ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2035
บทที่ 2035
ทั้งสองคนมาถึงดาดฟ้ เเฉินก็งยหน้าไปทางลมทะเลที่หนาวเย็น ในใจอดไม่ได้ที่ทอดถอนหายใจ
แม้ว่าตอนนี้ตัวเองจะช่วยชีวิตของซ่งหวั่นถิงได้อย่างปลอดภัยแล้ว และเริ่มพาเธอ ออกเดินทางกลับไปประเทศแล้ว
แต่ทว่า เรื่องนี้ยังห่างไกลไม่ถือว่าจบ
ต่อไป ถึงจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด
ซ่งเทียนหมิงและซ่งหรงวี่สองพ่อลูกชั่วร้ายคู่นี้ ยั่งไม่ได้จัดการ!
ตอนนี้ คุณท่านซ่งแกล้งเป็นโรคอัลไซมอร์ป้องกันตัว ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ของเขา เป็นไปไม่ได้ที่คนคนหนึ่งจะเอาชนะซ่งหรงวี่สอง
พ่อลูกได้
เกิดสองพ่อลูกพบว่าเขากำลังเสแสร้ง เกรงว่าก็จะฆ่าอย่างโหดร้ายในทันที
ดังนั้น ต่อไป สิ่งที่ตัวเองจะทำ คือเปิดเผยธาตุแท้ของซ่งเทียนหมิงและซ่งหรงวี่สองพ่อลูกต่อหน้าต่อหน้าสาธารณชน ช่วยเหลือคุณท่าน
ซ่ง ในเวลานี้ก็ทำให้ช่งหวั่นถึงควบคุมซ่งซื่อกรัปทั้งหมด
แต่ทว่า หลังจากนี้ ยังจะเผชิญกับการจัดการกับปัญหาของซ่งเทียนหมิงกับซ่งหรงวี่
ในความคิดของเย่เฉิน สองพ่อลูกนี้ไม่เพียงแต่ก่ออาชญากรรมการฆาตกรรมโดยเจตนา ยิ่งไปกว่านั้นก็ลงมือกับญาติที่สนิทที่สุดด้วย
ไม่เพียงเนรคุณ ยิ่งไปกว่านั้นยังชั่วร้าย ต่อให้จะใช้กฎหมาย ก็สมควรถูกตัดสินโทษประหาร
ดั่งนั้น คนแบบนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
แต่ทว่า ทั้งสองคนนี้เป็นญาติสนิทของซ่งหวั่นถิง จะจัดการยังไงกันแน่ ย้งต้องดูซ่งหวั่นถึง และแม้กระทั่งความหมายของคุณท่านซ่ง
ในเวลานี้ซ่งหวั่นถิงก็ยืนอยู่ดาดฟ้า รับลมทะเล มองดูโตเกียวที่ยิ่งอยู่ยิ่งไกล และพูดทอดถอนหายใจว่า: “อาจารย์เย่ หากไม่ใช่คุณ หวั่น
ถิงก็อาจจะตายอยู่ในโตเกียวแล้ว….
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “อย่าพูดหมดอาลัยขนาดนี้ คุณป็นคนดีจะได้รับการช่วยเหลือจากสวรรค์เบื้องบน ต่อให้ไม่มีผม คุณไม่ควร
ตาย คุณก็จะไม่ตาย”
ซ่งหวั่นถิงยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจ และถามเขาว่า: “อาจารย์เย่ ถ้าหากหวั่นถิงตายจริงๆ คุณจะเสียใจมั้ย?”
เย่เฉินพูดอย่างจริงจัง: “เสียใจอยู่แล้ว อย่าลืมนะ คุณเป็นเพื่อนของผม”
สีหน้าท่าทางของซ่งหวั่นถึงค่อนข้างมีความสุขแล้วก็ค่อนข้างผิดหวัง
เธอแอบพูดในใจว่า: “หรือว่าตลอดชีวิตนี้ของฉัน ความสัมพันธ์กับอาจารย์เทำได้เพียงหยุดอยู่เพียงคำว่า’เพื่อน’คำนี้เท่านั้นเหรอ?”
