ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 2414
บทที่ 2414
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นห่วงความปลอดภัยของซูอหยูเป็นอย่างมาก แต่ยังคงไม่กล้าออกจากออสเตรเยไปครึ่งก้าว จนกว่าคุณท่าน
จะออกคำสั่ง
ถึงขนาด เขาไม่กล้าทรไปถามไถ่คุณท่าน เพราะว่าเกิดทำให้คุณท่านไม่พอใจ จุดจบของเขาจะยิ่งแย่ลงตามที่มีอยู่เท่านั้น
ซูจือเฟยอายุไม่มาก ไม่เคยพบเจอเรื่องราวอะไรมาก่อน เรื่องราวที่ใหญ่ที่สุดร้ายแรงที่สุดที่เคยพบเจอมา ยังเป็นตอนที่ถูกลักพาตัวใน
ประเทศญี่ปุ่น
อันที่จริงครั้งนั้นถูกลักพาตัว เขาก็ตื่นตระหนกไปแล้ว
กระบวนการทั้งหมดเป็นเหมือนคนขี้ขลาดคนหนึ่งที่ถูกทำให้หวาดกลัวเกือบตาย ยังห่างไกลความสงบสู้ซูจือหยูน้องสาวไม่ได้ ดังนั้นแรง
กดดันทั้งหมดในขณะนี้รวมตัวกันอยู่บนไหล่ตัวของเขาเอง และกดดันจนเขาหายใจไม่ออกด้วยซ้ำ
เขาปรารถนาอย่างยิ่งที่พอจะกลับมาได้เป็นแกนนำสำคัญของเขา เพียงแต่นาเสียดาย เขากล้าที่จะไม่เชื่อฟังคุณท่าน แต่พ่อของเขาไม่
กล้า
เมื่อได้ยินพ่อพูดบอกว่ารอก่อน ซูจือเฟยก็ค่อนข้างควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ และตะโกนว่า: “ยังจะรอก่อนอีก? พ่อกำลังรออะไร
กันแน่? พ่อจะรอหลังจากที่แม่และจือหยูตายแล้วกลับมางานศพเหรอ?!”
ซูโสว่เต้าในเวลานี้รู้สึกว่าทุกคำที่ลูกชายพูด ก็เหมือนกับดังก้องขึ้นในหู ตบลงบนแก้มของตัวเอง ทำให้เขารู้สึกว่าหัวใจของตัวเองมีเลือด
ไหลหยดอยู่
แต่ทว่า ในเวลานี้เขาจนปัญญา
เรื่องราวที่เขาเคยพบเจอ ห่างไกลกว่าซูจือเฟยมาก
เขารู้ว่าอะไรเรียกว่า”การทำตามอำภอใจของความกล้าหาญของคนไม่มีสติปัญญา” ยิ่งรู้ดีว่าอะไรเรียกว่า”รู้ปลายทางถึงสามารถที่จะ
ได้รับชัยชนะ”
เขารู้สึกว่า ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีปีน ยังพุ่งเข้าไปด้วยมือเปล่า ล้วนแต่เป็นคนธรรมดามีความกล้าแต่ไร้ซึ่งแผนการใดๆ
คนแบบนี้ ส่วนใหญ่เป็นตัวรับกระสุนของคนอื่น แล้วจะมีโอกาสเป็นนักรบที่มีชื่อเสียงถืออาวุธลงไปต่อสู้ทะยานในสมรภูมิได้อย่างไร?
ลูกชายทำให้คุณท่านโกรธ ในความคิดของเขาเป็นคนโง่แล้ว ถ้าหากในเวลานี้ตัวเองไม่เชื่อฟังของคุณท่านอีก หนีกลับประเทศในช่วง
เวลาไว้เสี่ยงต่อความรุนแรงแบบนี้ จะต้องสะกิดต่อมมโหของคุณท่านอย่างแน่นอน เกิดคุณท่านคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้ากบฏ ถ้าอย่างนั้นตัวเอง
ในชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสที่ลุกขึ้นได้อีกครั้ง
ดังนั้น เขาทำได้เพียงพูดอธิบายอย่างอดทนต่ออารมณ์ว่า: “อเฟย แกให้ฉันกลับไปช่วยแก แต่แกรู้มั้ยว่า ด้วยอุปนิสัยคุณปู่ของแก ถ้า
หากตอนนี้ฉันกลับไป แกยังไม่ได้จอหน้าฉันด้วยซ้ำ ฉันก็สูญเสียอิสรภาพไปแล้ว? ถึงขนาดเป็นไปได้ว่าชาตินี้แกไม่มีโอกาสเจอหน้าฉันอีก”
จากนั้น เขาก็ลังเลไม่กี่นาที พูดอย่างจริงจัง: “จืหยู แกงพ่อครั้งหนึ่ง วันนี้ดึกมากแล้ว ตั้งหลักอยู่ที่เมืองจินหลิงก่อน พรุ่งนี้ภายใต้
สถานการณ์ที่มั่นใจความปลอดภัยของตัวเอง ติดต่อกับคุณตายของแก ให้คุณตาของแกและน้าของแกส่งคนมาช่วยแกตามหาที่อยู่ของแม่แก
และน้องสาวของแก แกให้เวลาพ่อหนึ่งวัน ถ้าหากในหนึ่งวันนี้ คุณปู่ของแกยังไม่ติดต่อพ่อ งั้นพ่อก็จะไปขอร้องเขา ไม่ว่ายังก็ตาม พ่อจะทำให้
เขาอนุญาตให้พ่อกลับประเทศ”
ในใจของซูจือเฟยโกรธจนอยากด่าลบหลู่แม่
แต่ทว่า หลั่งจากที่ใจเย็นลงมา เขาก็เข้าใจว่า พ่อพูดไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
ในตรงกันข้าม พ่อผ่านการคิดอย่างลึกซึ้งรอบคอบ กลับเป็นตัวเอง ค่อนข้างหุนหันพลันแล่นไปมากเกินไปจริงๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็พูดเบาๆว่า: “พ่อ ผมรู้แล้วว่า…พ่อก็ไม่ต้องเป็นห่วงผมแล้ว เดี๋ยวผมจะโทรหาคุณตา หากมีอะไรเกิดขึ้นผมค่อย
ติดต่อกับพ่อ”
ซูโสว่เต้าอือคำหนึ่ง และกำชับว่า: “คืนนี้อย่โทรหาคุณตาของแก พ่อเดาว่าตอนนี้เขาน่าจะกำลังวางแผนว่าจะตามหาแม่ของแกและน้อง
สาวของแกยังไง แกอย่าไปรบกวนเขา พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ!”
ขณะที่กำลังพูดอยู่ นใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็มีอีกหมายเลขหนึ่งเด้งขึ้นมาแจ้งเตือนว่ามีสายเข้า เขาก็อุทานว่า: “ปู่ของแกโทรมาหา
ฉัน!”