ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 474 การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นในหลายพันปี! [ภาค 6 ฟ้ากระจ่าง]
- Home
- ผู้กล้าเหนือกาลเวลา
- บทที่ 474 การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นในหลายพันปี! [ภาค 6 ฟ้ากระจ่าง]
บทที่ 474 การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นในหลายพันปี! [ภาค 6 ฟ้ากระจ่าง]
……….
ผืนฟ้ามืดสนิทไปทั้งผืน
มีเพียงสายอัสนีเป็นทางๆ ที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางเสียงสายอัสนีบาตก้องระรัวที่ฉีกผืนฟ้ามืดมิดขาดสะบั้น
น้ำฝนเย็นเยียบกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย เปียกปอนพื้นดินในเขตปกครองผนึกสมุทร
สวี่ชิงมองไปทางเมืองหลวงเขตปกครองอย่างอึ้งตะลึง ในใจเกิดคลื่นยักษ์โหมซัด
‘เจ้าเขตปกครอง แตกดับ…’
สำหรับเจ้าเขตปกครอง สวี่ชิงแค่เคยได้พบในวังครองกระบี่บ้างไม่กี่ครั้งเท่านั้น ไม่ได้พูดคุยใดๆ ส่วนมากล้วนฟังเรื่องของเขามาจากปากคนอื่น
แต่เขารู้ เมืองหลวงเขตปกครองตอนนี้ยังบริบูรณ์ได้ ไม่ถูกเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ใช้วิธีต่างๆ กลืนกินและแบ่งแยก จุดนี้เป็นคุณูปการอันใหญ่หลวงของเจ้าเขตปกครองทุกรุ่น
เจ้าเขตปกครองรุ่นนี้ปกครองเขตปกครองผนึกสมุทรมาแปดร้อยปี แม้จะไม่มีคุณงามความชอบบุกเบิกดินแดน แต่รักษาสมดุลทั้งภายในและภายนอก ระมัดระวังจริงจังรอบคอบ ทำให้เขตปกครองผนึกสมุทรยังอยู่ในอำนาจการดูแลของเผ่ามนุษย์ ยังอยู่ครบสิบสามมณฑล เรื่องนี้มีให้เห็นไม่มากนัก ในขณะที่เขตปกครองอื่นๆ ที่เหลือทั้งหกที่ค่อยๆ เสียดินแดนไปทีละนิดๆ ในพันปีที่ผ่านมา
แต่ในวันนี้ ชายชราคนนี้ แตกดับแล้ว
สวี่ชิงไม่รู้รายละเอียด และไม่รู้ว่าในเมืองหลวงเขตปกครองเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนี้ขณะที่อารมณ์เกิดระลอกคลื่นก็นึกถึงจื่อเสวียนและพวกข่งเสียงหลง
เขาจึงรีบนำกระบี่อาญาสิทธิ์และแผ่นหยกสื่อเสียงออกมา แต่ยังไม่ทันได้ถาม กระบี่อาญาสิทธิ์และแผ่นหยกก็สั่นอย่างรุนแรงพร้อมกัน ข้อความนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาจากในนั้น
‘สวี่ชิง เจ้าอยู่กรมราชทัณฑ์หรือไม่! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง!!’
‘สวี่ชิง เจ้าเขตปกครองแตกดับ ไม่มีสัญญาณใดๆ ทั้งสิ้น จู่ๆ แตกดับ กะทันหันมาก!’
‘สวี่ชิงเจ้าอยู่ที่ใด กรมราชทัณฑ์ถล่ม!!’
“น’กโทษนับไม่ถ้วนหลบหนี เมืองหลวงเขตปกครองวุ่นวายปั่นป่วนไปหมดแล้ว!’
