ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2780
ไหม้เฉิงซินมองดูไมค์และอธิบายว่า “นายคิดว่าเรื่องหนอนกู่ ดูเหมือนจะไม่มีร่องรอยให้ค้นหา เหมือนไม่ถูกหลักวิทยาศาสตร์ แต่ในความเป็นจริงมันเป็นวิทยาศาสตร์มาก”
ว่าแล้วไหม้เฉิงซินก็อธิบายต่อไป “หนอนกู่ที่กินสมองมนุษย์ และต้องเป็นสมองสดใหม่ด้วย นี่ก็หมายความว่า คนเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน แม้ว่าสมองของมนุษย์จะถูกหนอนกู่กลืนกิน สูญเสียระบบประสาทส่วนกลางทั้งหมด แต่ความสามารถทางกายภาพจะไม่สูญเสียไปในทันที เช่นเดียวกับคนที่สมองตาย ยังคงมีการเต้นของหัวใจและการไหลเวียนโลหิตอยู่”
“ความมหัศจรรย์ของหนอนกู่ ก็เพราะว่าหลังจากที่มันกินสมองมนุษย์แล้ว ก็จะสามารถยึดครองระบบประสาทส่วนกลางของมนุษย์ได้ชั่วคราว ก่อนจะเข้าควบคุมร่างกายมนุษย์โดยพื้นฐาน”
“เช่นเดียวกับยามคนเมื่อครู่ เขาถูกหนอนกู่ควบคุมให้เดินเข้ามา แต่เนื่องจากเขาตายไปแล้ว กล้ามเนื้อจะแข็งตัวไปเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวจึงดูแข็งทื่ออย่างที่เห็น
“นายดูสิเขาทำได้เพียงการเคลื่อนไหวพื้นฐาน เดิน เปิดประตู และโบกมือ แต่จะพูดไม่ได้ หลักๆ เป็นเพราะตัวหนอนกู่เองก็ไม่สามารถควบคุมเขาอย่างลึกซึ้งได้ ทำได้เพียงการเคลื่อนไหวง่ายๆ ภายใต้การควบคุมทางความคิดของคนเลี้ยงหนอนกู่”
ไมค์มองตามด้านหลังของยามอย่างละเอียดร แล้วรีบถามว่า “คุณปู่ หนอนกู่สามารถควบคุมศพได้ตลอดเวลาหรือเปล่า?”
“ไม่ได้แน่นอน” ไหม้เฉิงซินกล่าวอย่างจริงจัง “ยังไม่ต้องพูดถึงว่าศพจะค่อยๆ แข็งตัวและเน่าเสีย ลำพังตัวหนอนกู่เอง มันกัดกินสมองมนุษย์ แม้ว่ามันจะเข้าสู่โหมดนอนหลับก็สามารถอยู่รอดได้ในเดือนนี้ ภายในหนึ่งเดือนหากยังไม่กินอีก อาจจะอดตายได้”
ไมค์อุทานออกมา “ถ้ามันต้องกินอีกครั้งภายในหนึ่งเดือน นั่นหมายความว่าหนึ่งเดือนมันต้องฆ่าคนหนึ่งคนใช่หรือไม่?!”
ไหม้เฉิงซินพูดอย่างเย็นชา “หนึ่งเดือนฆ่าคนหนึ่งคน หรือว่ามันเข้าสู่โหมดนอนหลับในเดือนนี้ หากคนเลี้ยงหนอนกู่ปล่อยให้มันเที่ยวเข่นฆ่าผู้คน ก็ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่วันก็ต้องกินอีกครั้ง…”
ไมค์มีสีหน้าหวาดผวา พูดเสียงสั่น! “เอ่อ…เบื้องหลังของหนอนกู่แต่ละตัว มันคือชีวิตมนุษย์ที่โชกเลือด! ไม่เคยได้ยินอะไรที่ชั่วร้ายขนาดนี้มาก่อนในชีวิตเลย…”
ไหม้เฉิงซินถอนหายใจ “นั่นเป็นเพราะนายยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ สิ่งที่ชั่วร้ายกว่าหนอนกู่ก็มีมากมาย”
สองตาหลานเดินไปคุยไป ไม่นานก็มาส่วนลึกของสุสาน
ในเวลานี้ ในพื้นที่เปิดโล่งกลางเนินเขา ชายชรารูปร่างผอมบางกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลาง
คนคนนี้ ก็คือซวนเฟิงเหนียน
เมื่อเห็นไหม้เฉิงซินและไมค์เดินมาถึงตรงหน้า ซวนเฟิงเหนียนก็เอ่ยปากว่า “คุณไหม้ กระผมว่าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว”
ไหม้เฉิงซินรีบโบกมือ “ชื่อเสียงของอาจารย์ซวน คนแก่อย่างผมก็เคยได้ยินมามากเช่นกัน ว่ากันว่าอาจารย์ซวนมีอิทธิพลในหมู่เกาะอังกฤษ คนจีนส่วนใหญ่ในยุโรปเทิดทูนอาจารย์ซวนมาก วันนี้ได้มาพบกัน น้ำใจของอาจารย์ดีงามสมดังที่ว่ากันไว้จริงๆ! “
ซวนเฟิงเหนียนแสยะยิ้มมุมปากน่าเกลียด พลางพูดว่า “คุณท่านไหม้ วันนี้ต้องให้พวกคุณมาถึงที่นี่ มันกะทันหันไปหน่อย หลักๆ เป็นเพราะหนอนกู่ของผมที่ได้ติดตามผมจากอังกฤษมาจนถึงที่นี่ ได้หิวมาสามวันแล้ว ผมทนเห็นมันทนหิวต่อไปไม่ไหว ดังนั้นจึงพามันออกมาหาอะไรกิน ได้โปรดท่านให้อภัยให้ผมด้วย!”
พอไหม้เฉิงซินได้ยินซวนเฟิงเหนียนเอาเรื่องฆ่าคน มาเป็นเรื่องพาหนอนกู่มาหาอะไรกินอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาก็เกลียดคนคนนี้สุดขั้ว
เพียงแต่ว่า เพื่อเห็นแก่ศักดิ์ศรีและการโจมตีที่แข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ เขาจึงทำได้เพียงยิ้มเยาะ เพื่อเลี่ยงหัวข้อหนอนกู่ พลางกล่าวว่า “สถานที่แห่งนี้ผู้คนไม่พลุกพล่าน ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพูดคุยเรื่องสำคัญ”
ซวนเฟิงเหนียนพยักหน้า แล้วพูดอย่างเศร้าหมอง “ผมคิดว่าสถานที่แบบนี้เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการเลี้ยงหนอนกู่ให้กินอิ่มได้ในครั้งเดียว แต่ใครจะคิดว่าสุสานใหญ่โตกว้างขวาง จะมียามเพียงคนเดียว ผมคิดว่าผู้ก่อสร้างสุสานตระหนี่มาก!”
ภายในใจของไหม้เฉิงซินรู้สึกเย็นยะเยือก