ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2250 ออกไป
อย่างนี้นี่เอง
ฉู่หลิวเยว่จมอยู่ในห้วงความคิด
“ขอบคุณมาก”
คนผู้นั้นโบกมือ
“ไม่ต้องขอบคุณ! เรื่องนี้เรื่องเล็ก ไม่จำเป็นต้องพูดถึง!”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
ซั่งกวนจิ้งก็มองไปทางคนผู้นั้นด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
น่าแปลก
เหตุใดคนเหล่านี้ถึงปฏิบัติตัวกับพวกเขาดีเช่นนี้?
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพวกเขาไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจึงถูกคนที่อยู่ภายในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ดูถูกเป็นจำนวนไม่น้อย
“จะว่าไปแล้ว ข้าต่างหากที่ควรจะขอบคุณคุณหนูซั่งกวน!”
คนผู้นั้นยกนิ้วโป้งขึ้น แล้วพูดด้วยความชื่นชมยินดี
“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ตอนนี้พวกเรายังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพรอยู่เลย!”
ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้นี่เอง
ฉู่หลิวเยว่นึกถึงสิ่งที่หมิงซูพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ยอดเขาโอสถเปิด ผู้คนมากมายที่อยู่ภายในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกซาบซึ้งกับการกระทำของนางมาก
ตอนนั้นนางยังไม่คำนึงถึงเรื่องนี้เลย แต่ลองมาดูตอนนี้สิ…เหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ?
ข่งชิงหลินเก็บระฆังลูกนั้นลง เขาสะกิดปลายเท้า จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์
คนจำนวนไม่น้อยมองตามแผ่นหลังเขาไปจนลับสายตา
“องค์ไท่จู่ พวกเรากลับกันก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะหารือกับท่าน”
…
“อันใดนะ เจ้าต้องการจะออกจากพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์?”
ซั่งกวนจิ้งเพิ่งได้นั่งลง เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่หลิวเยว่นั้น เขาก็ต้องรู้สึกตกใจจนตัวแข็งค้าง
“ตอนนี้?”
“ถูกต้อง ข้าอยากจะกลับไปที่ท่าเรือดอกท้อ” ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ
“เหตุใดกันล่ะ?”
ซั่งกวนจิ้งคิดไม่ออก เขาเลือกสายตาไปมองทางถวนซิ่นจื่อที่เอวของฉู่หลิวเยว่อย่างไม่รู้ตัว
ลายสลักที่อยู่บนนั้นก็ยังชัดเจนเช่นเดิม ภายในระยะเวลาสั้นๆ เดิมทีนางไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่จะถูกไล่ออกจากพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์เลย
แต่นางกลับอยากออกจากที่นี่เองอย่างนั้นหรือ?
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มแล้วอธิบายว่า
“ที่ข้ากลับไปนั้น ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่กลับมาที่นี่ แต่เป้าหมายของข้าในครั้งนี้ นั่นคืออยากจะไปเชิญผู้อาวุโสถังเคอและท่านซูมาที่นี่”
ซั่งกวนจิ้งชะงักไปครู่หนึ่ง และเหมือนเขาจะเข้าใจอันใดบางอย่างขึ้นมา
“เป็นเพราะเรื่องช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์นั่นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
ช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์สามารถเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ ถ้าอย่างนั้นหากถังเคอและซูหลีเดินทางมาที่นี่ พวกเขาจะสามารถเข้าไปได้อย่างแน่นอน
ความจริงแล้วด้วยระดับของนางในตอนนี้ หลังจากนางเดินบนเส้นทางดวงดาวแล้ว และเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ไม่ใช่ปัญหา
แต่นางต้องใช้เวลาพอสมควร
ท้ายที่สุดแล้วค่ายกลบนเส้นทางดวงดาวก็มีจำนวนมากเกินไป
ถ้าสามารถเชิญถังเคอและซูหลีมาได้ อย่างนั้นพวกเขาก็จะสามารถเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้โดยตรง!
