ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 711 ข่าวเรื่องเรือนสี่ประสาน
ตอนที่ 711 ข่าวเรื่องเรือนสี่ประสาน
หลินฉางเกิงอยากให้สอนทำข้าวอบหม้อดิน สิ่งนี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ประหลาดใจมาก
อย่างไรก็ตาม เขาก็พอเข้าใจอยู่บ้าง
เนื่องจากชายชราอยู่บ้านคนเดียว เขาจึงอยากทำอาหารกินง่าย ๆ
ทว่าแม้ข้าวอบหม้อดินจะดูเรียบง่าย แต่ทำไม่ง่ายเลย ยุ่งยากกว่าการทำเมนูอื่นเสียอีก
“เหล่าหลิน แน่นอนว่าผมสามารถสอนคุณได้ถ้าคุณต้องการ” เจียงเสี่ยวไป๋ตอบตกลงก่อน แล้วจึงพูดต่อ “แต่การทำข้าวอบหม้อดินนั้นอาจจะดูง่าย แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันค่อนข้างซับซ้อนอยู่เหมือนกัน”
หลินฉางเกิงยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร อย่างไรก็มีโต๊ะหลุมไฟ เรื่องขั้นตอนการทำ ฉันไม่มีปัญหา”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มด้วยสีหน้าขมขื่น โต๊ะหลุมไฟไม่ได้มีอำนาจทุกอย่าง และไม่ได้ดีไปกว่าการทำบนเตา แต่ในเมื่อเหล่าหลินยืนกราน เขาจึงหยุดเกลี้ยกล่อม
“ตกลง งั้นคุณกินข้าวก่อน เดี๋ยวผมจะขอให้เฉินซินไปรับคุณทุกวันเพื่อที่จะได้มาเรียนทำเมนูนี้กับเชฟหลี่ในครัว”
หลินฉางเกิงเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋ “นายไม่ได้สอนฉันเองเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พรุ่งนี้ผมจะต้องไปเจี้ยนหยาง จึงไม่มีเวลามาสอนคุณ เรียนกับผมหรือเรียนกับเชฟหลี่ก็เหมือนกัน”
หลินฉางเกิงพยักหน้า “งั้นตกลง ! ”
เขารู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋งานยุ่งมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจว่าจะต้องได้เรียนกับใคร
หลี่ฉางโหยวนำข้าวอบหม้อดินออกมาอีกหลายหม้อ ครั้งนี้เจียงชานกินข้าวอบหม้อดินรสเผ็ด หลินเจียอิน กินข้าวอบหม้อดินซี่โครงหมูถั่วดำ เฝิงเยี่ยนหงและเมิ่งเสี่ยวเป่ยกินข้าวอบหม้อดินหมู และหวังกังกินข้าวอบหม้อดินเนื้อ
ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋ไม่กิน
หลินเจียอินจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “ทำไมคุณไม่กินอีกล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมอิ่มแล้ว”
หลินเจียอินพูดว่า “ฉันเองก็อิ่มแล้วเหมือนกัน แต่เพราะมันอร่อย ฉันเลยอยากกินเพิ่มอีก”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “คุณอยากกินก็กินต่อได้ และถ้าหากอยากมาที่นี่ แม้ว่าผมจะไม่อยู่ แต่เฉินซินก็มีรถ คุณกับเยี่ยนหงสามารถมาทานอาหารที่นี่ได้ตลอดเวลา”
“ดีเลย ! ” หลินเจียอินพยักหน้าอย่างมีความสุข
ปัจจุบันเจียงเจียกรุ๊ปมีธุรกิจร้านอาหารเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้สามารถเลือกกินร้านไหนก็ได้ตามที่ต้องการ ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่จะต้องกินกุ้งอบน้ำมันแทบทุกวัน
ไม่ว่าอาหารอร่อยแค่ไหน ถ้ากินทุกวันก็น่าเบื่อพอสมควร
เจียงชานเป็นคนแรกที่กินเสร็จ ปากของเธอเต็มไปด้วยน้ำมัน และสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ป่าป๊า พรุ่งนี้หนูก็ยังอยากกินข้าวอบหม้อดินอยู่ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ถึงกับกุมขมับ
ไหนคุยกันแล้วว่าพรุ่งนี้อยู่ที่บ้าน แล้วจะกินข้าวอบหม้อดินได้อย่างไร ?