ข้อความเหล่านี้ในพริบตาที่สวี่ชิงผสานประสาทสัมผัสรับรู้เข้าไปในกระบี่อาญาสิทธิ์และแผ่นหยกก็ผุดขึ้นมาอย่างชัดเจนในสมอง ในนั้นมีข้อความสื่อเสียงของข่งเสียงหลงและพวกซานเหอจื่อ และยังมีผู้ครองกระบี่ รวมไปถึงพลทหารกรมราชทัณฑ์บางคนที่สวี่ชิงรู้จัก
สวี่ชิงร่างสะท้านเฮือก ความสั่นสะท้านจากก้นบึ้งหัวใจแผ่ซ่านมาทั้งร่างอย่างรวดเร็วในเสี้ยวเวลานี้ สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าฟาดมาในสมอง
‘กรมราชทัณฑ์ถล่มหรือ’ ในใจสวี่ชิงเกิดคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ ค่อนข้างยากจะเชื่อ ถือกระบี่อาญาสิทธิ์ถามข่งเสียงหลงทันที
หลังจากที่ได้รับการตอบกลับจากสวี่ชิง เสียงของข่งเสียงหลงก็แฝงไว้ด้วยความโศกเศร้าโกรธแค้น เอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
“สวี่ชิง กรมราชทัณฑ์ระเบิด! ตอนนี้นักโทษกำลังหลบหนี จำนวนมากมายนัก เขตติง เขตปิ่ง เขตอี่…เจ้าวังกับรองเจ้าวังยังมีภารกิจ กำลังอาศัยของวิเศษเวทต้องห้ามของเขตปกครองและร่างแยกเทพเจ้าที่ขังในกรมราชทัณฑ์ต่อสู้ศึก”
สวี่ชิงกำลังจะถามต่อ แต่ในแผ่นหยกสื่อเสียงข้างๆ มีเสียงสั่นเทาของจื่อเสวียนดังมา
“สวี่ชิง เจ้า…เจ้าอยู่ที่ใด ปลอดภัยใช่หรือไม่…ข้าอยู่กรมราชทัณฑ์ทางนี้ หาเจ้าไม่เจอ…”
เสียงของจื่อเสวียนสั่นเทา เมื่อสวี่ชิงได้ยินก็ตอบกลับทันที หลังจากรู้ว่าสวี่ชิงปลอดภัยดี จื่อเสวียนก็โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด กำลังจากถามต่อ แต่สวี่ชิงทางนี้จิตใจกำลังว้าวุ่น หลังจากคุยอย่างเร่งร้อนไม่กี่ประโยคก็สื่อเสียงหาข่งเสียงหลงทันที
“พี่ข่ง ตอนนี้…” สวี่ชิงสื่อเสียงยังไม่ทันจบ เสียงของข่งเสียงหลงก็ดังมาอย่างร้อนใจ
‘สวี่ชิง หากเจ้าไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงเขตปกครองก็รีบหาที่ซ่อนเลย อย่าเพิ่งกลับมา รอสักช่วงหนึ่งค่อยกลับมา
‘นักโทษกรมราชทัณฑ์จำนวนมากหนีไปแล้ว เจ้าเป็นพลทหาร อยู่ระหว่างทางอันตรายมาก นอกจากนี้…เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!
‘เมื่อครู่เพิ่งได้รับข่าวมา ชายแดนเขตปกครองผนึกสมุทรมีกองทัพเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น นี่เป็นเรื่องวางแผนเอาไว้แล้ว! สวี่ชิง สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!’
