ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 150 เรื่องปวดหัวของลูกสาวมหาเศรษฐี (2)
บทที่ 150 เรื่องปวดหัวของลูกสาวมหาเศรษฐี (2)
เย่เฉินถามอย่างสงสัยอีก “ก้าวผ่านทางโลกไปแล้ว งั้นหรือ? หมายความอย่างไร?”
ซ่งหวั่นถิงตั้งใจพูด “จริงๆ แล้วคุณเย่ก็ไม่ได้หล่ออะไร แต่มีความสามารถมาก ความสามารถที่มีก็ไม่ได้โอ้อวด ปกติก็จะไม่เผยตัวตน แต่เมื่อคนที่มาจี้ถึงขีดความอดทนของคุณ คุณก็ตอบสนองกลับไปอย่างไม่ลังเล ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ไม่เหลือโอกาสให้ฝั่งตรงข้าม ได้สู้กลับ คุณสมบัตินี้ ไม่ใช่คนธรรมดาจะมีมันได้”
พูดไป ซ่งหวั่นถิงก็พูดต่ออีกว่า “ที่สำคัญก็คือ ฉันไม่เข้าใจ คุณมีความสามารถขนาดนี้ ทำไมไปอยู่ที่ตระกูลเซียว เพื่อเป็นลูกเขยเขา? ตระกูลเซียวเป็นเพียงตระกูลธรรมดาทั่วไป จะให้เทพเซียนอย่างคุณไปพำนักอยู่ได้อย่างไร?”
เย่เฉินไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่ถามกลับว่า “แล้วคุณคิดว่า ถ้าผมไม่อยู่ที่ตระกูลเซียว แล้วควรจะไปอยู่ที่ไหน? หรือจะคุณจะบอกว่า มีที่ไหนที่คู่ควรให้ผมไปอยู่ที่นั่น?”
ซ่งหวั่นถิงตั้งใจพูด “ฉันคิดว่า คุณควรจะไปแต่งงานกับตระกูลใหญ่ๆ คนเก่งอย่างคุณ มีตระกูลใหญ่ๆ มากมายอยากจะยกลูกสาวให้
คุณอยู่แล้ว”
เย่เฉินยิ้มพูด “แล้วมันจะมีความหมายอะไรการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เดิมก็ไม่มีปัจจัยความรักอยู่เลยสิครับหรือว่าสาวๆ ตระกูลใหญ่จะยอมแต่งงานกับชายที่ตนเองไม่ได้รักงั้นหรือ? หรือจะยอมให้ตระกูลควบคุมชีวิตตนเองทั้งชีวิตอย่างนั้นหรือ?”
ซ่งหวั่นถิงก็พูดไปตามเหตุผล “แน่นอนสิคะ ทุกตระกูลใหญ่ๆ จะเข้มงวดกับลูกสาวในตระกูลอย่างมาก เช่นจะต้องเข้าเรียน
ในโรงเรียนระดับสูง ไม่ใช่เพราะต้องการความรู้ แต่เพื่อที่จะเรียนรู้มารยาททางสังคมคนรวย อีกอย่างก็คือ ถ้ายังอายุไม่ถึง
หรือเวลาไม่ถึง ในตระกูลจะห้ามพวกเราไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ชายภายนอก ไม่ให้พวกเรามีความรักเองได้เลย”
“ห้ะ” เย่เฉินถามอย่างสงสัยว่า “อายุตั้ง21แล้วนะครับ ตระกูลใหญ่ของพวกคุณ ทำไมถึงยังได้หัวโบราณคร่ำครึ
กว่ายุคศักดินาของพวกเราเสียอีกครับเนี่ย?”
“นี่มันไม่ใช่ระบบศักดินา” ซ่งหวั่นถิงตั้งใจพูด “นี่คือกฎเกณฑ์การอยู่รอดของชนชั้นระดับสูง”
“กฎเกณฑ์การอยู่รอดงั้นหรือ?” เย่เฉินถามอย่างสงสัย “หมายความว่าอย่างไรครับ?”
