ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 1950
บทที่ 1950
ท่าทีของฮาชิโมโตะ ชินคิจิ ค่อนข้างต่างไปจากเมื่อวาน
เขาไม่ได้เสนอเงื่อนไขใดๆและไม่ได้ปฏิเสธอย่างเฉียบขาดเหมือนอย่างเมื่อวาน แต่กลับเริ่มเล่นแง่ก้บซ่งหวั่นถึง
เขาพูดเรื่องทุกอย่างออกมาอย่างกำกวม ไม่ได้ตอบตกลงและก็ไม่ได้ปฏิเสธ ท่าทีซึงขังแบบนี้ ทำให้ช่งหวั่นถึงรู้สึกจนปัญญา
ทั้งสองฝ่ายคุยกันมาตั้งแต่เช้า ซ่งหวั่นถิงอุตส่าห์ยอมปรับส์ดส่วนผลกำไรห้าปีแรกให้บริษัทนิปปอนสตีมากถึง65% แต่ฮาชิโมโตะ ชินคิ
จิก็ยังไม่ตอบตกลง
ซ่งหวั่นถึงทำอะไรไม่ได้จริงๆ ทำได้เพียงงัดไพใบสุดท้ายออกมา “คุณฮาชิโมโตะ ดูเหมือนเรื่องหุ้นเราทั้งสองฝ่ายจะไม่มีใครยอมถอย
ให้กันทั้งคู่ ถ้ามันไม่ได้จริงๆล่ะก็ เอาอย่างนี้ดีไหม เราทั้งสองฝ่ายถือกันคนละ50% ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็จะยืนยันได้ว่าเราทั้งคู่มีสิทธิ์ถือหุ้นเ
กัน เมื่อร่วมงานกันพวกเราก็จะมีอำนาจตัดสินใจเท่าเทียมกันถ้าหากเราทั้งสองฝ่ายไปกันไม่ได้ เราจะได้เฉลี่ยแบ่งเงินทุนส่วนที่เหลือ
แบบ50:50!”
ฮาชิโมโตะ ชินคิจิขมวดคิ้วเล็กน้อย ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “คุณซ่ง ถ้าทั้งสองฝ่ายถือกันคนละ50% นั่นก็เท่ากับว่าจะไม่มีใครมี
อำนาจตัดสินใจ ถ้าหากในอนาคตเกิดความขัดแย้งและความเห็นต่างต้องแก้ไขอย่างไรล่ะครับ? ถ้าหากไม่มีใครสามารถตัดสินบทสรุปสุดท้าย
ได้ แบบนั้นก็จะไม่วนกลับไปที่คุณไม่ยอม ผมก็ไม่ยอม แล้วก็วนลูปกลับไปที่ทำอะไรกับอีกฝ่ายไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”
ซ่งหวั่นถิงเอ่ยพูดด้วยใบหน้าจริงจังว่า “คุณฮาชิโมโตะ ถ้าหากเราทั้งสองฝ่ายต่างก็อยากให้การร่วมงานเป็นไปด้วยดี ต่อให้เกิดข้อขัด
แย้ง ฉันก็เชื่อว่าทุกฝ่ายสามารถแก้ไขมันได้อย่างใจเย็น ไม่ใช่ปีดประตูพุงชนใส่กันอย่างเดียว ในเมื่อทุกฝ่ายร่วมงานกันแล้ว ก็ต้องทำทุก
อย่างให้มันดีๆ ถ้าหากข้อนี้ยังทำไม่ได้ แบบนั้นก็คงร่วมงานกันยากแล้วล่ะ”
ซ่งหวั่นเอ่ยพูดขึ้นมาอีกว่า “ดังนั้นถ้าหากคุณมีความประสงค์อยากร่วมงานกับซ่งซื่อกรุ๊ปจริงๆ สิทธิ์ถือหุ้นครึ่งต่อครึ่งก็จะไม่เป็นปัญหา
อะไร แต่ถ้าคุณไม่ได้อยากร่วมงานกันจริงๆล่ะก็ ต่อให้คุณถือครองหุ้นทั้งหมด การร่วมงานก็อาจจะไม่ก้าวหน้าก็ได้นะ”
ฮาชิโมโตะ ชินคิจิเอ่ยพูดอย่างอึดอัดว่า “คุณซ่ง คนโบราณประเทศคุณกล่าวเอาไว้ว่า คนเราต้องหัดเป็นคนถ่อยก่อนค่อยเป็นคนดี ใน
เมื่อต้องร่วมงานกัน ก็ต้องไตร่ตรองถึงผลเสียก่อนเป็นอันดับแรก คุณไม่คิดอย่างนั้นหรือ?”
