ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - 39 สร้างภาพเก่ง
เย่เฉินกับเซียวซูหรันและต่งรั่งหลินนั่งอยู่ด้วยกัน หวังเถิงเฟยตามมานั่งข้างๆ ต่งรั่งหลิน
ทันทีที่นั่งลง เขาก็ถามต่งรั่งหลินด้วยรอยยิ้มว่า “รั่งหลิน ผมได้ยินว่าครั้งนี้คุณมาที่เมืองจินหลิง มาทำงานที่ตี้เหากรุ๊ปเหรอ”
ต่งรั่งหลินพยักหน้า “ฉันเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง”
หวังเถิงเฟยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “บังเอิญจัง พ่อผมก็อยู่ในตี้เหากรุ๊ป เป็นรองผู้จัดการทั่วไปของแผนกหนึ่ง ถึงเวลาแล้วผมจะให้เขาดูแลคุณให้มาก”
ทันทีที่พูดออกมา หลายคนที่โต๊ะก็โห่ร้องอย่างตกใจ “พี่เฟย พ่อของนายเป็นรองผู้จัดการทั่วไปของตี้เหากรุ๊ปเหรอ”
“ใช่” หวังเถิงเฟยพยักหน้าและพูดว่า “เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว”
มีคนรีบชื่นชมว่า “เงินเดือนรองผู้จัดการทั่วไปหลายล้านหยวนต่อปีใช่หรือเปล่า ยอดเยี่ยมมาก! ไม่สงสัยเลยว่าทำไมครอบครัวนายมีเงินมาก!”
หวังเถิงเฟยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หลายล้านเป็นแค่ค่าจ้างเท่านั้น ตำแหน่งของพ่อฉันมีอำนาจมาก และยังมีรายได้อื่นๆ เข้ามาด้วย ตอนนี้ตี้เหากรุ๊ปกำลังทำโปรเจกต์โรงแรม หลังจากโครงการนั้นเสร็จสิ้น พ่อของฉันสามารถสร้างรายได้อย่างน้อยสิบหรือยี่สิบล้าน”
เพื่อนร่วมคลายที่นั่งตรงข้ามเขารีบสอบถาม “พี่เฟย ฉันก็อยากเข้าตี้เหากรุ๊ป ส่งประวัติส่วนตัวไปหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อเลย นายสามารถพูดกับคุณลุงได้ไหม ดูว่าสามารถแนะนำฉันให้หน่อยได้หรือไม่”
หวังเถิงเฟยพยักหน้าและพูดอย่างสดชื่นว่า “ได้ เดี๋ยวกลับไปจะส่งประวัติของนายไปที่วีแชทให้ แล้วจะพิมพ์ทักเขาไป”
เย่เฉินขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าปรากฏว่าพ่อของหวังเถิงเฟยเป็นผู้บริหารระดับสูงของตี้เหากรุ๊ป
นี่มีจุดที่น่าสนใจ เช่นนั้นตนจะส่งข้อความให้หวังตงเสวี่ยน ให้เธอปลดพ่อของหวังเถิงเฟยออก
ดังนั้นเขาจงใจถามว่า “หวังเถิงเฟย ในเมื่อพ่อของนายอยู่ตี้เหากรุ๊ปก็แสดงว่ามีความสามารถมาก แล้วทำไมนายไม่เข้าไปที่นั่นล่ะ”
หวังเถิงเฟยยิ้มเยาะอย่างดูถูก “นายจะรู้อะไร ฉันเข้าตี้เหากรุ๊ปมันไม่มีความหมาย ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกไม่สามารถปกปิดได้ การเข้าไปมีแต่จะถูกจับตามองตลอดเวลา”
เมื่อพูดอย่างนั้นแล้วหวังเถิงเฟยก็พูดอย่างหยิ่งผยองว่า “ดังนั้นฉันจึงไม่พิจารณาตี้เหากรุ๊ปเลย ตอนนี้ฉันมีบริษัทวัสดุก่อสร้าง เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะร่วมมือกับตี้เหากรุ๊ปผ่านพ่อของฉัน จะได้รับรายการจัดหาวัสดุก่อสร้างของตี้เหากรุ๊ป”
“โอ้โห!” มีคนอุทาน “งั้นนายจะไม่ทำเงินได้ก้อนใหญ่เลยเหรอ”
หวังเถิงเฟยส่งเสียงเยาะ “ก็คงงั้น จากนี้อีกหนึ่งปี น่าจะได้เป็นพันล้าน”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็จงใจถามเย่เฉินว่า “เย่เฉิน ตอนนี้นายทำงานอะไร ไม่ใช่ว่าหลังจากแต่งเข้าบ้าน ก็เพียงแค่ซักผ้าทำอาหารหรอกนะ”
คนในโต๊ะล้วนระเบิดเสียงหัวเราะ
เย่เฉินเอ่ยบางเบา “ทุกวันนอกจากซักผ้าทำอาหารแล้ว ยังต้องรับส่งภรรยาทำงาน นวดหลังให้ภรรยา ชีวิตมีความสุขไม่มีที่สิ้นสุด”
หวังเถิงเฟยปอดจะระเบิด ไอ้เลวนี่ ไม่อยากเชื่อว่าจะทำหน้าทำตาท่าทางเป็นธรรมชาติ ช่างหน้าหนาจริงๆ!
เขาระงับความโกรธและพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “เย่เฉิน คิดไม่ถึงว่านายเกาะผู้หญิงกินแล้วยังกินอย่างสบายใจมีความสุขอีกนะ!”
“แล้วมันไม่ควรเป็นอย่างนั้นเหรอ” เย่เฉินพูดอย่างไร้ยางอาย “ฉันไม่ได้ขโมยไม่ได้ปล้นใคร เกาะผู้หญิงกินด้วยความสามารถ ทำไมจะสบายใจมีความสุขไม่ได้”
เพื่อนร่วมคลาสโดยรอบมองอย่างโง่เขลา
พวกเขาเคยเจอคนไร้ยางอาย แต่ไม่เคยเจอคนไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน!
แต่ประเด็นคือ ในจิตใจทุกคนก็ยังอิจฉามาก!
เพราะถึงอย่างไรเซียวซูหรันก็สวยมากจริงๆ สามารถเกาะผู้หญิงกินที่เป็นถึงระดับเทพธิดา เป็นสิ่งที่คนจำนวนมากใฝ่ฝัน!
อิจฉาริษยาเกลียดชัง!
หากมีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดสาวงามอย่างเซียวซูหรัน เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าแล้วสำคัญอะไร เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต!
หวังเถิงเฟยแทบกระอักตาย
ในเวลานี้ จู่ๆ ภรรยาของหวังเต้าคุนก็ก้าวขึ้นเวที
หลังจากเธอขอบคุณทุกคนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วก็พูดว่า “ขอบคุณค่ะสำหรับของขวัญมากมายที่มอบให้เราวันนี้ ทำให้ฉันกับเต้าคุนประทับใจมาก เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อทุกคน เราตัดสินใจที่จะประกาศรายละเอียดของของขวัญที่นี่สักหน่อย เพื่อขอบคุณทุกคนอีกครั้ง”
ในเมื่อวันนี้เป็นวันเปิดงาน โดยธรรมชาติแล้วการนำเสนอของขวัญเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
เดิมทีหวังเต้าคุนไม่อยากทำแบบนี้ แต่ในความเป็นจริงเขาพูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้หลิวลี่ลี่ทำเรื่องหยาบคายตามอำเภอใจ
แต่เพื่อนร่วมคลาสหลายคนกลับไม่แปลกใจ เพราะทุกคนมีจิตใจที่ชอบเปรียบเทียบโอ้อวด ลำดับต่อไปใครให้อะไรทุกคนล้วนจะได้เห็น สามารถตัดสินได้ว่าเพื่อนร่วมคลาสเก่ามีสถานะทางสังคมอย่างไรหลังจากจบไป
จากนั้นหลิวลี่ลี่ก็เริ่มเรียกชื่อ
“ขอบคุณเพื่อนร่วมคลาสจางเจี๊ยสำหรับซองแดงพันหยวน!”
“ขอบคุณเพื่อนร่วมคลาสหวังเป้ยสำหรับทองแท่งหนึ่งคู่!”
“ขอบคุณเพื่อนร่วมคลาสสวีโอโอสำหรับปี่เซียะหยกหนึ่งตัว!”
“ขอบคุณเพื่อนร่วมคลาสหวังเถิงเฟยสำหรับซองแดงหนึ่งหมื่นหยวน!”
ของขวัญสองสามชิ้นแรก ไม่ว่าจะเป็นซองแดงหรือของขวัญ ส่วนใหญ่มีมูลค่าประมาณหนึ่งพันหยวน ทันใดนั้นก็มาถึงหวังเถิงเฟย ทันทีที่ให้ซองแดงหนึ่งหมื่นหยวน เพื่อนร่วมคลาสทุกคนก็ตกใจกันฉับพลัน
แค่ฉลองการเปิดเท่านั้น ก็ให้ซองแดงหนึ่งหมื่นหยวน ช่างโอ้อวดเล่นใหญ่เหลือเกิน!
หลายคนมองหวังเถิงเฟยอย่างตกใจ ยกย่องความใจกว้างของเขาอย่างมาก
หวังเถิงเฟยก็หน้าตาภูมิอกภูมิใจ ดูเหมือนว่า ตนจะได้ชนะในหมู่เพื่อนร่วมคลาสอย่างง่ายดาย
ขณะนี้หลิวลี่ลี่พูดอีกว่า “ขอบคุณเย่เฉิน และคู่สมรสเซียวซูหรันสำหรับภาพวาดเก่า!”