หลังจากที่ตู๋กูโม่เป่ายกเลิกพันธสัญญากับเกล็ดสีม่วงในครั้งที่แล้วแล้ว นางก็ไม่สามารถรับทราบข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับเขาได้เลย
นางกังวลว่าหากใช้เวลามากกว่านี้ สถานการณ์ของพวกเขาจะยิ่งย่ำแย่มากกว่าเดิม
ถ้าตอนนี้มีคนสามารถเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ก่อน พวกเขาก็อาจจะหาเบาะแสได้ง่ายยิ่งขึ้น
เรื่องนี้สำคัญอย่างมาก ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องใช้คนที่สามารถไว้ใจได้
ถ้าเช่นนั้นก็มีเพียงแค่สองคนนี้เท่านั้น
ซั่งกวนจิ้งรู้ว่าที่นางมาที่นี่เพื่อต้องการจะช่วยใครบางคน อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้อย่างมากว่า คนผู้นั้นน่าจะอยู่ภายในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์!
มิน่าล่ะนางถึงคิดแบบนี้ออกมาได้
“ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แน่นอนว่านี่จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แต่…ข้าก็ไม่รู้ว่า พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์นั้นอนุญาตให้คนเข้าออกหรือไม่?”
ซั่งกวนจิ้งกังวลเรื่องนี้เป็นที่สุด
หลังจากฉู่หลิวเยว่ออกไปแล้ว เขาไม่อนุญาตให้นางกลับเข้ามาล่ะจะทำอย่างใด?
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้กังวลเรื่องนี้
“ประตูสวรรค์ของพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์เปิดแล้ว เดิมทีจุดประสงค์ของมันก็คือเชื้อเชิญให้ผู้แข็งแกร่งระดับสูงมาที่นี่ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสถังเคอหรือว่าท่านซูก็ล้วนมีคุณสมบัติมาที่นี่ พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางปล่อยพวกเขาเอาไว้ด้านนอกแน่นอน ส่วนข้านั้น…ข้าจำเป็นต้องช่วยร้านเจินเป่าเก๋อคัดลอกค่ายกลอยู่”
ดวงตาของซั่งกวนจิ้งเปล่งประกาย
“จริงด้วย! ข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย!”
ภาพทมิฬสิ้นอัคคียังไม่ได้คัดลอก ร้านเจินเป่าเก๋อไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่นอน
ถ้าเสินสื่อลำดับที่เจ็ดไม่อนุญาตให้นางกลับมา ร้านเจินเป่าเก๋อต้องออกหน้าให้นางแน่นอน
“ร้านเจินเป่าเก๋อจะต้องปกป้องเจ้าอยู่แล้ว แต่ว่า…ด้วยภูมิหลังของพวกเขา เขาจะกล้าล่วงเกินเสินสื่อแบบนั้นหรือ?”
