ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3525
และในตอนนี้เอง จิมมี่ที่นอนอยู่บนเตียงก็เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ผมเริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆแล้ว!แม่ฮะ!ผมเห็นหน้าแม่ชัดแล้ว!”
“จริงเหรอ?!” เมื่อเจนนี่ได้ยินแบบนี้ ก็ดีใจแทบบ้า น้ำตาหลั่งไหลออกมาเป็นสาย
แม้ว่าเธอไม่ใช่หมอ และไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านการแพทย์ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เป็นถึงนักเรียนดีเด่นที่จบมาจากไอวีลีก
เธอรู้ว่าที่ลูกชายมองไม่เห็น เป็นเพราะประสาทตาถูกเนื้องอกกดทับ
ดังนั้นในตอนนี้เธอจึงรู้ดีเป็นที่สุดว่า การที่สายตาของลูกชายค่อยๆฟื้นฟู มันพิสูจน์ได้ว่าเนื้องอกที่กดทับประสาทตาของเขาเอาไว้ ได้รับการคลายตัวออกแล้ว!
เธอพูดเสียงกลั้วสะอื้นออกมาว่า “ดีจริงๆ! ดีมากจริงๆ!”
จิ่มมี่เริ่มมีแรง ดังนั้นเขาจึงพยายามยกมือขวาที่มีสายน้ำเกลือและเครื่องวัดออกซิเจนในเลือดเสียบคาอยู่ขึ้นมา เช็ดน้ำตาให้ผู้เป็นแม่เบาๆ เอ่ยปลอบใจว่า “แม่อย่าร้องเลยนะฮะ ผมดีขึ้นแล้ว แม่ควรที่จะดีใจแทนสิ!”
จิมมี่สามารถยกมือขึ้นมา แถมยังเช็ดน้ำตาตรงหางตาให้เจนนี่ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งภาพนี้ทำเอาทุกคนเบิกตาอ้าปากค้าง
หมอเจ้าของไข้ตบหน้าตัวเอง พูดงึมงำว่า “ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า…..”
สมิธในตอนนี้สติแตกแล้ว เขารีบพุ่งเข้าไป คุกเข่าลงตรงหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามว่า “จิมมี่ เห็นหน้าพ่อชัดไหม?”
จิมมี่เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “พ่อฮะ ทำไมจมูกพ่อมีผื่นแดงขึ้นล่ะฮะ……”
สมิธลูบตุ่มนูนๆบนจมูกของตัวเองโดยอัตโนมัติ ร้องไห้น้ำตาไหลอาบหน้าเช่นเดียวกันเกับภรรยา สะอื้นแล้วพูดว่า “สองสามวันมานี้ระบบต่อมไร้ท่อของพ่ออาจจะรวนน่ะลูก ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่กี่วันก็หายแล้ว”
ขณะที่พูด เขาก็จับมือของลูกชายเอาไว้ พูดออกมาทั้งๆที่ร้องไห้ว่า “จิมมี่ ในที่สุดแกก็เห็นหน้าพ่อชัดแล้ว….ฉันคิดว่าชีวิตนี้แกจะมองไม่เห็นใครแล้วซะอีก……”
ในตอนนี้เอง ทุกคนในห้องผู้ป่วยก็แทบจะระเบิดเป็นหม้อทอด
ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนล้วนแล้วแต่ก้มหน้าซุบซิบ บนหน้าของพวกเขาประดับไปด้วยความช็อกและความเหลือเชื่อ
หมอเจ้าของไข้พึมพำขึ้นมาว่า “ทำได้ยังไง…..ทำได้ยังไงกัน…..ต่อให้เป็นฮอร์โมน ที่สามารถทำให้อาการของผู้ป่วยกลับมาดีขึ้นได้จริงๆ ก็ไม่มีทางทำให้เส้นประสาทที่ถูกกดทับฟื้นฟูขึ้นมาได้!ประสาทตาฟื้นฟู จะต้องเกิดจากเนื้องอกเล็กลงจนคลายการกดทับ…..แต่ว่านี่มันเร็วเกินไป……”
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆเองก็ประหลาดใจ
คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เคยฟาดฟันกับโรคมะเร็งมาหลายปี โรคร้ายที่พวกเขาแต่ละคนเคยพิชิตมาได้ ครอบคลุมไปถึงมะเร็งทุกชนิด ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ตั้งแต่หน้าจรดหลัง ตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก พวกเขาเหล่านี้มีประสบการณ์เกี่ยวกับมะเร็งมาอย่างล้นหลาม
แต่ว่ายิ่งมีประสบการณ์ล้นหลามมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจทุกอย่างตรงหน้า
เพราะว่า สิ่งนี้มันโค่นล้มประสบการณ์ทุกอย่างที่พวกเขาเก็บสะสมมาตลอดหลายสิบปี
ในตอนนี้เอง หมอเจ้าของไข้ก็หันไปพูดกับผู้ช่วยข้างกายว่า “รีบแจ้งเรื่องไปที่ศูนย์เวชศาสตร์นิวเคลียร์ ให้หมอที่ดูแลเรื่องPET-CTเตรียมพร้อม เพื่อสแกนร่างกายให้จิมมี่!”
สิ่งที่PET-CTแตกต่างจากCTธรรมดาทั่วไปก็คือ มันสามารถสแกนร่างกายของผู้ป่วยตั้งแต่หัวจรดเท้าได้จนหมด และจะได้รับภาพตัดขวางในทุกๆตารางนิ้วของร่างกายภายในรวดเดียว ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลือกในการตรวจสภาพร่างกายของผู้ป่วยโรคได้ดีที่สุด
และต้องผ่านขั้นตอนนี้เท่านั้น หมอถึงจะสามารถมองเห็นเนื้องอกของจิมมี่ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด จะได้รู้กันไปเลยว่าตอนนี้มันยังไงกันแน่
อีกอย่างการรักษาส่วนใหญ่ของจิมมี่อยู่ที่โรงพยาบาลนี้ ที่นี่มีข้อมูลรูปภาพCTในทุกๆขั้นตอนของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเพิ่งทำการสแกนไปหนึ่งครั้งไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เอง
ดังนั้น ขอแค่รีบสแกนทั่วทั้งร่างกายของจิมมี่อีกครั้ง แล้วนำมาเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ในไม่กี่เดือนก่อนหน้า ก็จะสามารถรู้ได้แล้วว่าเซลล์มะเร็งในร่างกายของจิมมี่ มันเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบไหน!