่าเธออยากได้สวนแบบนั้น หลังจากที่ไปสปามา”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “อืม” และพูดเน้นย้ำ “การตกแต่งบ้านแตกต่างจากการตกแต่งที่ทำงาน ฉะนั้นคุณต้องใส่ใจรายละเอียดให้ดี”
เฉินอี้เฟยกล่าวว่า “อย่ากังวล ผู้ช่วยเจียง ตอนที่ฉันตกแต่งบ้านของคุณในเจียงวาน พี่จวงขอให้ฉันใส่ใจกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้มาก ฉันจำมันขึ้นใจเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ดีแล้วที่ละเอียดรอบคอบ”
หลังจากคุยกับเฉินอี้เฟยสักพัก เขาก็คุยกับจางกุ้ยหลันต่อ เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเมิ่งเสี่ยวเป่ย เย่กวงโต้วและหลินเจียจวินก็ได้เข้ามาที่ห้องประชุมแล้ว
เมิ่งเสี่ยวเป่ยเดินไปหาเจียงเสี่ยวไป๋และกระซิบว่า “ผู้ช่วยเจียง เริ่มการประชุมเปิดเจียงเจียกรุ๊ปได้เลยค่ะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า
เมิงเสี่ยวเป่ยพูดเสียงดังทันที “ทุกคน กรุณาเงียบหน่อย ต่อไปเราจะได้เริ่มทำการประชุมเปิดแล้ว”
การประชุมในช่วงต้นทศวรรษ 1980 นั้นต่างจากรุ่นหลัง ๆ ที่สามารถใช้ลำโพง ไมโครโฟน ฯลฯ ได้ ฉะนั้นโดยพื้นฐาน ผู้พูดจะต้องพูดเสียงดังให้มากที่สุด
ทำให้ในสมัยนั้นคนที่มีเสียงดังจึงเหมาะที่จะเป็นผู้นำมากกว่า ไม่เช่นนั้น ถ้ามัวแต่พูดจาสุภาพ คงไม่มีใครฟังพวกเขาในที่ประชุม
แม้ว่าเมิ่งเสี่ยวเป่ยจะเป็นผู้หญิงที่สวยและพูดจาไพเราะ แต่เสียงของเธอก็ดังในที่ประชุม เมื่อเธอตะโกน ทุกคนก็เงียบลงทันทีและนั่งลงในที่ของตัวเอง
เมิ่งเสี่ยวเป่ยรอให้ทุกคนนั่งลง จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและพูดว่า “วันนี้เป็นวันที่เจียงเจียกรุ๊ปได้รับการก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยจะมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ก่อนกิจกรรมเหล่านี้ ผู้บริหารอาวุโสของบริษัทจะทำการประชุม ซึ่งฉันจะเป็นผู้ดูแลการประชุมในครั้งนี้”
ด้านล่าง เจียงเสี่ยวไป๋และคนอื่น ๆ ก็ได้ปรบมือขึ้น
เมื่อเสียงปรบมือหยุดลง เมิ่งเสี่ยวเป่ยก็กล่าวว่า “การประชุมมีสองขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 คือการกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน และการแต่งตั้งผู้บริหารบริษัท ขั้นตอนที่ 2 ผู้ช่วยเจียงจะขึ้นมาพูดคุย”
“ต่อไป ฉันอยากจะเชิญประธานหลินเจียอินจากเจียงเจียกรุ๊ปขึ้นมากล่าวสุนทรพจน์ค่ะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ปรบมือนำทุกคน
“แปะ แปะ แปะ…”
ท่ามกลางเสียงปรบมืออันอบอุ่น หลินเจียอินยืนขึ้นอย่างช้า ๆ เธอยิ้มเล็กน้อย พลางเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋ก่อน จากนั้นจึงถอยหลังและโค้งคำนับให้ทุกคน
เนื่องจากเธอตั้งท้อง เธอจึงก้มได้ไม่มาก แต่ทุกคนยังคงสัมผัสได้ถึงความจริงใจของประธานและเสียงปรบมือก็ดังขึ้นไปอีก
หลินเจียอินยกมือขึ้นเพื่อหยุดเสียงปรบมือและกล่าวว่า “ในฐานะประธานเจียงเจียกรุ๊ป ฉันไม่ได้มีส่วนช่วยใด ๆ ให้กับบริษัทเลย มันคือทุกคนที่อยู่ที่นี่ ทุกคนในห้องนี้ ภายใต้การนำของเจียงเสี่ยวไป๋ สามีของฉัน เราเริ่มต้นธุรกิจทีละขั้นตอนจากการตั้งแผงขายผัดมันฝรั่งเล็ก ๆ กับหวังผิงและเฝิงเยี่ยนหง ฉันจำได้ว่าตอนนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ต้องขี่จักรยานของหวังผิงเอาลูกสาวและฉันซ้อนเข้าไปในเมืองทุกเช้า วันนั้นของเดือนพฤษภาคม……”
หลินเจียอินดูเหมือนจะหวนนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ โดยเล่าถึงประสบการณ์ของเธอในการเริ่มต้นธุรกิจกับเจียงเสี่ยวไป๋
ในห้องประชุม หวังผิง เฝิงเยี่ยนหง และถานเสวี่ยเฉาที่เคยประสบอยู่ในเหตุการณ์นั้นร่วมกัน หลังจากฟังคำพูดของหลินเจียอิน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทรงจำนั้นในวันวาน จากนั้นมุมตาของพวกเขาก็มีน้ำตาคลอเล็กน้อย
หวังผิงนึกถึงตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋มาหาเขา ความคิดแรกของเขาคือเจียงเสี่ยวไป๋ต้องมาหาเขาเพื่อขอยืมเงิน ตอนนั้นเขาจึงพูดไปว่า: ‘นายมาหาฉันแบบนี้ต้องหนีไม่พ้นเรื่องยืมเงินแน่ ๆ ฉันจะให้นายสูงสุด 3 หยวน เพราะช่วงนี้เยี่ยนหงเข้มงวดเรื่องเงินกับฉันมาก’
แต่ใครจะไปรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้มาหาเพื่อขอยืมเงิน เขาพูดว่า : ‘ฉันอยากคุยกับนายเรื่องเช่าที่ และสัญญาว่าจะให้เงินค่าเช่านายเดือนละ 30 หยวน’
นั่นคือตอนที่ธุรกิจของพวกเขาเริ่มต้นขึ้น
เฝิงเยี่ยนหงนึกถึงตอนที่เธอได้ยินว่าเจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าจะขายผัดมันฝรั่ง เธอบอกตามตรงว่าตอนนั้นเธอมองว่าหัวคิดของเจียงเสี่ยวไป๋ตื้นมาก หากการขายผัดมันฝรั่งสามารถสร้างรายได้ได้จริง เธอจะยอมเรียกชื่อของเขาแบบกลับหลังไปตลอดชีวิต
ขณะที่ช่างไม้ถานฟังที่หลินเจียอินพูด เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงครั้งแรกที่เจียงเสี่ยวไป๋ไปหาเขา เพื่อขอให้ทำป้ายโฆษณาให้
ในเวลานั้น เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงเป็นผู้ชายสารเลวในสายตาเขาอยู่ เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋บอกเขาว่าจะจ้างเขา 10 หยวน เขาก็คิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋กำลังมาหลอกเขาอยู่ จนกระทั่งหลินเจียอินเอาเงินมาจ่ายให้เขาจริง ๆ ก่อนจะชวนถานเสี่ยวฟางลูกสาวของเขาไปทำงานในเมือง
อดีตกำลังจางหายไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครึ่งปีที่แล้วดูเหมือนกับว่าได้ผ่านมาหลายปีแล้ว
เป็นเรื่องจริงที่ช่วงเวลาสั้น ๆ นี้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น
ตอนนี้ เขาเปลี่ยนจากช่างฝีมือธรรมดามาเป็นผู้ถือหุ้น และลูกสาวของเขาก็เปลี่ยนจากพนักงานเป็นผู้จัดการระดับสูงด้วย
ครอบครัวที่แต่เดิมไม่มีเงินซื้อยาให้ภรรยาที่ล้มป่วยกลายเป็นครอบครัวแรกที่มีเงิน 10,000 หยวนในเจียงวาน (เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ใช่เศรษฐีในความคิดของเขา แต่เขาเป็นเจ้านายใหญ่ คนที่ไม่พูดถึงเรื่องเงิน)
และสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตของเขาก็มาจากเจียงเสี่ยวไป๋ทั้งหมด
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ ?
ช่างไม้ถานเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
จวงปี้เฉิง หลี่เฉิงหรู และเฉินอี้เฟย ได้พบกับเจียงเสี่ยวไป๋ตอนที่พวกเขายังขายผัดมันฝรั่ง พวกเขาคือช่างที่รับหน้าที่ปรับปรุงโรงน้ำชาให้กลายเป็นร้านอาหารที่ขายพะโล้ ที่มาของร้านอร่อยสามมื้อ
ถานซิงซานเพิ่งรู้จักเจียงเสี่ยวไป๋อย่างเป็นทางการเมื่อเขาช่วยช่างไม้ถานไปส่งโต๊ะและเก้าอี้ให้กับร้านของเจียงเสี่ยวไป๋ หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มเปิดร้านขายกุ้งอบน้ำมัน
ส่วนเรื่องของหลิวซือกั๋ว ก่อนหน้านั้นเขาและภรรยาของเขาเก็บมันฝรั่ง เขาจึงเข้าไปหาเจียงเสี่ยวไป๋ และบอกว่ายินดีที่จะขายมันฝรั่งให้เจียงเสี่ยวไป๋ในราคาที่ต่ำ แต่เจียงเสี่ยวไป๋ก็ปฏิเสธ และยังจะรับซื้อมันของหลิวซือกั๋วในราคาที่สูง
เมื่อเขาเจอแบบนี้ ความประทับใจของเขาที่มีต่อเจียงเสี่ยวไป๋ก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ครั้งนั้น
และเป็นเพราะความประทับใจในครั้งนั้น ต่อมา เมื่อเขาไปช่วยช่างไม้ถานส่งโต๊ะและเก้าอี้ เขาก็เห็นเจียงเสี่ยวไป๋ทำงานแบบติดดิน เขาจึงขอไปทำงานกับเจียงเสี่ยวไป๋ และกลายเป็นผู้จัดการคนแรก ไม่นานหลังจากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ก่อตั้งโรงงานแห่งแรก เขาจึงได้กลายเป็นผู้จัดการโรงงาน
หลังจากฟังเรื่องราวของหลินเจียอิน ดวงตาของเขาก็มีน้ำตาคลอเบ้าเช่นกัน