ซ่งหวั่นถิงตั้งใจพูด “พวกเราจะต้องทำงานร่วมกับตระกูลอื่นๆ เชื่อมต่อกับตระกูลอื่น แลกเปลี่ยนช่วยเหลือกัน ดังนั้น ตระกูลซ่งของพวกเรามีกฎอยู่หนึ่งข้อที่สำคัญมาก ก็คือ สมาชิกที่เป็นสายเลือดโดยตรง เรื่องแต่งงานจะต้องฟังทางตระกูลเท่านั้น”
“ในยุคสมัยศักดินา หลักการแต่งงาน จะต้องแต่งการในระหว่างลูกพี่ลูกน้องเท่านั้น ก็เหมือนที่เมื่อก่อนลูกพี่ผู้ชายแต่งกับลูกน้องที่
เป็นผู้หญิง หรือลูกพี่ผู้หญิงแต่งกับลูกน้องผู้ชาย ก็เพื่อป้องกันทรัพย์สินเงินทองรั่วไหลไปภายนอก แต่ว่าตอนนี้ทางประเทศได้ห้ามไม่ให้แต่งงานกันภายใน3รุ่นตระกูล แต่เมื่ออยู่เมืองนอก ตอนนี้ก็ยังมีการแต่งงานใกล้ชิดกันแบบนี้อยู่”
“จากนั้น คำสั่งสอนของตระกูลเราก็เริ่มเปิดโอกาสมากขึ้น ไม่บังคับให้แต่งกับลูกพี่ลูกน้องกันเอง แต่จะต้องแต่งกับตระกูลใหญ่ๆ
กำลังของฝั่งตรงข้ามสามารถสูงกว่าฝั่งตนเองได้ ไม่อาจจะด้อยไปกว่าฝั่งตนเอง”
พูดถึงจุดนี้ ซ่งหวั่นถิงก็ถอนหายใจ แล้วพูดต่ออีก “ทางตระกูลคิดว่าบางตระกูลจะมีผลประโยชน์ที่ร่วมมือกัน ก็จะหาวิธีให้ผู้ชายของตระกูลไปแต่งกับผู้หญิงอีกตระกูล หรือให้ผู้หญิงในตระกูลไปแต่งกับชายตระกูลอื่น สรุปเลยก็คือ สมาชิกทุกคนในตระกูล
จะต้องทำเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลเป็นอันดับแรก ไม่อาจจะขัดขวางแผนการของตระกูลได้ โดยเฉพาะเรื่องใหญ่อย่างงานแต่งงาน”
เย่เฉินถอนหายใจอีกครั้ง “ดูเหมือนว่า ตระกูลใหญ่ๆ ก็จะมีเรื่องน่าปวดของตัวเองอยู่เหมือนกันนะ ยิ่งมีเงินยิ่งโลภ”
ตอนที่พูด เย่เฉินก็ถอนหายใจในใจ คิดดูว่าถ้าตนเองกลับตระกูลเย่ไป ตระกูลเย่ก็คงจะควบคุมตนเองดั่งเคย หรืออาจจะดูถูกตระกูลเซียว แล้วบังคับให้ตนเองหย่ากับเซียวชูหรัน แล้วหาลูกสาวสูงศักดิ์มาแต่งกับตนเอง ดูเหมือนว่า จะกลับตระกูลเย่ไม่ได้แล้ว
ในใจคิดเช่นนั้น เย่เฉินก็เอ่ยปากถามว่า “เอ่อ ผมเห็นคุณก็ถึงอายุที่พร้อมจะแต่งงานแล้วนี่ครับ ไม่ทราบว่าทางตระกูลคุณ
ได้ตระเตรียมเรื่องงานแต่งบ้างหรือยัง?”
ซ่งหวั่นถิงส่ายหน้า บอกว่า “เดิมทีมีกำหนดไว้ กำหนดให้ลูกพี่ผู้ชายของฉันซ่งหรงวี่ เดิมทีคู่หมั้นของเขาเป็นลูกสาวตระกูลใหญ่
ทางฝั่งเหนือที่คุณปู่ฉันจัดการ แต่ว่าตอนนี้คุณปู่เพิ่งจะหายป่วย ฉันคิดว่าไม่นานนี้ก็จะจัดเตรียมเรื่องงานแต่งของฉันแล้วละ……”