ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3528 ผมกลับหัวเซี่ยแล้วล่ะครับ
สมิธในตอนนี้ไม่รู้เลยว่า แม้แต่โอกาสที่เว่ยเลี่ยงให้เขาคุกเข่าก็ไม่มีแล้ว
ขณะเดียวกันทางด้านเว่ยเลี่ยง ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างทางบินกลับไปที่เมืองจินหลิง
แม้ว่าเครื่องบินส่วนตัวลำนี้ของเย่เฉินจะไม่เร็วเท่าเครื่องบินคองคอร์ด แต่การตกแต่งข้างในก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเครื่องบินคองคอร์ดเลย ห้องพักผ่อนบนเครื่องยังหรูหรากว่าห้องพักในโรงแรมระดับห้าดาวเสียอีก ตลอดการเดินทางไม่รู้สึกถึงความลำบากเลยสักนิด
ทางด้านสมิธ พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็ติดต่อเส้นสายตำรวจ ให้ช่วยสืบหาที่พักของเว่ยเลี่ยง
เขารู้แค่ว่าอีกฝ่ายชื่อเว่ยเลี่ยง แต่ไม่รู้ว่าสะกดเป็นภาษาอังกฤษยังไง ดังนั้นจึงหาไม่เจอแถมยังเสียแรงไปเปล่าๆอีกด้วย
ต่อมาเพื่อนตำรวจจึงใช้มาตรการ ดึงสถิติข้อมูลของนักท่องเที่ยวเพศชายสัญชาติหัวเซี่ยที่ทำเรื่องเข้าพักในโรงแรมเมื่อวานออกมาทั้งหมด และให้สมิธนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์คอยดูทีละภาพ ใช้เวลาดูหนึ่งชั่วโมงติดๆ ในที่สุดก็แน่ใจแล้วว่าเว่ยเลี่ยงพักอยู่ที่โรงแรมไหนและเลขห้องอะไร
เพื่อนตำรวจช่วยโทรติดต่อโรงแรมให้ จากนั้นก็ตบบ่าสมิธ พูดยิ้มๆว่า “นายไม่ต้องกังวลนะ ฉันถามโรงแรมแล้ว เจ้าหนุ่มที่ชื่อเว่ยเลี่ยงนี่จองห้องพักไว้หนึ่งอาทิตย์ เพราะฉะนั้นแล้วเขาไม่ไปจากที่นี่ในเร็วๆนี้แน่”
สมิธถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รีบเอ่ยว่า “ขอบใจมากพีท ไว้วันหลังฉันจะพานายไปดื่มนะ!”
อีกฝ่ายพูดยิ้มๆกลับมาว่า “ไม่ต้องเกรงใจ ว่าแต่อยากให้ฉันไปด้วยหรือเปล่า?”
สมิธโบกมือ “ไม่ต้องๆ ฉันไปขอโทษเขานะ ถ้าพาตำรวจไปด้วย อีกฝ่ายจะคิดว่าฉันพาไปข่มขู่เขาล่ะสิไม่ว่า”
“โอเค” อีกฝ่ายพยักหน้า เอ่ยขึ้นมาว่า “งั้นฉันจะเปรยๆกับทางผู้จัดการโรงแรมไว้ให้แล้วกัน เผื่อโรงแรมไม่ให้นายเข้า”
“ได้!”
สมิธออกมาจากสถานีตำรวจ ขับรถมุ่งตรงไปยังโรงแรมที่เว่ยเลี่ยงเข้าพัก
เมื่อมาถึงโรงแรม เขาบอกชื่อนามสกุลตัวเองกับรปภ. ทางรปภ.ที่ได้รับแจ้งจากทางตำรวจล่วงหน้าก็รีบรูดบัตรขึ้นลิฟต์ให้เขา
เมื่อมาถึงหน้าห้องของเว่ยเลี่ยง สมิธก็อยู่ไม่สุข
เขากลัวว่าพอเว่ยเลี่ยงเห็นเขาแล้วจะปิดประตูใส่ หรือบางทีอาจมองผ่านตาแมว พอเห็นว่าเขายืนอยู่นอกประตู ก็อาจจะไม่เปิดประตูให้รู้แล้วรู้รอด
เขายืนลังเลอยู่หน้าประตูเป็นเวลานาน จากนั้นก็ปั้นหน้าแล้วกดออด
เสียงออดดังอยู่สามครั้ง ข้างในก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
สมิธจ้องจดจ้องแสงไฟผ่านตาแมว
คนข้างนอกมองเข้าไปในห้อง ต้องไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว แต่กระนั้นก็พอจะเห็นแสงไฟข้างในอยู่บ้าง
สมิธอยากแน่ใจว่าข้างในมีคนอยู่หรือไม่โดยอาศัยแสงวูบไหวจากการเคลื่อนไหวภายในห้อง
เพียงแต่ว่าเสียงออดดังอยู่นานสองนาน แสงไฟในตาแมวก็ไม่วูบไหวเลยสักที
สมิธเริ่มแปลกใจ คิดในใจว่า “หรือว่าเว่ยเลี่ยงหลับอยู่? แต่เสียงออดดังถี่ขนาดนี้ ต่อให้เป็นคนขี้เซาก็น่าจะตื่นแล้วนะ”
คิดมาถึงตรงนี้ สมิธก็ทำได้เพียงกดออดต่อไป พร้อมกันนั้นก็เคาะประตูไปด้วย ตะโกนออกไปเสียงดังว่า “คุณเว่ย ผมเอง สมิธ ไม่ทราบว่าคุณหลับอยู่หรือเปล่า?”
ภายในห้องก็ยังไม่มีการตอบกลับเหมือนเดิม
สมิธลูบคาง “แปลกจัง……นี่อย่าบอกนะว่าแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน? แบบนั้นมันเด็กเกินไปหรือเปล่า?”
สมิธทำอะไรไม่ได้ นอกจากเคาะประตูต่อไป