“ตอนที่ข้าไม่อยู่ เรื่องของน้องแปดและคนอื่นๆ ต้องมอบให้ท่านแล้ว”
ซั่งกวนจิ้งหัวเราะเสียงดัง
“ลูกน้องของเจ้าเหล่านั้น แต่ละคนล้วนมีความยอดเยี่ยมมาก ข้าไม่จำเป็นจะต้องดูแลหรอก”
ไม่ต้องพูดถึงเฉินอีและซื่อจิงเลย แม้กระทั่งเชียงหว่านโจวก็ยังทะลวงด่านสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว
สำหรับหัวซวงซวงและน้องแปด แม้จะไม่ได้อยู่ในระดับสุดยอดของการต่อสู้ แต่ก็ไม่ได้แย่
โดยสรุปแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับคนเหล่านั้นเลย
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็เม้มริมฝีปาก
“ท่านเป็นผู้อาวุโส เมื่อมีท่านอยู่จะได้คอยควบคุมพวกเขาได้”
ซั่งกวนจิ้งลูบเคราของตัวเองอย่างทอดถอนหายใจ
“เฮ้อ นังหนู ตอนที่คัดเลือกสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ในตอนแรกนั้น เจ้าคัดเลือกกันอย่างใด? ความสามารถในการต่อสู้ก็ไม่เป็นรอง อีกทั้งไม่มีใครแพ้ใคร แม้กระทั่งเจ้าเด็กเล็กสิบสาม แม้เขาอายุยังน้อย แต่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ ข้าจำได้ว่าตอนนั้น เจ้าสำนักหนานก็ยังเห็นถึงความสามารถของเขา อีกทั้งยังเชิญให้เขาเข้าร่วมสำนักหลิงเซียวด้วย”
มีเพียงแต่คำว่า “อัจฉริยะ” เท่านั้นถึงจะสามารถบรรยายเขาได้
ท้ายที่สุดแล้ว สิบสามผู้พิทักษ์เยว่ก็เป็นกลุ่มคนที่โดดเด่นมาก
ยากมากที่จะมีคนเช่นนี้อยู่ใต้ปกครอง
แต่นางกลับมีเป็นสิบคน!
อีกทั้งยังจงรักภักดีต่อนางเป็นอย่างมาก หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาก็ยังติดตามนางอยู่ตลอด
แม้กระทั่งซั่งกวนจิ้งยังรู้สึกประหลาดใจทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย
“ความจริงแล้ว…เรื่องนี้มันก็ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น ตอนที่ข้าคัดเลือกพวกเขานั้น ข้าไม่ได้นึกถึงวันนี้เลย”
นางไม่ได้คัดเลือกสิบสามผู้พิทักษ์เยว่พร้อมกันในวันเดียว แต่คัดเลือกพวกเขาทีละคนภายในระยะเวลาสิบปี
แต่นางรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ ดังนั้นจึงพากลับมาด้วย
เมื่อคิดดูแล้ว การที่มีวันนี้ได้นับว่านางโชคดีมากทีเดียว
“จริงสิ หรงซิวกลับพระราชวังเมฆาสวรรค์ไปแล้วหรือ?”
“อื้อ”
“ถ้าเจ้ากลับไปในครั้งนี้ก็ถือโอกาสถามเขาด้วยเลยสิว่าเขาจะมาด้วยกันหรือไม่ อย่างน้อยเขาก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ด้วยพรสวรรค์ของเขา การที่ก้าวขึ้นฟ้าทลายเซียนนั้นน่าจะไม่ใช่ปัญหา”
ซั่งกวนจิ้งพูดกำชับ
ท้ายที่สุดแล้วหรงซิวก็เป็นทายาทจากพระราชวังเมฆาสวรรค์ ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นห่วงเกี่ยวกับตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ข้าก็คิดเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน”
…
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็มอบหมายงานให้กับเฉินอีและคนอื่นๆ ก่อนจากไปอย่างไม่ลังเล
เดิมทีเฉินอีอยากจะเดินทางไปด้วย แต่ก็ถูกฉู่หลิวเยว่ปฏิเสธ
เรื่องเช่นนี้มันค่อนข้างเสี่ยง ดังนั้นหากนำคนไปมากก็จะเพิ่มปัญหาได้
นางจึงมุ่งสู่ประตูสวรรค์ทั้งอย่างนั้น
ตอนที่เดินทางมาถึงประตูสวรรค์ ที่แห่งนั้นไม่มีใครอยู่เลย
นางไม่ชะงักฝีเท้า และเดินตรงออกไปด้านนอก
แต่นางยังไม่ทันได้ก้าวเดินออกไป ม่านพลังหนึ่งก็ปรากฏขึ้นขวางทางนางเอาไว้!
ในขณะเดียวกัน เสียงทุ้มต่ำหนึ่งก็ดังขึ้น
“เจ้าจะไปที่ใด?”