ข่งเสียงหลงเสียงร้อนรน ในยามที่พูดถึงตอนสุดท้ายก็ฉายความมั่นใจ
ระลอกคลื่นในใจสวี่ชิงซัดเป็นระลอกขึ้นลงไม่หยุด เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน เขาทำได้เพียงทำจิตใจให้สงบอย่างรวดเร็ว สูดลมหายใจลึก ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น เพียงไหววูบก็ตรงไปที่พื้นดิน ดำลงไปใต้ดิน อำพรางกลิ่นอาย
เขารู้ดีว่าตำแหน่งที่ตัวเองอยู่ไม่ได้ไกลจากเมืองหลวงเขตปกครองมากนัก ด้วยพลังบำเพ็ญของเขาเพียงครึ่งชั่วยามก็ไปถึง เช่นนั้นสำหรับนักโทษกรมราชทัณฑ์มาถึงที่นี่ก็ไม่มีทางช้าไปเท่าใดนัก
แม้นักโทษที่คุมขังในกรมราชทัณฑ์ส่วนมากจะอ่อนแอ แต่พวกที่อยู่ในเขตปิ่งพวกนั้นทันทีที่กลับไปยังแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ไม่มีวิถีสวรรค์ของโลกใบเล็กควบคุม กำลังรบของพวกเขาก็จะกลับมาแข็งแกร่งอย่างที่ควรจะเป็นทันที
ดังนั้นสิ่งที่ข่งเสียงหลงพูดมาไม่ผิด ตนจะต้องแอบซ่อนก่อน รอผ่านไปสักช่วงหนึ่งเมื่อทุกอย่างมั่นคงค่อยกลับ นี่ถึงจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
‘เขตปกครองผนึกสมุทรจะเกิดจลาจลแล้ว’ ที่จุดลึกใต้ดิน ในดวงตาสวี่ชิงค่อยๆ ฉายความเฉียบคม
จวบจนนานหลังจากนั้น เขาเอาแผ่นหยกออกมา สื่อเสียงบอกชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมถนนทองผุดเกี่ยวกับที่นี่ก่อน ให้เขาบอกให้เผ่าต้นไม้วิญญาณระมัดระวังทำการป้องกัน จากนั้นก็สื่อเสียงหานายกอง
แต่นายกองทางนั้นก็ยังคงไม่ตอบกลับเช่นเดิม
สวี่ชิงขมวดคิ้ว หลังจากขบคิดครู่หนึ่งก็สื่อเสียงหาชิงชิว ก็ไม่มีการตอบกลับเช่นกัน
สวี่ชิงถอนหายใจ เก็บแผ่นหยกลงไป นั่งขัดสมาธิสงบระลอกคลื่นขึ้นลงในใจ
เวลาหมุนผ่าน หนึ่งวันผ่านไป
กระบี่อาญาสิทธิ์ของสวี่ชิงสั่นอย่างรุนแรง เสียงเหนื่อยล้าของเจ้าวังดังมาจากในนั้น
‘ในพื้นที่เมืองหลวงเขตปกครอง ผู้ครองกระบี่ที่อยู่ข้างนอกทุกคน ทันทีที่ได้รับประกาศนี้ให้รีบกลับมาโดยเร็ว กำหนดระยะเวลาคือคืนนี้ยามจื่อ!
‘ประกาศแจ้งพวกเจ้าสามเรื่อง
‘หนึ่ง เจ้าเขตปกครองแตกดับ
‘สอง นักโทษกรมราชทัณฑ์แหกคุก ระหว่างพวกเจ้าเดินทางกลับสามารถใช้วิธีทุกอย่างปกป้องความปลอดภัยของตัวเอง
‘สาม เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์รุกรานเขตปกครองผนึกสมุทร กองทัพประชิดมา จากรายงาน จักรพรรดิบรรพชนเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ตื่นขึ้น ออกคำสั่งทั้งเผ่าให้ทำสงคราม
‘ผู้ครองกระบี่ทั้งหลาย…สงครามมาถึงแล้ว’
สวี่ชิงเก็บกระบี่อาญาสิทธิ์ลงไปเงียบๆ ก้มหน้าจัดระเบียบถุงเก็บของ สัมผัสสภาวะของตัวเองเล็กน้อย ในดวงตาปรากฏความดุดัน เพียงไหววูบก็ทะลุออกมาจากผืนดิน ลอยขึ้นไปบนฟ้า
