ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2044
บทที่ 2044
ซูรั่วหลีกลัวว่าเขาจะสังเกตห็นอะไรบางอย่าง จึงหลบสายตาเขา ไม่กล้าตอบกลับ
เธอกลัวเย่เฉินจะรู้ว่าตัวเองเป็นลูกนอกสมรสของซูโส่วเต้า
ถ้าเป็นแบบนั้น เขาคงไม่ทำแค่ใช้เธอเป็นเครื่องมือข่มขู่อและตระกูลซูอย่างเดียว แต่อาจจะถึงขั้นเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอให้
สาธารณชนรู้
แม้ว่าเธอจะหวั่งว่าผู้เป็นพ่อจะยอมรับในต้ตของเธอ แต่เธอเองก็รู้ ว่าถึงยังไงพ่อก็เป็นถึงผู้นำตระกูลซู แกมยังมีเมียหลวงและลูกตั้ง
สองคน ถ้าหากตัวตนของเธอถูกเปิดผยออกไป คงมีผลในทางลบต่อชื่อเสียงของผู้เป็นพ่อและความสุขของครอบครั่วแน่
ทั้งชีวิตนี้ซูรั่วหลีแค่อยากแบ่งเบาการะมาจากพอ ไม่เคยคิดที่จะเพิ่มภาระให้พอเลยสักครั้ง ดังนั้นสึกในใจของเธอตอนนี้จึงเต็มไปด้วย
ความหวาดหวั่น กลัวว่าเย่เฉินจะจับสังเกตได้
เมื่อเย่เฉินเห็นว่าซูรั่หลีหลบสายตา เขาจึงหยุดพูดไป ในใจก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ พร่ำบ่นคนเดียวว่า “ตอนนี้เธอคือนักโทษคดี
หนักหมายเลขหนึ่งในญี่ปุ่น ถ้าในกรณีนี้ยังช่วยเธอออกมาได้ แปลว่าตระกูลซูก็ต้องจ่ายอย่างต่ำพันกว่าล้าน หรืออาจจะเป็นจำนวนเงินที่มากก
ว่านั้น ถึงจะสามารถ…..”
พูดมาถึงตรงนี้ เย่เฉินก็จ้องซูรั่วหลีเขม็ง แล้วเอ่ยเสียงเย็นว่า “วิธีจัดการของคนตระกูลชู ฉันก็พอได้ยินมาบ้าง แต่ว่าตอนนี้ซูเฉิงเฟิงไม่
ได้เป็นคนใจกว้างขนาดนั้น เขาไม่มีทางยอมเสียเงินมากมายขนาดนี้เพื่อช่วยคนคนเดียวแน่นอน ถึงแม้เธอจะมีความสามารถมากแค่ไหนก็ตาม
แต่ก็ไม่คุ้มค่ากับเงินมากมายขนาดนี้หรอก”
พูดมาถึงตรงนี้ เย่เฉิก็จงใจลากเสียงยาวแล้วแสยะยิ้ม “นอกเสียจากว่า….เธอไม่ได้เป็นแค่ลูกน้องของตระกูลซู!”
แม้ว่าความสามารถของซูรั่วหลีจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่ในเรื่องประสบการณ์ในสังคมและจิตวิทยาเธอไม่ผ่านจริงๆ ทันทีที่ได้ยินค่
พูดนี้ เธอก็แสดงออกมาอย่างลนลาน เอ่ยพูดออกมาอย่างเผยพิรุธว่า”ไม่ใช่….ไม่ใช่อย่างที่นายคิด! ฉันเป็นลูกน้องของตระกูลซูจริงๆ…
เย่เฉินแสยะยิ้มเย็น “ดูเหมือนว่าเธอจะขาดประสบการณ์เข้าสังคมจริงๆ แววตาของเธอตอนนี้กำลังส่งสัญญาณให้ฉันอย่างซัดเจนเลย
ล่ะ! “
ซูรั่วหลีเอ่ยถามอย่างลนลาน “ห๊ะ?! สัญญาณอะไร?! “
เย่เฉินยิ้ม “สัญญาณที่บอกว่าฉันเดาถูกยังไงล่ะ”
พูดจบ เย่เฉินก็เอ่ยถามเสียงเย็นว่า “ตกลงเธอเป็นใครในตระกูลชูกันแน่? ฉันเคยสืบมาได้ว่า เธอชื่อซูรั่วหลี เป็นลูกน้องของตระกูลซู
และยั่งเป็นบอดี้การ์ดของซูโส่วเต้า แม้ว่าจะนามสกุลซูเหมือนกัน แต่ไม่ได้มีความส้มพันธ์อะไรกับตระกูลซู…..
ซูรั่วหลีรีบพยักหน้ารัวๆ “ใช่…ฉันเป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่งของตระกูลซูจริงๆ…
เย่เฉินโบกมือ “ไม่ใช่ ฉันเคยบอกแล้วไง ว่าตระกูลซูไม่มีทางลงทุนมากมายเพื่อลูกน้องแค่คนเดียวหรอก ดังนั้น ตำแหน่งลูกน้องของ
เธอ จึงไม่ใช่จุดสำคัญที่ทำให้ตระกูลซูยอมช่วยเธอออกมา…..