ซ่งหวั่นถิงเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “คุณฮาชิโมโตะ สิทธิ์ถือหุ้นครึ่งต่อครึ่งและผลกำไรที่เพิ่มให้คุณอิก5% คือขีดจำกัดของซ่งซื่อกรุ๊ปแล้ว ถ้า
คุณคิดว่าเราสามารถร่วมงานกันได้ งั้นเราก็เจรจากันต่อ ถ้าคุณคิดว่าร่วมงานกันไม่ได้ แบบนั้นทางเราก็คงต้องกล่าวขออภัยด้วย เพราะฉะนั้น
แล้วจะเจรจาต่อหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะ”
ฮาชิโมโตะ ชินคิจิไม่ได้แสดงท่ทีรีบร้อนออกมา แต่กลับมองเวลา พร้อมยกยิ้มแปลกๆออกมาบนใบหน้า พูดว่า “คุณซ่ง นี่เราก็คุยกันมา
นานมากแล้ว เอาอย่างนี้ป็นไง เงื่อนไขของคุณ ผมจะนำไปเสนอกับประธานผู้บริหารบริษัทของผมอีกทีหนึ่ง คำตอบเร็วสุดคือคืนนี้ ช้าสุดคือ
พรุ่งนี้ ไม่ว่าอย่างไรผมก็จะให้คำตอบที่ชัดเจนกับคุณแน่ๆ คุณคิดว่าไง?”
ซ่งหวั่นถิงลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็เอ่ยพูดว่า “งั้นก็ได้ค่ะคุณฮาชิโมโตะ ฉันจะรอคำตอบจากคุณ”
พูดจบ เธอก็ลุกขึ้น ยื่นมือออกไปหาฮาชิมโตะ ชินคิจิ กล่าวลาอย่างมีมารยาทว่า “คุรฮาชิโมโตะ งั้นวันนี้ฉันขอต้วกลับก่อนแล้วกัน ถ้า
มีความคืบหน้าอะไร รบกวนติดต่อฉันมาเป็นอันดับแรก”
ฮาชิโมโตะ ชินคิจิพยักหน้า พูดยิ้มๆว่า “ได้ครับ คุณซ่งโปรดใจเย็นรอคำตอบจากผม”
ซ่งหวั่นถิงพร้อมเหล่าผู้ช่วย ลุกขึ้นเดินออกไปจากตึกสำนักงานของบริษัทนิปปอนสตี
ในตอนที่เดินมาออกมาจากตัวตึก สีหน้าของซ่งหวั่นถึงก็เต็มไปด้วยความซับซ้อน
วันนี้ เธองัดไใบสุดท้ายออกมาแล้ว ไม่เหลืออะไรไว้ต่อรองแล้ว ถ้หากผู้บริหรระดับสูงของบริษัทนิปปอนสตีไม่ตอบตกลง แบบนั้น
ารมาญี่ปุ่นในครั้งนี้ ก็จะไม่ได้อะไรตอบแทนกลับไป
บนตึกบริษัทนิปปอนสตี
ฮาชิโมโตะ ชินคิจิมองไปยังบริเวณที่รถของซ่หวั่นถึงเพิ่งแล่นออกไป มุมปกยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหดเหี้ยม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
โทรออก
เมื่อปลายสายกดรับ เขาก็พูดยิ้มๆว่า “คุณซ่ง น้องสาวคุณคงใกล้จะบ้าเพราะผมแล้วล่ะ ผมว่าจ้งหวะกำลังได้ที่ คืนนี้น่าจะลงมือได้ พอ
านพันคืนนี้ไป น้องสาวของคุณก็จะหายไปจากโลกใบนี้!
เสียงของซ่งหรงวี่ดังขึ้นมาจากปลายสายว่า “ฮ่าๆ คุณฮาชิโมโตะ งั้นทุกอย่างก็คงขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะ!”