ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา - ตอนที่ 6
Ch.6 – ทางเลือกที่ไม่ได้ผลประโยชน์
Translator : Reheikichi / Author
[ เท่านี้ก็อีกแค่คนเดียว ]
หลังจากจัดการเด็กหนุ่มที่ถือดาบทองที่พึมพำออกมา
ผมจัดการเหล่านักเรียนได้เหมือนเป็นงาน ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าพวกเขาเก่งขนาดไหน ดูเหมือนจะบอกว่าอยากเข้าแผนกผู้กล้า แต่ตามที่คาดไว้ค่าเฉลี่ยในการคัดมันสูงจังน้า แต่ก็ยังคงอยู่ในกรอบนักเรียน
แถวนี้ไม่ค่อยมีนักเรียนคนอื่นแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มเคลื่อนไหวหลังการต่อสู้เมื่อกกี้ จึงไม่มีใครอยู่แถวนี้ จึงช่วยไม่ได้ที่ผมต้องลงไปที่ชั้นล่าง
เมื่อผมลงบันไดก็เห็นสิ่งที่ไม่อยากเชื่อสายตา
[ ….นี่มันตลกน่า ]
ผมเอามือกุมหน้าผากพลางถอนหายใจ
และมองตรงหน้า――
[ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ! แค่นี้ทำบาดแผลให้ฉันไม่ได้หรอกนะ! ]
อาจารย์คนนั้นหัวเราะ หักดาบและโยนนักเรียนกลิ้งไปตามๆ กัน
ตลกน่า――ทำไมอาจารย์ถึงมาผสมโรงในการสอบแผนกผู้กล้าของนักเรียนด้วยล่ะ
ผมมองดูสถานการณ์ขณะที่นึกสงสัย
อาจารย์คนนั้นวิ่งเข้าไปที่โรงยิมเหวี่ยงดาบและซัดใส่นักเรียนอย่างน่าตกใจ นักเรียนพวกนั้นคงไม่ตายก็เพราะเป็นดาบไม่มีคม แต่คงจะเจ็บน่าดู
――วิชาดาบเหมือนกับผู้กล้า
เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเป็นอาจารย์ดาบของผู้กล้ารุ่นที่สี่ก็ได้
ความรู้สึกมันบอกว่าใช่นอกจากนี้เขายังมีฝีมือสูง เชิงดาบที่ซับซ้อนที่จัดการศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเจอกับคนจำนวนมากขนาดนั้นยังไม่เหนื่อยเลยด้วยซ้ำ
ในตอนนั้นเอง ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปใกล้อาจารย์ฟาร์เนส
เป็นเด็กผู้หญิงที่ผมสีน้ำตาลแดงเหยียดตรง สายตาแหลมคมของเธอหันไปหาอาจารย์ฟาร์เนสและดึงดาบออกมาจากเอว
[ เอ๊ะ!? ]
ฟาร์เนสรู้สึกตกใจ
ความเร็วดาบยอดเยี่ยม เทคนิคนั้นรวดเร็วมากจนไม่สามารถมองดูได้ด้วยตาเปล่า
เธอคงจะใช้เวทมนตร์《เรจ》เพื่อเสริมพลังกาย ถึงได้มีพลังในการเหวี่ยงดาบและแรงโดดมากขึ้น เด็กผู้หญิงคนนั้นถือว่ามีความสามารถต่างจากนักเรียนคนอื่น
[ โช๊ะ――! ]
เธอหายใจอย่างรุนแรงขณะที่ฟันดาบลงไป
แต่ทว่าฟาร์เนสก็ถือเป็นปรมาจารย์ด้านดาบอีกคน เมื่อดาบเข้ามาใกล้ เธอจึงหมุนตัวกลับและเตะท้องของเด็กผู้หญิงคนนั้น
ร่างเล็กๆ ของเด็กผู้หญิงคนนั้นกระเด็นไปพร้อมกับเสียงร้อง
เด็กผู้หญิงคนนั้นกลิ้งมาพลางกรีดร้องและมาหยุดที่เท้าของผม
ผมมองดูเด็กผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้น
อะไรกันเจ้าผู้ชายคนนี้ สายตาอันงดงามนั้นบ่งบอกแบบนั้นล่ะ ตอนนี้ก็อยู่ขอบสนามห่างไกลและเธออาจจะไม่ใส่ใจก็ได้
แต่ผมควรพูดออกไป….
[ กระโปรงเปิดแล้วนะ ]
[ เอ๊ะ!? ]
แต่ว่าดูเหมือนจะใส่อะไรบางอย่างเหมือนกางเกงกีฬาเลยไม่เห็นกางเกงในนี่นะ แต่มันยิ่งเข้าให้กระชับกับทรวดทรง
เมื่อผมชี้ไปหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ถูกย้อมด้วยสีแดงและพยายามปิดกระโปรงด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์
หันจ้องมองผมและเธอก็เหวี่ยงดาบใส่ผมอย่างรวดเร็ว
[ จ เจ้า――คนโรคจิต!! ]
สายตาของเธอถูกย้อมไปด้วยความโกรธ พริบตาเดียวก็ฟันดาบได้ถึงสามครั้ง
ด้านหน้า ขวา ซ้ายและยังคงฟันต่อเนื่องไม่หยุด
ถ้าตามปกติมันก็ยากที่จะหลบอยู่หรอก
แต่เพราะผมเองก็ใช้《เรจ》เช่นกัน ถึงได้หลบการโจมตีได้
หลังจากหลบกระบวนท่าสุดท้ายได้ ผมก็จับแขนของเธอไว้
[ มันอันตรายนะ ]
[ นะ!? ]
ดวงตาของเธอเปิดกว้างเพราะรู้สึกประหลาดใจ เธอคิดว่าผมจะหลบไม่ได้อย่างนั้นสินะ
เธอดึงแขนตัวเองกลับไปอย่างรวดเร็วจนทำให้ผมเสียหลัก เด็กผู้หญิงคนนั้นยกเข่าขึ้นเพื่อจะตอกหน้า
ผมจึงต้องใช้ด้ายเหล็กยับยั้งและมัดร่างของเธอไว้
ด้ายเหล็กนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเวทมนตร์《ฟิคเซชั่น(สร้างสิ่งของ)》เด็กผู้ชายที่ถือดาบทองคนนั้นผมเองก็ใช้เวทมนตร์《ฟิคเซชั่น》จัดการเช่นกัน
[ อึก!? ]
เด็กผู้หญิงที่ร่างทั้งร่างถูกมัดไว้ส่งเสียงร้องออกมา
โดยมีอาจารย์ฟาร์เนสดูการป้องกันตัวของผมอยู่
[ เห… ทักษะที่ฝึกฝนมากอย่างดีและยังการเคลื่อนไหวนั้นก็ยอดเยี่ยม ]
อาจารย์ฟาร์เนสพึมพำชื่นชมผม
โดยที่รอบตัวเธอมีนักเรียนเกือบสิบคนล้มอยู่ นั่นนะน่าตกใจกว่าซะอีกนะ
[ มันไม่ขี้โกงไปหน่อยเหรอครับ ที่อาจารย์ก็เข้าร่วมการสอบด้วยนะ? ]
[ ฉันไม่ได้บอกไปแต่แรกเหรอ 『ทุกคนที่นี่ต้องต่อสู้กัน』]
เข้าใจแล้วล่ะ เพราะแบบนี้พวกอาจารย์ฟาร์เนสถึงได้มาเข้าร่วมด้วยสินะ
นั่นหมายถึงแบบนี้เองหรอกเหรอ
[ ….ไม่สมกับผู้ใหญ่เลยแฮะ ]
ผมพึมพำออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในเวลาเดียวกัน นักเรียนคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่มุมห้องยิมก็โจมตีใส่อาจารย์ฟาร์เนส
[ เจ้าหนู เธอเองก็มาสู้ด้วยสิ! ถ้าเป็นเธอฉันยินดีเป็นคู่ต่อสู้ให้เสมอ! ]
อาจารย์ฟาร์เนสพูดกับผม ขณะที่กำลังรับมือกับนักเรียนคนอื่นที่กำลังเข้าใกล้
