ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4104 กรรมตามสนอง
หลี่ญ่าหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ดูเหมือนว่านายจะมีความคับข้องใจอย่างสุดซึ้งต่อยาอายุวัฒนะนี้นะ… ”
อานโฉงชิวพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง “ความคับข้องใจของฉันมากเกินไปจริงๆ ฉันอานโฉงชิวโตมาขนาดนี้ ไม่เคยรู้สึกถูกกดขี่ขนาดนี้มาก่อน เจ้าของยาอายุวัฒนะนั่น จะต้องเป็นคนที่มีอุดมการณ์ของตัวเองอย่างแน่นอน! ฉันให้เงินเขาสามแสนเจ็ดหมื่นล้านดอลลาร์ แต่สำหรับเขาแล้ว เงินมากมายขนาดนั้นก็ยังเทียบกับหลักการของเขาไม่ได้…”
จากนั้น โฉงชิวก็ถามหลี่ญ่าหลิน ว่า “คุณรู้ไหมว่าคุณท่านเฟ่ย เฟ่ยเจี้ยนจง ถูกลูกชายของเขาแย่งชิงอำนาจไปได้ยังไง?”
“ฉันไม่แน่ใจ” หลี่ญ่าหลินเอ่ย “ตระกูลเฟ่ยเองก็ไม่ได้ปล่อยข่าวใด ๆ ออกมา พวกเขาบอกว่าคุณท่านเฟ่ยอายุมากแล้วและคณะกรรมการก็เห็นพ้องกันว่าเขาไม่เหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าตระกูล แต่ฉันรู้ว่าพวกเขาต้องอาศัยช่วงที่คุณท่านเฟ่ยไปยังหัวเซี่ยเข้ายึดตำแหน่งของเขา”
อานโฉงชิวแค่นเสียงหัวเราะ “อายุมากก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นเอง พวกไม่ได้เรื่องของตระกูลเฟ่ยพวกนั้น รวมกันแล้วยังเทียบไม่ได้กับคุณท่านเฟ่ยในวัยเก้าสิบกว่าด้วยซ้ำ เหตุผลที่แท้จริงก็คือคุณท่านเฟ่ยเองก็เข้าร่วมงานประมูลยาอายุวัฒนะเช่นกัน อีกทั้งเขายังเสนอราคาไปที่สองแสนล้านดอลลาร์ และหลังจากที่ฉันถูกขับไล่ออกมาเขาก็น่าจะประมูลยาอายุวัฒนะไปได้สำเร็จ แต่ว่าลูกชายของเขาเฟ่ยซานไห่ ได้ตัดหนทางของเขาไปแล้ว และก็เท่ากับได้ตัดเส้นทางชีวิตของเขาไปด้วย ด้วยสภาพร่างกายของคุณท่านเฟ่ย ฉันคิดว่าอย่างมากก็ได้อีกแค่หนึ่งปีเท่านั้น”
“เวร…” หลี่ญ่าหลินสบถออกมา “ไอ้นี่ก็ช่างชั่วเกินไปแล้ว! พูดตรงๆก็คือไม่อยากให้ชายชรามีชีวิตนานเกินไป แล้วก็ไม่ต้องการให้ชายชราใช้เงินมากเกินไป…”
“ใช่.” อานโฉงชิวพยักหน้าและเอ่ย “ดังนั้น หลานชายของเฟ่ยซานไห่ถูกลักพาตัวไปแถมยังขอค่าไถ่เป็นเงินสองแสนล้าน เรื่องนี้หลังจากที่ฉันได้ยินแล้วก็คิดว่ามันน่าสนใจมาก นี่มันไม่เท่ากับกรรมตามสนองหรือไง?”
ในเวลาเดียวกัน พ่อบ้านของตระกูลเฟ่ยและคนสนิทบางคน กำลังติดต่อกับตระกูลที่เป็นเจ้าของเครื่องบินโดยสารคองคอร์ดอย่างเร่งด่วน
หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้มา เฟ่ยซานไห่ก็แทบรอไม่ไหวที่จะซื้อเครื่องบินโดยสารคองคอร์ดเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นั่นเพราะ หากตระกูลเฟ่ยไม่มีเครื่องบินโดยสารคองคอร์ด การส่งคนจากนิวยอร์กไปญี่ปุ่นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 13 ชั่วโมง
แต่ถ้ามีเครื่องบินโดยสารคองคอร์ดก็จะไปถึงได้ในห้าชั่วโมงครึ่ง
หากเป็นในช่วงเวลาปกติ ช่องว่างเวลาแค่เจ็ดแปดชั่วโมงนั้นไม่มีค่าอะไร แต่หากเป็นในช่วงเวลาวิกฤติ เวลาแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างตัวแปรได้มากมายเกินไป
เป็นเพราะการขอซื้อเครื่องบินโดยสารคองคอร์ดสำหรับตระกูลเฟ่ยแล้วจัดเป็นเรื่องปกติและไม่ใช่ความลับอะไร ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่ได้หลบเลี่ยงผู้คน และพวกเขาก็แค่หาสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบส่วนตัวแล้วรีบเริ่มการติดต่อทางโทรศัพท์ทันที
ในเวลานี้ทุกคนก็ยังแอบแข่งขันกันเอง หากใครสามารถช่วยตระกูลเฟ่ยให้ได้เครื่องบินโดยสารคองคอร์ดมาได้ อย่างนั้นก็จะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
เมื่อสาวใช้คนนั้นกลับมาที่วิลล่าหลังแรกพร้อมกับนาฬิกา Richard Miller ที่เฉียวเฟยหยุนมอบให้ เธอก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่ามีคนหลายคนกำลังโทรศัพท์ไม่หยุด และดูราวกับกำลังเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
เมื่อนึกถึงคำสั่งของเฉียวเฟยหยุนและรีบหาผู้ช่วยชายคนหนึ่งที่สนใจเธอมาโดยตลอดและถึงขั้นอยากจะก้าวสู่ขั้นต่อไปกับเธออยู่หลายครั้ง แล้วถามเขาด้วยความสงสัย “ซ่งเผิง ทำไมนายยังไม่เลิกงานอีก?”
ชายที่ถูกเรียกว่าซ่งเผิงเป็นหนึ่งในคนสนิทของพ่อบ้านของตระกูลเฟ่ย เขาชื่นชมความงามของสาวใช้คนนี้มาตลอดและมีความคิดอยู่ในใจเสมอ อย่างไรก็ตาม สาวใช้เองก็รู้ว่าเขามีความคิดแบบนั้นกับตัวเองเท่านั้นไม่ได้คิดจะคบหาดูใจและแต่งงานกับเธอตามปกติ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยเปิดโอกาศให้เขาได้ก้าวไปอีกขั้นเลย
ซ่งเผิงเมื่อเห็นเธอเข้าก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เขาแค่ยิ้มและพูดว่า “ฉันยังมีเรื่องที่จัดการไม่เสร็จ แล้วทำไมเธอถึงยังไม่เลิกงาน?”
สาวใช้เอ่ย “ฉันเป็นห่วงสุขภาพของนายหญิง ก็เลยมาดูว่ามีอะไรให้ฉันช่วยไหม”