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง ท้องฟ้าไม่เหมือนกับเมื่อวาน จะเห็นบนท้องฟ้าทั้งผืนปกคลุมไปด้วยตาข่ายขนาดมหึมาผืนหนึ่ง
ตาข่ายนี้ทอแสงวาวแววเจิดจ้า ปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า ครอบคลุมพื้นที่สุดลูกหูลูกตา
พลังอำนาจกดดันเป็นระลอกๆ แผ่ออกมาจากตาข่ายผลึกแก้ว แทบจะในพริบตาที่สวี่ชิงปรากฏตัวขึ้น ตาข่ายบนท้องฟ้ากะพริบแสงเล็กน้อย คล้ายว่าบันทึกข้อมูลของเขา
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด เหาะเหินไปทางเมืองหลวงเขตปกครองอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางการระมัดระวังและเตรียมตัวป้องกันของเขามากขึ้นมาอีกหลายส่วน จวบจนเมื่อใกล้จะถึงเมืองหลวงเขตปกครอง เขาก็ได้รับเสียงสื่อเสียงจากข่งเสียงหลง
ในข้อความสื่อเสียงข่งเสียงหลงบอกสวี่ชิงว่า ความวุ่นวายในเมืองหลวงเขตปกครองภายใต้ความพยายามร่วมกันของเจ้าวังกรมทมิฬบนทั้งสามและปลัดเขตปกครองก็ควบคุมเอาไว้ได้เป็นการชั่วคราว ขณะเดียวกันเนื่องจากสงครามที่มาถึง เจ้าวังครองกระบี่ที่ดูแลเรื่องสงครามการต่อสู้จึงรักษาการณ์ตำแหน่งเจ้าเขตปกครอง ทำการปกครองดูแลเป็นการชั่วคราว
มีโองการสองฉบับประกาศออกมาในวันนี้
ฉบับแรกคือเรียกรวมผู้ครองกระบี่ให้กลับมา อีกฉบับคือปิดผนึกดินแดน อีกทั้งยังเปิดของวิเศษเวทต้องห้ามเมืองหลวงเขตปกครองทุกด้าน
ตาข่ายบนท้องฟ้าก็คือของวิเศษเวทต้องห้ามเมืองหลวงเขตปกครอง
สวี่ชิงเงยหน้ามองตาข่ายผลึกแก้ว เก็บกระบี่อาญาสิทธิ์เหยียบอากาศจากไปไกล ไม่นานนัก เมืองหลวงเขตปกครอง…ก็อยู่ข้างหน้า
ทั้งเมืองหลวงเขตปกครองหน้าตาเปลี่ยนไปจากตอนที่สวี่ชิงเดินทางเป็นอย่างมาก
เมืองที่ลอยอยู่กลางบนท้องฟ้าเกิดรอยแตกมากมาย ดูแล้วเป็นรูพรุน วังทมิฬบนทั้งสามที่อยู่รอบๆ ก็ต่างเสียหายยับเยินทั้งนั้น
สิ่งที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงที่สุดคือพื้นดิน
หลุมลึกที่เคยเป็นที่ตั้งของกรมราชทัณฑ์ ตอนนี้ถล่มยุบลงไป ปากหลุมมีเศษหินมากมายปิดเอาไว้
รอบแยกขนาดมหึมาแต่ละทางๆ มีตรงนั้นเป็นใจกลาง แผ่ออกไปรอบๆ น่าหวาดกลัว
กรมราชทัณฑ์ทั้งกรมหายไปไม่มีอีกแล้ว
นอกจากนี้ ผู้ครองกระบี่ที่มากกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าและผู้บำเพ็ญลาดตระเวนของเมืองหลวงเขตปกครองต่างป้องกันอยู่รอบๆ อย่างเข้มงวด แต่ละคนในสีหน้าที่โศกเศร้าโกรธแค้นแฝงไว้ด้วยจิตสังหาร
นอกจากนั้นก็เป็นไอพลังประหลาดและระลอกคลื่นพลังเวทที่หลงเหลือยังไม่สลายไปโดยสมบูรณ์ ทำให้หลายๆ ที่ดูแล้วบิดเบี้ยวรางเลือน
