ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2205
บทที่ 2205
ตู้ให้ซิงอยากจะอยู่ที่จินหลิงสั่กระยะเหมือนกัน
ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเย่ฉางอิง แต่เพราะว่าเธอชอบเมืองที่อบอุ่นนี้มากจริงๆ
นอกจากนี้ เธอยังคิดถึงบ้านหลั่งเก่าที่เย่ฉางอิงเคยเช่าอยู่ด้วย
เธออยากอยู่ที่จินหลิง แล้วซื้อบ้านหลั่งนั้นมา จากนั้นก็รีโนเวทตกแต่งใหม่
ถ้าต่อไปไม่มีเรื่องพิเศษอะไร เธอก็อยากจะมาอยู่ที่จินหลิงเลย
ตอนนั้นเพราะว่าตู้ให่ชิงเห็นผู้ชายที่ตัวเองรักแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น จึงหมดความมั่นใจกับความคาดหวังในความรัก เพราะฉะนั้นจึง
แต่งงานกับซูโส่วเต๋า
แต่ว่าพอแต่งงานแล้ว เธอกับซูโส่วเต้ามีแค่ความผูกพ้น ไม่มีความรัก
จากนั้นเรื่องที่ซูโส่วเต้าทรยศเธอก็โปะแตก ความผูกพันที่เธอมีต่อซูโส่วเต้า ก็ค่อยๆ จางหายไป
เพราะฉะนั้น ถึงตอนนี้จะยังไม่หย่ากับซูโส่วเต้า แต่ในใจเธอตัดสินใจแล้ว จะไม่ฝืนตัวเอง เพราะคนอื่นอีก
ตั้งแตวินาทีนี้เป็นต้นไป เธออยากจะใช้ชีวิตตามแบบของตัวเอง
ย้ายมาอยู่ที่จินหลิง นี่เป็นแค่ขั้นตอนแรก
ซูจือหยูได้ยินคุณแม่บอกว่าให้ตัวเองอยู่ต่อที่จินหลิง ในใจก้ต้องไม่เต้มใจอยู่แล้ว
เธอแอบคิดว่า “ไม่ว่าจะเป็นตระกูลซูหรือว่าตระกูลตู้ อำนาจหลักก็ยังคงอยู่เนจิง มีแค่อยู่ที่เย่นจิง ฉันถึงจะมีโอกาสช้เส้นสาย แล้วมา
ช่วยฉันตามหาผู้มีบุญคุณ”
“แต่ว่า ถ้ำฉันอยู่กับคุณแม่ที่จินหลิง ฉันก็จะไม่มีเส้นสายอะไรในมือเลย!”
“แล้วอีกอย่าง คุณแม่ต่อต้านที่ฉันจะตามหาผู้มีบุญคุณขนาดนั้น อีกอย่างถ้าฉันอยู่ภายต้สายตาคุณแม่ ก็จะยิ่งไม่มีโอกาสไปตามหาผู้มี
บุญคุณสิ……”
พอคิดได้แบบนี้ ในใจซูจือหยูจึงอัดอั้นมาก เพราะฉะนั้น ก็เลยไม่ได้ตอบตกลงคุณแม่ทันที
ตู้ไห่ชิงเห็นสีหน้าเธอลังเลไม่เต็มใจ จึงขมวดคิ้วแน่น พร้อมเอ่ยพูดว่า “ทำไม? แม่ดูท่าทางลูก ลูกไม่อยากตกลงงั้นเหรอ?”
ซูจือหยูรีบเอ่ยตอบว่า “ไม่ใช่ค่ะคุณแม่ ความจริงหนูก็อยากอยู่กับคุณแม่ที่จินหลิง แต่ถ้ำพูดความจริง หนูกลัวว่าหนูอยู่ที่จินหลิงนานเกิน
ไปจะไม่ค่อยซิน…..”
ตู้ไห้ชิงพยักหน้า แล้วเอ่ยว่า “ลูกลองพูดมาสิ ว่าลูกไม่ชินตรงไหน?”
ซูจือหยูจับนิ้วงอมือแล้วเอ่ยว่า” แม่ดูสิคะ อากาศฤดูหนาวที่เย่นจิงแห้งมาก แต่อากาคที่จินหลิงกลับขึ้น……”
ตู้ให่ชิรีบเอ่ยว่า “ไม่เป็นอะไรสักหน่อย งั้นเดี่ยวจะให้คนไปตั้งเครื่องกำจัดความชื้นที่ดีที่สุดในห้องลูก จากนั้นเราก็คอยตามติดสภาพอา
กาศที่เย่นจิง อากาศที่เย่นจิงความชื้นเท่าหร่ ให้ห้องลูกมิความชื้นเท่านั้น ถ้าความชื้นที่เนจิงสิบเปอร์เซ็นต้ งั้นในห้องลูกก็สิบเปอร์เซ็นต์ด้วย
จะไม่ให้แตกต่างเลยแม้แต่นิดเดี่ยว!”
ซูจือหยูรู้สึกปวดหัว จึงรีบเอ่ยว่า “ไม่ใช่แค่เรื่องความขึ้นในอากาศเท่าไหร่หรอกค่ะ แล้วการความเคยชินต่างๆ ด้วย อาหารที่นี่ไม่ค่อย
ถูกปากหนูด้วย……”
ตู่ให่ชิงโบกมือ แล้วเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวแม่เรียกพ่อครัวที่เย่นจิงมาให้ ตอนที่อยู่ที่บ้าน ลูกซอบกับข้าวที่พ่อครัวทำไม่ใช่เหรอ?
แล้วตอนนี้พ่อลูกก็ไปออสเตรเลียแล้ว พ่อครัวที่บ้านก็ว่างพอเ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่เรียกมา ไม่สิ ให้เขามาวันนี้เลย แบบนี้พร่งนี้เช้าลูกก็จะได้กิน
กับข้าวที่ถูกปากพอดี”
ซูจือหยูพูดอย่างทำอะไรไม่ถูก “อ……แลค……หนูอยู่กับแม่ที่นี่ได้ค่ะ แต่พี่ชายก็ต้องกลับไปอยู่ดี แม่เรียกพ่อครัวมาที่จินหลิง ถ้าพี่ชาย
กลับไปแล้วจะทำยังไงคะ?”
ไม่รอให้ตู้ให่ชิงเอ่ยพูด ซูจือเฟยจึงเอ่ยพูดอย่างหนักแน่นว่า “ไม่ปินไรครับ! ผมไม่เป็นไร! เดี่ยวผมไปกินข้างนอกก็ได้ครับ ผมตัวคนเดียว
จัดการเรื่องกินได้ง่ายอยู่แล้วครับ!”
จากนั้น ซูจือเฟยก็เอ่ยพูดอีกว่า “ใช่สิครัม ผมไม่ได้ไปจากจันหลิงเดี๋ยวนี้เลย คอนเสิร์ตของคุณหนูกู้ก็จะจัดแล้ว ผมอยากอยู่ที่จิ่นหลัง
ต่อเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับคอนเสิร์ตด้วย เตี๋ยวรอคอนเสิร์ตจบแล้วค่อยไปครับ”