ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1885
ได้ยินน้องสาวพูดแบบนี้ ซูจือเฟยก็ไม่ลังเลที่จะตบอกตอบตกลงทันที “แกวางใจได้ กลับไปแล้วฉันต้องช่วยแกอย่างเต็มที่แน่”
ซูจือหยูพยักหน้าอย่างพอใจ กำลังจะพูดคุยกันต่อ ตรงประตูทางเข้าของห้องโถง ก็มีสองชายสองหญิงเดินเข้ามา
ที่เดินเข้ามา มีสมาชิกในบ้านกู้เย้นจงสามคน กับ น้องรองของตระกูลกู้กู้เย้นเจิ้ง
พอเห็นกู้ชิวอี๋เดินเข้ามา ซูจือเฟยก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ฝ่ามือเริ่มมีเหงื่อผุดออกมา
ซูจือหยูที่อยู่ข้างๆเห็นเข้า ก็รีบใช้นิ้วมือสะกิดเขาไปเบาๆหนึ่งที ส่งสายตาแจ้งเตือนให้เขา จากนั้นก็รีบลุกขึ้นยืน ยิ้มและพูดกับผู้ที่กำลังเดินเข้ามาว่า “ลุงกู้ น้าหลิน ยังมีพี่ชิวอี๋ สวัสดีทุกคน ขอโทษด้วย ที่มารบกวน ขออวยพรล่วงหน้าให้ทุกคนมีความสุขในวันขึ้นปีใหม่ ”
ระหว่างพูด ก็รีบเอากล่องของขวัญใบยาวออกมาหนึ่งกล่อง ยื่นส่งให้กับหลินหว่านชิว พูดว่า “น้าหลิน นี่เป็นของขวัญปีใหม่ที่นำมามอบให้คุณน้ากับคุณลุงกู้ ”
หลินหว่านชิวเห็นซูจือหยูที่ชิงพูดขึ้นก่อน ก็ต่อบทสนทนาด้วยตนเอง พูดยิ้มๆว่า “โธ่เอ๋ย เป็นจือหยูเองเหรอ ไม่เจอหนูตั้งหลายปี ยิ่งอยู่ก็ยิ่งสวยขึ้นแล้ว”
ซูจือหยูยิ้มอย่างดีใจ พูดว่า “น้าหลินชมกันเกินไปแล้ว ถ้าจะพูดถึงเรื่องสวย พี่ชิวอี๋สวยกว่าหนูเยอะมาก”
หลินหว่านชิวพูดว่า “ดูสิเด็กคนนี้เกรงใจกันเกินไปแล้ว มานั่งเล่นที่บ้านทำไมต้องเอาของขวัญอะไรมาด้วย…”
ซูจือหยูพูดว่า “สมควรอยู่แล้วน้าหลิน ไม่ใช่ของขวัญล้ำค่าอะไรมาก เป็นภาพวาดภาพหนึ่งของจางต้าเชียนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ”
หลินหว่านชิวพูดอย่างจริงจังว่า “จือหยู นี่มันมีค่ามากเกินไป น้ารับไว้ไม่ได้”
ซูจือหยูรีบพูดขึ้นว่า “น้าหลิน น้าอย่าเกรงใจเป็นอันขาด พูดตามจริง ภาพวาดภาพหนึ่งก็ไม่แพงเท่าไหร่ ถือเป็นน้ำใจก็แล้วกัน”
พูดแล้ว เธอก็รีบเบี่ยงหัวข้อสนทนา แนะนำซูจือเฟยที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ“ใช่แล้ว น้าหลิน ลุงกู้ นี่คือพี่ชายหนูเอง ซูจือเฟย พี่ชิวอี๋น่าจะรู้จักกับพี่ชายฉันนะ”
กู้ชิวอี๋พยักหน้า พูดเรียบๆว่า “รู้จัก ฉันเคยเจอกับคุณซูหลายครั้ง ”
กู้เย้นจงเห็นซูจือเฟยที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับซูโสว่เต้าอยู่มาก ในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เขามองซูจือเฟยกับซูจือหยู สีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มพูดว่า “พูดจากใจจริงนะ สิบกว่าปีมานี้ ตระกูลกู้ไม่เคยมาเยี่ยมเยียนคนตระกูลซูเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าพวกเธอสองพี่น้อง ทำไมถึงลดตัวมาที่บ้านของฉันได้”
ซูจือหยูรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “คืออย่างนี้นะคะลุงกู้ พี่ชายฉันมีบริษัทเครื่องสำอางเจ้าหนึ่ง ปีนี้อยากจะสร้างชื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น พอดีชั้นเป็นแฟนคลับของพี่ชิวอี๋ รู้ว่าพี่ชิวอี๋จะทัวร์คอนเสิร์ตแล้ว ฉะนั้นก็เลยคิดอยากจะถือโอกาสร่วมมือในการทำงานกันทั้งสองฝ่าย ให้พี่ชายของฉันเป็นสปอนเซอร์ในคอนเสิร์ตของพี่ชิ่วอี๋…”
กู้เย้นจงรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ตอนแรกเขาคิดว่า ที่ซูจือหยูกับซูจือเฟยมานั้น น่าจะเป็นการมาโดยเป็นตัวแทนตระกูลซู มาคุยเรื่องการให้ความร่วมมือทางธุรกิจบางอย่างระหว่างตระกูลเสียอีก
แต่ว่า ที่เขาคิดไม่ถึงคือ การที่สองพี่น้องมา กลับเป็นแค่การมาคุยกันเรื่องการร่วมงานเล็กๆในคอนเสิร์ตของลูกสาวเขา
แต่ว่า เขาก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจออก ในเมื่อมาหาลูกสาวเพื่อคุยเรื่องงาน ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว
เพราะฉะนั้นเขาจึงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “เรื่องนี้พวกเธอก็คุยกับชิวอี๋โดยตรงเถอะ ปกติแล้วเรื่องของชิวอี๋ ฉันกับน้าหลินของเธอไม่ก้าวก่าย”
ซูจือหยูพยักหน้า จากนั้นก็มองไปทางกู้ชิวอี๋ ถามเธอว่า “พี่ชิวอี๋ พี่คิดว่าเป็นยังไงบ้าง”
ที่จริงกู้ชิวอี๋ก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรมากนัก ที่เธอเข้าสู่วงการบันเทิงเดิมทีก็ไม่ได้เพื่อต้องการจะหารายได้ ฉะนั้นเธอจึงมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกับดารานักแสดงหญิงที่เห็นแก่เงินพวกนั้น
ในบรรดานักแสดงหญิง ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร ที่จริงสิ่งที่พวกหล่อนมองคงจะมีแค่เรื่องเงิน
เข้าร่วมรายการวาไรตี้โชว์อะไรก็ตาม กิจกรรมโฆษณา ต้องดูว่าได้เงินเท่าไหร่ โชว์ร้องเพลงอะไร ร่วมแสดงในหนังเรื่องอะไร ก็ต้องดูว่าได้เงินเท่าไหร่