สวี่ชิงในใจหนักอึ้ง ในเสี้ยวพริบตาที่เข้าไปใกล้ ผู้ครองกระบี่ที่ลาดตระเวนอยู่จำนวนไม่น้อยต่างมุ่งหน้ามาอย่างระแวงระวัง ยิ่งมีจิตเทพจำนนวนหนึ่งปกคลุมมารอบๆ หลังจากรู้ถึงฐานะของสวี่ชิงถึงได้สลายไปช้าๆ
สวี่ชิงเงียบนิ่ง เดินไปยังกรมราชทัณฑ์
ที่ปากหลุมที่ถูกปิด พลทหารกรมราชทัณฑ์บางคนกำลังใช้เวท ทำให้ตรงนั้นเกิดเป็นทางแคบๆ ทางหนึ่ง หลังจากสัมผัสได้ว่าสวี่ชิงมาถึง พลทหารเหล่านี้ก็ต่างหันหน้ามา
ไม่มีใครพูดอะไร สีหน้าของพวกเขาฉายความเย็นเยือก เหมือนอสูรร้ายโหดเหี้ยม มองพวกเดียวกันเดินมา
สวี่ชิงเดินไปอย่างเงียบๆ มองรอยแยกที่ถูกสร้างขึ้น ก้าวเข้าไปในนั้น เดินไปตามทางเข้าไปในจุดลึก ห้องขังแต่ละห้องที่เดิมอยู่รอบๆ ตอนนี้พังถล่ม
มองภาพเหล่านี้ ในดวงตาสวี่ชิงฉายแววเย็นยะเยือก จวบจนกระทั่งเดินมาถึงห้องขังที่เคยเป็นที่ตั้งของเขตติงหนึ่งสามสอง
ประตูใหญ่ของเขตติงหนึ่งสามสองแหลกละเอียด พื้นที่ในนั้นครึ่งหนึ่งถูกหินก้อนมหึมาบดขยี้ ห้องขังที่หลงเหลือต่างพังเละ นักโทษในนั้นหายไปหมด
ที่หายไปด้วยยังมีเด็กชายตัวน้อย
เขาไม่อยู่แล้ว
สวี่ชิงเงียบนิ่ง เดินไปยังมุมหนึ่ง ที่ตรงนั้นเขาเห็นภูเขาลูกเล็กๆ ที่กองรวมจากเศษแผ่นไม้ไผ่กองหนึ่ง
ในแผ่นไม้ไผ่ทุกแผ่นล้วนบันทึกเนื้อหาที่คล้ายๆ กันเอาไว้
หลังจากนั้นครู่หนึ่งสวี่ชิงก็จากไป นำเศษแผ่นไม้ไผ่พวกนั้นไปด้วย ไปยังชั้นที่เคยเป็นชั้นที่แปดสิบเก้า
ในเขตปิ่ง สวี่ชิงมองภาพวาดฝาผนังที่แหลกละเอียกรอบๆ โลกใบเล็ก…พังถล่มแล้ว
“เจ้ามาแล้ว”
เสียงแหบแห้งดังมาจากข้างๆ เศษหินที่แตกทลายจากที่ไกล
ในความสลัวรางเลือน มือผีที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผลนั่งอยู่ตรงนั้น รอบๆ มีกาเหล้ากระจัดกระจาย ในมือของเขายังถือไว้อีกหนึ่งกา ตอนนี้มองสวี่ชิงพลางหัวเราะอย่างเศร้าสร้อย
“หนีไปหมดแล้ว หนีไปเกลี้ยงเลย
สวี่ชิงเดินไป มองมือผีที่บาดแผลสาหัสฉกรรจ์นัก กระทั่งรากฐานพลังบำเพ็ญก็เกิดรอยแตกร้าว สัมผัสถึงความตายเข้มข้นที่ตลบอวลบนร่างของอีกฝ่าย สวี่ชิงหยิบยาลูกกลอนจำนวนหนึ่งออกมาเงียบๆ วางเอาไว้ข้างๆ
“ตาแก่ข้าคนนี้ยังตายไม่ได้ สวี่ชิง เจ้ามีเหล้าหรือไม่” มือผีโยนกาเหล้าเปล่าในมือไปบนพื้น เกิดเป็นเสียงเคร้งครั้งดังเป็นชุด
สวี่ชิงพยักหน้า หยิบกาเหล้าออกมาจากถุงเก็บของกาหนึ่งแล้วยื่นไป
มือผียกมือที่สั่นเทาขึ้นมา หลังจากรับมาก็ดื่มลงไปอึกใหญ่ จากนั้นก็ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง หลังจากที่สีหน้าเกิดรอยแดงที่ไม่ปกติ เขาก็หอบหายใจฮัก มองภาพวาดที่แหลกละเอียด พึมพำเสียงต่ำทุ้ม