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “เอาล่ะ พ่อจะเอาหม้อดินกลับบ้านด้วยสักสองสามใบ พรุ่งนี้เช้าพ่อจะตื่นมาทำให้ หิวเมื่อไหร่ก็ให้แม่เอามาวางบนโต๊ะหลุมไฟ ให้มันค่อย ๆ อุ่น ! ”
“ดีไปเลยค่ะ” เจียงชานปรบมืออย่างมีความสุข “ขอบคุณมากนะคะป่าป๊า ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขามักจะพยายามทำตามคำขอของลูกสาวเสมอ
หลินเจียอินก็มีความสุขไม่ต่างกัน ลูกสาวของเธอร้องขอ เธอเองก็พลอยได้กินข้าวอบหม้อดินไปด้วย
แม้ว่าเธอจะรู้สึกอิ่มไปหน่อยหลังจากกินหม้อนี้หมด แต่มันก็อร่อยจริง ๆ
เมิ่งเสี่ยวเป่ยและเฝิงเยี่ยนหงก็บอกว่าพวกเธออิ่มไม่ต่างกัน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ถ้าพวกคุณอิ่มเกินไปก็ดื่มชาดำสักหน่อย ชาดำสามารถช่วยให้เราย่อยอาหารได้เร็วขึ้น และใช้เวลาไม่นานก็จะรู้สึกสบายท้องขึ้น”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยได้ยินก็พูดว่า “ใช่ค่ะ ยิ่งเราดื่มชาดำมากเท่าไหร่ กระเพาะของเราก็จะยิ่งย่อยอาหารได้ดีขึ้นเท่านั้น”
ดังนั้น หลังจากที่หยวนหยวนเคลียร์โต๊ะเสร็จ เมิ่งเสี่ยวเป่ยจึงชงชาดำอีกครั้ง
ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋ก็พาหลินฉางเกิงไปนวดเท้าต่อ
ในตอนแรก ชายชรายังไม่ชินกับมัน แต่เมื่อรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา เขาก็กล่าวชมไม่หยุดปาก “เจ้าเด็กนี่ ช่างรู้วิธีทำให้ผ่อนคลายจริง ๆ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ผมจะให้บัตร VIP กับคุณ เมื่อคุณต้องการนวดเท้าก็แค่รูดบัตรนี้”
หลินฉางเกิงโบกมือ “ช่างเถอะ หากนายว่างก็ค่อยพาฉันมานวด นาน ๆ ครั้งก็พอแล้ว ฉันไม่คิดจะมาที่นี่เพื่อมานวดฟรีบ่อย ๆ หรอกนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้บังคับอะไร เขารู้ว่าคนรุ่นก่อนนั้นดื้อรั้นมาก และมักจะไม่ยอมฟังใครหากว่าตัดสินใจไปแล้ว
หลังจากนวดเท้าและรอให้พนักงานนวดทั้งสองออกไป หลินฉางเกิงก็เหลือบมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “นายให้ความบันเทิงแก่ฉัน แต่ผู้เฒ่าอย่างฉันไม่มีอะไรจะตอบแทนนายเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ผมยังจะต้องการอะไรจากคุณเป็นการตอบแทนอีกล่ะ ? ช่วงนี้ผมยุ่งนิดหน่อยเลยมีเวลาดูแลคุณน้อยลง ขอแค่อย่าตำหนิผมก็พอแล้ว”
หลินฉางเกิงโบกมือและพูดอย่างจริงจัง “อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ฉันมีเรื่องจริงจังบางอย่างจะบอกกับนาย”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “คุณกำลังพูดถึงการตีพิมพ์หนังสือหรือเปล่า ? ไม่ต้องกังวล ผมขอให้เพื่อนในเจียงเฉิงติดต่อสำนักพิมพ์แล้ว จะมีข่าวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
ในตอนที่หลินเจียจวินออกจากชิงโจวไป เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้วานให้เขาช่วยหาสำนักพิมพ์ให้โดยเฉพาะ
เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับหลินเจียจวิน ซึ่งเขาก็ตอบตกลงทันที
หลินฉางเกิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องการตีพิมพ์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าได้ติดต่อกับสำนักพิมพ์ไปแล้ว เขาก็มีความสุขขึ้นมาทันทีและพูดว่า “ขอบคุณมากเสี่ยวไป๋ ฉันปรารถนามาตลอดชีวิตว่าอยากจะเผยแพร่ประสบการณ์บางส่วนเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมโบราณและโบราณคดีเหล่านี้ออกมาให้ผู้คนได้อ่านมัน”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกละอายใจเล็กน้อย แม้ว่าจะไม่มีเขา หนังสือของหลินฉางเกิงก็ยังคงได้รับการตีพิมพ์ในอีกสิบปีข้างหน้าอยู่ดี เพียงแต่เขาช่วยทำให้มันเร็วขึ้นกว่าเดิมก็เท่านั้น “เหล่าหลิน คุณอย่าพูดอย่างนั้นเลย แม้ว่าจะไม่มีผม ไม่ช้าก็เร็วคุณก็ยังสามารถตีพิมพ์หนังสือออกมาได้ และการตีพิมพ์หนังสือของคุณจะส่งเสริมประวัติศาสตร์และความสวยงามของสถาปัตยกรรมในประเทศของเราออกไป”
หลินฉางเกิงมีความสุขมากเมื่อเขาได้ยินประโยคนี้ “นายเคยบอกว่าต้องการซื้อเรือนสี่ประสานไม่ใช่เหรอ ? ฉันมีข่าวจะบอกนาย”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าหลินฉางเกิงจะพูดถึงเรื่องนี้ในทันที
หลังจากกลับมาตั้งสติได้ เขาก็พูดด้วยความตื่นเต้น “เหล่าหลิน ที่คุณพูดออกมาเป็นความจริงเหรอ คุณหาเรือนสี่ประสานที่ผมสามารถรื้อถอนได้แล้วใช่ไหม ? ”
มุมปากของหลินฉางเกิงกระตุกอย่างรุนแรง “เอะอะก็รื้อ รื้อ รื้อ คิดแต่จะรื้อหรือไง ! ”
“ฉันแค่บอกว่าจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรือนสี่ประสานแก่นาย แต่ฉันยังไม่ได้บอกให้รื้อมันสักหน่อย”
จู่ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ก็มีสีหน้าบูดบึ้งและพูดอย่างไม่พอใจ “คุณบอกว่าคุณมีเรือนสี่ประสานเก่า ผมก็คิดว่าคุณมีเรือนเก่าที่สามารถรื้อถอนได้”
หลินฉางเกิงพูดด้วยความโกรธ “อะไรนะ ? ถ้ามันรื้อไม่ได้ นายก็จะไม่สนใจเลยงั้นเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมืออย่างเร่งรีบ “ไม่ครับ ตราบใดที่สถานที่นั้นเหมาะสม”
หลินฉางเกิงถามว่า “แล้วที่เทียนจิงถือว่าเหมาะสมไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึง หากถามว่าเรือนสี่ประสานที่ไหนเป็นของแท้ที่สุด ก็ต้องเป็นที่เทียนจิง
“เหล่าหลิน คุณล้อผมเล่นใช่ไหม ? ”
หลินฉางเกิงกล่าวว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน เพื่อนจากเทียนจิงเขียนจดหมายมาหาฉัน เขาระบุในจดหมายว่าเขาวางแผนที่จะขายเรือนเก่าของเขา ฉันรู้ว่าเรือนของเขาเป็นเรือนสี่ประสานเก่าแก่ หากนายสนใจ ฉันสามารถช่วยติดต่อเขาให้ได้”
เจียงเสี่ยวไป๋ดีใจมาก “แน่นอน ผมสนใจ อยู่แถวไหนหรือครับ ? ”
หลินฉางเกิงกล่าวว่า “นายชอบทำเลแถวตีนเขาตงหวงไหม ? ”
“ชอบครับ” เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก “คุณพอจะรู้ไหมว่ามันมีพื้นที่ใหญ่แค่ไหน ? ”
หลินฉางเกิงกล่าวว่า “ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 1,200 ตารางเมตร พื้นที่ตัวอาคารบ้านประมาณ 800 ตารางเมตร เป็นลานขนาดใหญ่ที่มีทางเข้าสามทาง”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกพึงพอใจมากเมื่อได้ยินข้อมูลนี้
หลินฉางเกิงกล่าวว่า “เนื่องจากนายสนใจ ฉันจะเขียนจดหมายไปหาเขาและจะแจ้งให้นายทราบภายในสองสามวัน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “คุณไม่โทรไปเหรอ ? ”
หลินฉางเกิงกลอกตาใส่เจียงเสี่ยวไป๋ “งั้นนายก็ไปติดตั้งโทรศัพท์ให้เขาสักเครื่องสิ”
ทำเอาเจียงเสี่ยวไป๋ถึงกับทำหน้าไม่ถูก
เรื่องนี้ไม่สามารถเร่งเร้าได้ ต้องรอข่าวเท่านั้น
ทั้งสองคุยกันสักพักก็สวมรองเท้าแล้วเดินออกไป
เมื่อถึงเวลาห้าโมง หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ส่งหลินฉางเกิงกลับบ้าน เขาก็มารับหลินเจียอินและเจียงชานกลับบ้านต่อ