ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4044 ห้องรับรอง
กู้ชิวอี๋พูดว่า: “รองประธานหลวนคนนั้น เป็นเพื่อนเก่าของพ่อหนู เพราะว่าความสัมพันธ์ชั้นนี้ การทัวร์คอนเสิร์ตหลายแห่งในครั้งนี้ของหนู ก็ได้ร่วมมือกับหอการค้าจีนในนครนิวยอร์กชุดหนึ่ง หลายวันก่อนคุณอาหลวนบอกว่าคุณชายเฟ่ยจะทำงานเลี้ยงการกุศลกับพวกเขา หวังว่าหนูสามารถที่จะมาร่วมงานได้ หนูคิดว่าหัวข้อของงานเลี้ยงการกุศลค่อนข้างมีความน่าสนใจ ดังนั้นก็ตกลง”
เฉินจ้างโจงพยักหน้า แล้วถามว่า: “งานเลี้ยงการกุศลในคืนนี้ ก็คือมุ่งเป้าไปให้เด็กกำพร้าชาวจีนใช่มั้ย?”
“ใช่ค่ะ”กู้ชิวอี๋พยักหน้า สายตามองไปทางเย่เฉินโดยไม่รู้ตัว และพูดออกมาว่า: “ปีนั้นพี่เย่เฉินลำบากมากมายอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนนี้เขาก็นำเงินมากมายมาเพื่อทำการกุศลให้กับเด็กกำพร้า ดังนั้นหนูอยากจะทำเพื่อเด็กกำพร้าส่วนหนึ่ง”
เฉินตัวตัวที่อยู่ด้านข้าง ในเวลาเดียวกันแอบลอบมองเย่เฉิน อยากจะดูท่าทางของเย่เฉินในเวลานี้จะเปลี่ยนไปเนื่องจากคำถามของเฉินจ้างโจงหรือเปล่า
เย่เฉินซึ่งมีประสาททางความรู้สึกที่ค่อนข้างเฉื่อยชา ในเวลานี้ไม่มีท่าทีอะไร แต่ในใจของเฉินจ้างโจงกลับรู้สึกกังวลใจมากขึ้นไปอีก
เพราะเขารู้สึกว่า ด้วยแบบนี้ งานเลี้ยงการกุศลแห่งนี้ ก็เหมือนจะจัดขึ้นมาเพื่อกู้ชิวอี๋
ถ้าอย่างนั้นอีกฝ่ายทำแบบนี้ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
คุณชายเฟ่ยคนนั้นชอบกู้ชิวอี๋ อยากจะเอาอกเอาใจเธอ หรือว่าในใจของอีกฝ่ายมีความคิดอะไรไม่ดีกับกู้ชิวอี๋?
ถ้าหากไม่มีห้องปิดมิดชิดนี้ ห้องไม่มีทางหนี บางทีเฉินจ้างโจงจะรู้สึกว่า แปดสิบเปอร์เซ็นต์เฟ่ยฮ่าวหยางต้องการซื้อใจ และได้รับความสนใจจากกู้ชิวอี๋
แต่ว่า ถ้าหากห้องนี้รวมอยู่ในเงื่อนไขของการวิเคราะห์อีก เฉินจ้างโจงก็รู้สึกว่า ที่นี่มีความอาฆาตจางๆ ดังนั้นอย่างหลังจึงมีความเป็นไปได้มากกว่า
นี่ก็เหมือนกับว่า ผู้ชายคนหนึ่งออกเดตกับผู้หญิง ถ้าหากเขาพกถุงยางอนามัยไปด้วย ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากจะขืนใจเสมอไป บางทีเขาแค่อยากอยู่ในบรรยากาศที่ได้อารมณ์ และทำไปตามสถานการณ์
แต่ถ้าหากนอกเหนือจากถุงยางอนามัย เขายังพกกริชเล่มหนึ่งไปด้วย ถ้าอย่างนั้นความรู้สึกของเรื่องนี้ก็จะเปลี่ยนไปทั้งหมด
ชั่วขณะหนึ่ง เขาก็ไม่รู้ว่าจะบอกความคิดของตัวเองกับเย่เฉินและกู้ชิวอี๋ได้อย่างไร ยังไงซะกู้ชิวอี๋เป็นบุคคลสาธารณะ และหลายสิ่งหลายเกิดขึ้นกับบุคคลสาธารณะก็จะถูกขยายออกไปไม่มีสิ้นสุด
ถ้าหากกู้ชิวอี๋ไม่ใช่ดาราใหญ่ ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็จะแนะนำให้เธอระมัดระวังมากกว่านี้ ทางที่ดีควรออกจากที่นี่ก่อน
แต่ว่า ยังไงซะกู้ชิวอี๋ก็เป็นบุคคลสาธารณะ แล้วก็มาร่วมงานเลี้ยงการกุศล ถ้าเธอกลับไปโดยไม่ลา ถ้าเกิดเผยแพร่ออกไป จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงและเสียงวิจารณ์เป็นอย่างมาก
ถ้าเกิดตัวเองคิดมาก ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้จะปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อเลย
ในเวลานี้ เย่เฉินเห็นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนมีเรื่องหนักอกหนักใจ ก็ถามด้วยความสงสัยว่า: “ลุงโจง ลุงคิดอะไรอยู่ครับ?”
เฉินจ้างโจงกลับมารู้สึกตัว ส่ายหน้าพูดว่า: “อ้อ ไม่มีอะไรคุณชายเย่ แค่คิดว่าความเป็นส่วนตัวของห้องนี้ดีมากจริงๆ”
เย่เฉินรู้สึกว่าค่อนข้างไม่มีเหตุผล แต่ยังพยักหน้าอย่างสุภาพ
ในเวลานี้ เฉินจ้างโจงนั่งลงข้างกายของเย่เฉิน และถามเขาด้วยเสียงต่ำ: “คุณชายเย่ ลุงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก”
เย่เฉินถามเขาด้วยความประหลาดใจ: “ลุงโจง ลุงหมายความว่ายังไง?”
เฉินจ้างโจงมองไปรอบๆ และกระซิบคำสองคำ: “ที่นี่”
เย่เฉินค่อนข้างประหลาดใจ มองไปที่เฉินจ้างโจง และถามด้วยเสียงต่ำ: “ลุงโจง ลุงคิดว่าที่นี่มีปัญหาอะไร?”
ด้วยการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เย่เฉินได้เข้าสู่สภาวะของสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งนานแล้ว
ดังนั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังมากตลอดเวลา ด้วยกำลังของเขา รับประกันได้ว่าเมื่อประสบกับยามคับขัน โดยพื้นฐานสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย
แต่ว่า เฉินจ้างโจงกลับไม่เหมือนกัน
มาถึงสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาหลายปีขนาดนี้ เฉินจ้างโจงระมัดระวังอยู่เสมอ
ด้านหนึ่งเขาต้องกังวลว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะทราบสถานการณ์เข้าเมืองที่ผิดกฎหมายของตัวเอง อีกด้านหนึ่งยังกังวลด้วยว่าเศรษฐีแซ่หลิวบนเกาะฮ่องกงจะส่งคนไปตามหาตัวเอง
ดังนั้น เขาจึงคอยระมัดระวังทุกสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ และการรับรู้ของอันตราย ก็ย่อมมีไหวพริบมากกว่าเป็นธรรมดา