“ข้าจะตายง่ายๆ ได้อย่างไร สวี่ชิงเจ้ารู้หรือไม่ ข้ามีกระบี่หนึ่ง หล่อเลี้ยงมาหลายร้อยปีเลย แต่ข้าก่อนหน้านี้ไม่เคยฟาดฟันมันออกมา…นักโทษที่หนีไปเยอะเหลือเกิน กระบี่นี้ของข้าฟันได้ทีเดียวเท่านั้น ข้าไม่อยากให้เสียเปล่าไปแบบนี้
“นี่เป็นกระบี่ที่ข้าเตรียมไว้เพื่อรักษาเขตปิ่ง ข้าจะเอาไว้ฟันบนตัวไอ้สัตว์เดรัจฉานที่ทำลายกรมราชทัณฑ์…
“ก่อนที่จะฟัน ข้าไม่มีทางตาย” มือผีพึมพำ น้ำเสียงมุ่งมั่น
สวี่ชิงเงียบนิ่ง ประสานหมัดโค้งคารวะ ไปจากที่นี่ขณะที่รู้สึกซับซ้อนในใจ
และในตอนนี้ ในแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่ห่างไกลไปจากเขตปกครองผนึกสมุทรไกลโพ้นมีพื้นที่ราบที่พิเศษมากแห่งหนึ่ง ที่นี่ไม่เป็นของเขตปกครองใดทั้งสิ้น ตั้งอยู่ใจกลางของแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์
ทอดสายตามองไป ที่นี่เป็นสีขาวไปหมด
ไม่ใช่หิมะปกคลุม แต่เป็นเม็ดทราย
ทุกเม็ดล้วนแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณเข้มข้น รอบๆ ที่ราบแห่งนี้ยิ่งมีรูปสลักมนุษย์นับไม่ถ้วนแผ่กลิ่นอายโบราณออกมา
พวกเขาคือกองทัพใต้บัญชาการต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่หักหลังเผ่ามนุษย์ในตอนนั้น
ตอนนี้วันเวลาหมุนไป ผู้บำเพ็ญทุกคนของกองทัพกลายเป็นรูปสลัก ยืนตระหง่านอยู่บนที่ราบสีขาวแห่งนี้ มองไปไกลๆ ตอนนี้ให้รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่เสียดสีอย่างหนึ่ง
และต้นกำเนิดความศักดิ์สิทธิ์มีเพียงศาลเจ้าสีขาวแห่งหนึ่งในที่ราบ
นี่คือศาลบรรพชนเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิบรรพชนของพวกเขาหลับใหล
ตอนนี้นอกศาล มีเงาร่างสูงใหญ่สี่ร่างกำลังคุกเข่าอยู่ตรงนั้นนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
ทั้งสี่ต่างสวมชุดจักรพรรดิ สวมหมวกจักรพรรดิ พวกเขาคือจักรพรรดิของสี่ราชวงศ์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง หนึ่งในนั้นจักรพรรดิสายลมสวรรค์คนนั้นก็อยู่ด้วย
“ท่านบรรพชน พวกเราดำเนินตามแผนการแล้วขอรับ” จักรพรรดิสายลมสวรรค์เอ่ยอย่างเคารพนอบน้อม
“ท่านบรรพชน กองทัพวิญญาณสีชาดเข้าไปในเขตปกครองผนึกสมุทรแล้ว นอกจากนี้เรื่องบุตรเทวะตอนนี้ก็สืบได้เบาะแสบางอย่างแล้ว ขอโปรดบัญชา” ข้างจักรพรรดิเทียนเฟิง จักรพรรดิหงหลิงเอ่ยเสียงต่ำทุ้มออกมา
ศาลเงียบสงัด นานหลังจากนั้น เสียงเก่าแก่ล้ำลึกเสียงหนึ่งก็เหมือนดังออกมาจากแม่น้ำกาลเวลาโบราณ ดังก้องมาในที่ราบสีขาว
“เรื่องบุตรเทวะวางไว้ก่อน ทุกอย่างเอาการใหญ่เป็นสำคัญ!”
“น้อมรับบัญชาจักรพรรดิบรรพชน!” นอกศาลเจ้า จักรพรรดิทั้งสี่ก้มศีรษะ โค้งคารวะอย่างเคารพนอบน้อม