ผมมันเป็นพวกเหมาะกับสงคราม ――เรื่องอย่างนี้ไม่เก่งด้วยสิ
ในระหว่าง เอาล่ะมาจัดการกับผู้หญิงคนนี้ให้จบดีกว่า
เท่านี้ก็ห้าคน แม้ว่าจะเป็นกฏการตัดสินของการสอบที่คิดขึ้นเอง แต่เท่านี้ก็สำเร็จเป้าหมายแล้ว
[ ด เดี๋ยวก่อน! ]
เด็กผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาขณะที่เห็นผมเริ่มเคลื่อนไหว
[ ฉันมีข้อเสนอ …เรามาร่วมมือกันจัดการอาจารย์คนนั้นกันไหม? ]
เด็กผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยเสียงเบา
มันข้อเสนอที่ไม่คาดคิด เธอคงคิดว่าจะพยายามให้เต็มที่ เพราะตอนนี้ยังต่อสู้ไม่ได้เต็มที่สินะ
[ แล้วผมจะได้อะไรล่ะ? ]
[ คนที่เอาชนะอาจารย์ในการสอบเข้าได้จะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านโกลด์ เธอคนนั้นเป็นคนพูดเองไม่ผิดแน่ ]
[ 1 ล้านโกลด์เหรอ… ]
บอกตามตรงว่าผมมันไม่จำเป็นสำหรับผมเลย
เพราะมันน้อยกว่าเงินหนึ่งในสิบที่องค์กรจ่ายให้ซะอีก
ซึ่งจำนวนเงินออมของผมยังมากกว่านั้นร้อยเท่า
[ เงินรางวัลทั้งหมดยกให้นายเลยก็ได้ ว่าไงบ้าง? ]
เด็กผู้หญิงคนนั้นเพิ่มเงื่อนไขมาอีกข้อ ดูเหมือนจะกังวลเพราะเห็นท่าว่าการเจรจาจะล้มเหลวสินะ
แต่ถ้าเป้าหมายเธอไม่ใช่เงิน แล้วมันคืออะไรกันล่ะ
[ แล้วเธอไม่ต้องการเงินนั้นงั้นเหรอ? ]
[ ปัญหาสำหรับฉันไม่ใช่เรื่องเงิน ฉันแค่อยากสู้กับคนที่แข็งแกร่งเท่านั้น ตอนนี้ก็อยากสู้กับนายอยู่นะ… แต่อย่างนายในอนาคตก็คงจะได้สู้กันในโรงเรียนได้อย่างอิสระอยู่แล้ว จึงต้องให้ความสำคัญกับคนตรงนั้นก่อน ]
ดูเหมือนเด็กผู้หญิงคนนั้นจะตัดสินใจเออเองไปแล้วล่ะ ทั้งที่ความจริงผมคิดจะเข้าแผนกสามัญน่ะนะ
[ …พวกบ้าการต่อสู้งั้นหรอกเหรอ ]
[ ต่างกันนิดหน่อยนะ ฉันแค่อยากสู้เพราะจะได้พัฒนาตัวเองในอนาคตต่างหาก―― ]
ขณะที่เด็กคนนั้นยังพูดอยู่ อาจารย์ฟาร์เนสเองก็กำลังต่อสู้กับนักเรียนคนอื่น
[ ――ไม่อยากซัดเจ้าใบหน้ามั่นใจนั้นบ้างเหรอ? ]
ท้ายที่สุดเธอมันก็แค่บ้าการต่อสู้นั้นแหละ
ผมถอนหายใจ พอผู้หญิงคนนั้นเห็นผมทำท่าเช่นกันก็ดูมีใบหน้าสดชื่นขึ้นทันตา
――จะแพ้แล้วสอบตกตรงนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ
หากเป็นวิธีการขององค์กรจะเลือกวิธีที่ดีที่สุดเสมอ ต้องจำลองสถานการณ์อันไม่คาดคิดนับไม่ถ้วนในหัว ไม่ว่าภารกิจจะยากหรือง่ายก็ต้องใช้กลยุทธ์ที่ดีที่สุด
ตามปกติแล้วจะไม่ให้อารมณ์ความรู้สึกเข้ามารบกวน
ผมเป็นทหารที่เป็นเครื่องมือและคำตามคำสั่งเท่านั้น
เพราะเหตุนี้ผมจึงไม่เคยมีประสบการณ์ว่าตัวเองจะต้องเลือกตัวเลือกที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่เลย
ตอนนี้ผมเป็นอิสระ
ไม่ใช่ทหารที่เป็นเครื่องมืออีกต่อไปแล้ว
[ เข้าใจแล้ว… ยอมรับข้อเสนอ ]
ถ้าเป็นผมสมัยที่อยู่ในองค์กรคงปฏิเสธไปทันควันแน่ๆ
แค่นิดๆ หน่อยๆ คงไม่เป็นไร ผมยอมรับข้อเสนอของเด็กผู้หญิงคนนั้นพลางคิด
แม้ว่าผมจะผ่านเข้าแผนกผู้กล้าเพราะเอาชนะอาจารย์ฟาร์เนสได้ก็จะขอเปลี่ยนไปแผนกสามัญอยู่ดี คงทำได้ล่ะนะ เพราะแผนกสามัญไม่มีเงื่อนไขการรับสมัครนี่นา
[ ขอบคุณมาก งั้นฉันขอเวลาสงบจิตใจและอารมณ์ก่อน แต่ก่อนอื่นคงต้องปลดด้ายนี้ออกก่อน ]
[ …เอ๊ะ? ]
ไม่ต้องให้ผมแก้มัดให้ แต่แก้มัดเองได้เหรอ?
ในพริบตาที่ผมเอ่ยคำพูดนั้น เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ใช้เวทมนตร์《ฟิคเซชั่น》และมีใบมีดเปล่งประกายงอกออกจากข้อศอกและตัดด้ายเหล็กของผมออกจนหมด
[ อะไรกัน แก้มัดเองได้สินะ ]
[ หากนายปล่อยการ์ดลงก็คิดว่าจะตัดด้ายนี้แล้วจัดการนายอยู่หรอกนะ ]
รอเล่นทีเผลอ เป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผลดี หากดูจากสถานการณ์
ซึ่งเวทมนตร์《ฟิคเซชั่น》จะเป็นเวทมนตร์ที่ขึ้นอยู่กับจินตนาการและสามารถสร้างและควบคุมวัตถุด้วยปลายนิ้วหรือฝ่ามือได้ แต่เธอคนนี้สามารถทำให้มันออกมาจากข้อศอกได้ การนึกภาพให้ใบมีดงอกออกมาจากข้อศอกได้ไม่ใช่สิ่งที่จะฝึกฝนกันได้ง่ายๆ หรอกนะ
บางทีเธออาจจะคุ้นเคยดี
ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็หันมามองผม
[ เห็นไปแล้วก็ดูนายจะไม่ตกใจเลยนะ… ดูท่าว่านายก็จะผ่านสมรภูมิมามายมาย ]
[ …ก็นะ ]
เทียบกับเธอแล้วก็แน่นอนว่าผมมีประสบการณ์มากกว่า แต่ว่าจำนวนเหตุการณ์ที่พบนั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถตามย้อนประวัติกลับไปได้(เรื่องเลวๆ) จึงไม่มีประโยชน์ในชีวิตประจำวันและไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจ
[ ฉันชื่อเอลิเซีย แล้วนายล่ะ? ]
[ ทรูเอท ]