ทันทีที่พูดออกมา ทุกคนก็ต่างพากันหัวเราะเยาะ
ภาพวาดงั้นเหรอ มีค่าแค่หนึ่งร้อยหยวนหรือไม่
ทั้งสองคนขี้เหนียวเกินไปหรือเปล่า หวังเต้าคุนเปิดร้านอาหาร จัดงานเลี้ยงหรูหรา ค่ากินต่อหัวก็หลายร้อนหยวนแล้ว พวกคุณทั้งสองมาสวาปามอาหารฟรี แต่ให้แค่ภาพเก่าเนี่ยนะ ไม่กลัวจะถูกคนหัวเราะเยาะหรืออย่างไร
หวังเถิงเฟยหัวเราะเย็นชาและเยาะเย้ยว่า “เย่เฉิน นายสามารถซื้อ BMW520 ได้ แถมยังสามารถใช้จ่ายไปกับการปรับแต่งได้ ทำไมเพื่อนร่วมคลาสเก่าเปิดร้านอาหาร แต่นายให้แค่ของโกโรโกโสไร้สาระแบบนี้”
เย่เฉินยิ้มบางและพูดว่า “นายไม่รู้ที่มาของมัน แล้วทำไมถึงบอกก่อนว่ามันเป็นของโกโรโกโส”
หวังเถิงเฟยหัวเราะเยาะและพูดว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายคิดอะไร แค่อยากซื้อของเก่าปลอมๆ โทรมๆ เพื่อแสร้งทำว่าเป็นของดี จึงทำให้คนยากจะรู้ว่ามูลค่าเท่าไรกันแน่!”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็ยกตนข่มท่านอีกว่า “นายพูดความจริงมา นายซื้อภาพวาดเก่านั่นมาเท่าไร ร้อยหรือว่าแปดสิบ”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย “ภาพวาดนั่นมีมูลค่าสูงกว่าสิ่งที่ทุกคนให้ในวันนี้”
“ฮ่าๆๆๆ!” หวังเถิงเฟยนำการหัวเราะลั่นก่อนใคร “นายนี่มันขี้โม้โดยไม่คิดเลยนะ! ฉันให้ซองแดงหนึ่งหมื่น แถมที่นี่ยังมีเพื่อนร่วมคลาสอีกกว่ายี่สิบคน แต่ละคนเป็นพันหรือมากกว่าสองหมื่น ความหมายในคำพูดนาย หรือจะบอกว่าภาพวาดนั่นของนายมีมูลค่ามากกว่าสามหมื่นงั้นเหรอ”
เย่เฉินยิ้ม “ที่นายพูดมามันยังน้อยไป”
“ก๊ากฮ่าๆ!”
สิ่งนี้ทำให้เพื่อนร่วมคลาสทุกคนหัวเราะลั่น
ทุกคนรู้สึกว่าเย่เฉินคนนี้ช่างสร้างภาพเก่งจริงๆ!
ให้ของอะไร นายถึงกล้าพูดไร้สาระขนาดนี้ออกมาได้ ภาพวาดเก่ามูลค่าหลายหมื่นงั้นเหรอ นายแม่งกำลังหลอกใคร
เวลานี้หลิวลี่ลี่บนเวทียิ่งดูถูกในใจมากขึ้น สอบถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “เพื่อนร่วมคลาสเย่เฉิน ไม่ทราบว่าภาพวาดโบราณที่คุณให้เป็นของใคร มีมูลค่าถึงหลายหมื่นเลยเหรอ”
เย่เฉินเอ่ยบางเบา “จิตรกรราชวงศ์ชิงคนหนึ่ง ไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก”
หลิวลี่ลี่หัวเราะฮ่าฮ่า “โอ้บังเอิญจัง พ่อของฉันเป็นผู้ประเมินค่าโบราณวัตถุ เขาชื่อว่าหลิวเยว่เซิน มีความรู้ด้านโบราณวัตถุ น่าจะเคยได้ยินชื่อของเขาใช่ไหม”
ต่งรั่งหลินพูดอย่างประหลาดใจว่า “หลิวเยว่เซินเหรอ ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณวัตถุหลิวเยว่เซินน่ะเหรอ ฉันจำคนคนนั้นได้ เคยขึ้นCCTVด้วย เขาเป็นพ่อของคุณเหรอ”
หลิวลี่ลี่พูดยิ้มๆ ว่า “ไม่ผิดค่ะ เป็นพ่อของฉัน ตอนนี้เขาอยู่ชั้นบน หรือฉันจะเชิญให้เขาลงมาชื่นชมภาพวาดโบราณที่เพื่อนร่วมคลาสเย่เฉินมอบให้เอาไหม”
หวังเถิงเฟยลุกขึ้นยืนและพูดเสียงดังลั่นว่า “งั้นคุณหลิวลี่ลี่ก็ให้คุณลุงลงมาเลย ช่วยให้พวกเราได้ชื่นชมซาบซึ้งในศิลปะ ถ้ามูลค่าภาพวาดของเย่เฉินเกินกว่าของขวัญทั้งหมดที่มีในวันนี้ ผมหวังเถิงเฟยจะกินโต๊ะนี้ทันที!”