อดีตทั้งหมดที่ผ่านมายังคงปรากฏอยู่ในหัวใจของเธออย่างไม่หยุดหย่อน เธอก็ปลอบโยนตัวเองจากกันบึ้งหัวใจของตัวเอง: “อาจารย์เย่
ปฏิบัติต่อฉันเป็นอย่างดีมาก ฉันน่าจะพอใจถึงจะถูก…”.
ในเวลานี้ เย่เฉินมองไปทางซ่งหวั่นถิง และเอ่ยปากถามว่า: “หวั่นถิง คุณเคยคิดบ้างมั้ยว่า หลังจากเรื่องนี้ จะจัดการลุงใหญ่และพี่ชาย
ของคุณยังไง?”
ซ่งหวั่นถิงตกตะลึงเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่นาน ส่ายหน้าด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและพูดว่า: “อาจารย์เย่ ปัญหานี้ ฉันยังไม่เคย
คิดมาก่อน…”
เย่เฉินพยักหน้า และถอนหายใจเบาๆพูดว่า: “ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิด ตอนนี้ควรคิดได้แล้ว….
ซ่งหวั่นถิงถามเขาว่า: “อาจารย์เย่ คุณมีคำแนะนำอะไรที่ดีมั้ย?”
เย่เฉินเอ่ยปากพูดว่า: “คำแนะนำของผมง่ายดายมาก แค่สี่คำ ตัดหญ้าถอนโคน”
สีหน้าท่าทางของซ่งหวั่นถึงประกายด้วยความดิ้นรนเล็กน้อย ก็จับราวบันไดด้วยมือทั้งสองข้าง และพูดอย่างสับสนว่า: “ฉันเข้าใจความ
หมายของคุณ แต่ว่า…แต่ว่าพวกเขาก็เป็นคนของตระกูลชู ยิ่งไปกว่านั้นเป็นญาติสนิทของฉัน ฉัน…ฉันทำไม่ลงคอ…
เย่เฉินพูดเบาๆว่า: “เรื่องนี้คุณไม่จำเป็นต้องทำ คุณเพียงแค่ตัดสินใจก็พอแล้ว”
ซ่งหวั่นถึงถอนหายใจพูดว่า: “ฉันรู้ความหมายของคุณ แต่การตัดสินใจนี้ก็ยากมาก ฉันไม่เพียงแต่จะต้องไตร่ตรองถึงความรู้สึกของตัว
ฉันเอง ยังต้องไตร่ตรองความรู้สึกของคุณปู รวมทั้งความรู้สึกของทุกคนในตระกูลซ่ง อย่างที่เรียกกันว่าในหมูสัตว์เดรัจฉานย่อมเห็นใจซึ่งกัน
และกัน นับประสาอะไรกับทุกคนที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน….
เย่เฉินย้อนถามว่า: “แต่ตอนที่พวกเขาลงมือฆ่าคุณ ก็ไม่ได้คิดว่าคุณเป็นคนในครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ?”
ซ่งหวั่นถิงพยักหน้า: “พวกเขาทำเรื่องได้เด็ดขาดจริงๆ แต่ฉันไม่ใช่พวกเขา….
จากนั้น ซ่งหวั่นถึงก็พูดว่า : “อาจารย์เ อันที่จริงแล้วคุณ…ที่จริงแล้วคุณไม่รู้อะไรเลย ตระกูลซุถึงในรุ่นของฉัน ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นลูกเต็ม
บ้านหลานเต็มเมืองแล้ว เมื่อก่อนหน้านี้คุณปู่ก็ทอดถอนหายใจเรื่องไม่น้อย หากลุงใหญ่และพี่ชายเสียชีวิต ก็คงจะกระทบครั้งใหญ่ต่อเขาอย่าง
แน่นอน…”