พูดมาถึงตรงนี้ เย่เฉินก็จ้องมองแววตาหวาดกลัวของซูรั่วหลี แล้วเอ่ยพูดนิ่งๆว่า “พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอต้องมีอีกสถานะหนึ่งที่สำคัญ
ในตระกูลซูอย่างแน่นอน!”
ซูรั่วหลีส่ายหน้าอย่างตื่นตกใจ เอ่ยพูดด้วยเสียงติดขอร้องว่า “ฉันไม่ใช่ ฉันไม่มีสถานะอื่นอะไรทั้งนั้น นายอยากฆ่าฉันก็ฆ่าซะ หยุด
ทำให้ฉันรู้สึกละอายใจได้แล้วโอเคไหม…
ท่าทางประหม่าของเธอตกอยู่ในสายตาของเย่เฉิน เขาแสยะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ตระกูลซูให้ความสำคัญกับเธอ และเธอก็ปกป้อง
ตระกูลซูด้วยความซื่อสัตย์ แค่นี้ก็ชัดมากพอแล้วว่ามันมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกน้องหรือว่า….เธอกับตระกูลซู จะมีสายเลือด
เดียวกัน? เพราะเธอก็นามสกุลซูนี่!”
ซูรั่วหลีส่ายหน้าอย่างสุดชีวิต “ถึงฉันจะนามสกุลซู่ แต่มันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่นั้น…ฉันอายุสิบแปดถึงมาทำงานที่ตระกูลซู งานหลั่กๆก็
เป็นบอดี้การ์ดให้ซูโส่วเต้า บางครั้งก็นำลูกน้องในเครื่อของตระกูลซู ปฏิบัติภารกิจที่มันค่อนข้างลับ อย่างเช่นลอบฆ่าตระกูลมัตสีโมโตะยกครัว
ฉันนี่แหละรับหน้าที่เป็นคนนำ! ที่ฉันพูดกับนายมันคือเรื่องจริงทั้งหมด ฉันไม่ได้มีสถานะอื่น….”
เย่เฉินห้วเราะออกมาแล้วพูดว่า “เอาล่ะสาวน้อย ยิ่งเธออธิบาย ก็ยิ่งเหมือนอยากปิดบังถ้าเธอเป็นแค่ลูกน้องของตระกูลซูจริงๆ ทำไม
ถึงยอมตายเพื่อผู้นำตระกูลโดยไม่สนชีวิต ทำไมต้องอธิบายอะไรออกมามากมาย แค่นี้มันก็ชัดแล้วว่ากำลังหาข้อแก้ต่างให้ตระกูลซูอยู่!”
พูดจบ เย่เฉินก็เอ่ยยั่วยขึ้นมาว่า “ถ้าให้ฉันเดา เธอคงไม่ใช่ลูกนอกสมรสของใครในตระกูลซูหรอกใช่ไหม? พวกเขาถึงได้ลงทุนช่วยเธอ
ออกมาขนาดนี้ ใช่หรือเปล่า?”
ซูรั่วลีตกใจกลัวจนหน้าขาวซีด ส่ายหัวอย่างสุดชีวิตจนน้ำตาไหลออกมา พูดกลั้วสะอื้นว่า “ฉันไม่ใช่ลูกนอกสมรสของตระกูลซูจริงๆนะ
เชื่อฉันเถอะ….
เย่เฉินไม่สนใจเธอ เขาพึมพำพร้อมกับส่ายหน้าว่า “แล้วเธอเป็นลูกนอกสมรสของใครล่ะ? ซูเฉิงเฟิง? ไม่น่าเป็นไปได้ หมาแก่อย่างซู
เฉิงเฟิงคงตายด้นไปแล้ว ไม่น่าจะเป็นพ่อเชื้อให้กำนิดสาวน้อยวัยละอ่อนอย่างเธอได้ อีกอย่างถ้าเธอเป็นลูกนอกสมรสของเขาจริงๆ เขาคง
ไม่ส่งเธอไปคุ้มกันซูโส่วเต้าหรอก ถ้าอย่างนั้น เธออาจจะถูกซูโส่วเต้าจับได้ทุกเวลา…..
พูดมาถึงตรงนี้ เย่เฉินก็มองชูรั่วหลีอย่างประเมิน แล้วถามยิ้มๆว่า “พูดมาขนาดนี้แล้ว เธอคงแป็นลูกนอกสมรสของซูโส่วเต๋าสินะ? ซูโส่ว
เต้าให้เธอมาเป็นบอดี้การ์ดให้ก็เพื่อตบตาคนอื่น แบบนี้ก็จะอยู่ใกล้ชิดกันได้ แถมยังไม่ถูกคนอื่นสงสัยด้วย ฉันเดาถูกไหม?”