ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2251 ใต้ท้องทะเลลึก
ฉู่หลิวเยว่หันกลับมามอง ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน เงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้น ซึ่งคนผู้นั้นคือ จิ้นอวิ๋นไหล่
ความเร็วของเขาสูงมาก
ฉู่หลิวเยว่คิดในใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มบางๆ
“ก็อย่างที่ท่านเห็น ข้ากำลังจะออกไป”
ในแววตาของจิ้นอวิ๋นไหล่มีความสงสัยอยู่หลายส่วน
“เจ้ากำลังจะออกจากพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์? แค่เจ้าคนเดียว?”
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว ดังนั้นจึงอธิบายว่า
“ไม่ใช่ ข้าเพียงแค่จะกลับไปที่ท่าเรือดอกท้อเพื่อไปรับคน แล้วจะรีบกลับมา”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าฉู่หลิวเยว่กำลังพูดอันใดอยู่
ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำขึ้นมาทันที
“เจ้าพูดว่าอันใดนะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ท่านวางใจเถอะ คนที่ข้าจะไปเชิญมาในครั้งนี้คือ ช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ คนนั้นมีคุณสมบัติในการเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์แน่นอน”
ไม่ใช่แค่พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ แม้กระทั่งตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
แต่เมื่อจิ้นอวิ๋นไหล่ได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกยิ่งโมโหมากยิ่งขึ้น
ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ใด?
นางทำตามใจตัวเองเกินไปหรือไม่?
จิ้นอวิ๋นไหล่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เจ้าเห็นพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่แบบใด? เจ้ากล้าที่จะเดินออกไปโดยไม่บอกใคร อีกทั้งยังจะเชิญคนกลับมาด้วย? ซั่งกวนเยว่ เจ้าคิดว่าที่นี่คือบ้านของเจ้าหรืออย่างใด!”
ในขณะเดียวกัน แรงกดดันบนร่างกายของเขานั้นก็เพิ่มสูงขึ้น หากฉู่หลิวเยว่ไม่ให้คำตอบที่เขาพอใจ เขาจะต้องลงมือกับนางแน่นอน
ฉู่หลิวเยว่มีสีหน้าจริงจังมากขึ้น
“แน่นอนว่าข้ารู้ว่า พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสถานที่แบบใด ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ข้าเดินทางมาในครั้งนี้อย่างใด!”
“เสินสื่อลำดับที่เจ็ด สิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่นี้ยังชัดเจนไม่พอหรือ? ที่ข้าจะไปเชิญในครั้งนี้คือช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ หรือว่าคนระดับนี้ก็ไม่มีสิทธิ์? ก่อนหน้านี้ท่านยังบอกว่า ประตูสวรรค์ของพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์เปิดเพื่อดึงดูดผู้บำเพ็ญเพียรระดับสุดยอดของโลกให้มาที่นี่ไม่ใช่หรือ?”
จิ้นอวิ๋นไหล่โมโหจนเกือบจะระเบิดตายแล้ว
แม่นางคนนี้เจ้าเล่ห์มาก นางยังสามารถหลีกเลี่ยงประเด็นหนักเป็นเบาได้เป็นอย่างดี!
“แน่นอนว่าช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ย่อมมีสิทธิ์มาที่นี่ แต่ซั่งกวนเยว่ นี่ใช่เรื่องที่เจ้าจะมากังวลใจหรือไม่? เจ้า…”
“แน่นอนสิ”
ฉู่หลิวเยว่พูดขัดจังหวะขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ข้าคือผู้ช่วยชีวิตของพวกเขาอย่างใดเล่า”
หากพูดให้ถูกต้องก็คือ นางช่วยเหลือเพียงซูหลี
แต่ว่า…ซูหลีก็คือชีวิตของถังเคอ สำหรับพวกเขาแล้ว นางก็ได้ช่วยพวกเขาเอาไว้ในระดับหนึ่ง
จิ้นอวิ๋นไหล่สำลัก
“ข้าขอพูดอย่างไม่ปิดบังที่พวกเขาไม่ได้มาพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ เพราะต้องช่วยเหลือข้าปกป้องคุ้มกันท่าเรือดอกท้อ หากข้าไม่ไปเชิญเขาด้วยตนเอง เกรงว่าทั้งสองคนนั้นก็คงจะไม่มา”
“เสินสื่อลำดับที่เจ็ด แบบนี้ ท่านยังจะขวางข้าอยู่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่พูดเหตุผลด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ อ่อนโยน ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม
แต่คำพูดทุกคำเหมือนมีหนามทิ่มแทงหัวใจ และทำให้จิ้นอวิ๋นไหล่รู้สึกเจ็บใจมาก
ฉู่หลิวเยว่เหมือนนึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้
“จะไม่มีครั้งหน้าอีก!”
นั่นถือว่าเขาเห็นด้วยแล้ว
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมาในทันที
“ข้าคิดอยู่แล้วว่าเสินสื่อลำดับที่เจ็ดคงไม่หัวโบราณขนาดนั้น ถ้าเช่นนั้น ตอนที่ข้ากลับมา รบกวนเสินสื่อลำดับที่เจ็ดช่วยเปิดประตูสวรรค์ให้ข้าที”
จิ้นอวิ๋นไหล่สะบัดแขนเสื้อ แล้วหมุนตัวเดินออกไปในทันที!
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาหวาดกลัวร้านเจินเป่าเก๋อที่เป็นเบื้องหลังของนาง เขาไม่มีทางปล่อยให้นางออกไปได้ง่ายๆ แบบนี้แน่นอน
หลายปีที่ผ่านมานี้แทบจะไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ภายในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์เลย
แม่นางคนนี้…ช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก แต่นางก็อยู่ในตำแหน่งที่สูงสุดมาโดยตลอด จนแทบจะทำให้ผู้คนอึดอัดตาย
หลังจากจัดการจิ้นอวิ๋นไหล่แล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็มองไปที่ม่านพลังนั้นอีกครั้ง
พรึ่บ…
ม่านพลังนั้นสลายไปในทันที!
นางเคลื่อนไหวร่างกาย จากนั้นก็สาวเท้าออกจากประตูสวรรค์ทันที!
…
เมื่อนางเดินมาที่สะพานเงินอีกครั้ง ทุกสิ่งรอบกายก็เหมือนกับตอนที่นางเพิ่งมาถึงไม่มีผิด
ทะเลสีครามดำด้านล่างมีคลื่นซัดสาด ลึกลับยากเกินจะหยั่งถึง พลังมหาศาล
นางเดินลงไปที่สะพานสีเงิน
ตอนนี้นางยืนอยู่บนสะพานเพียงคนเดียว
อีกด้านหนึ่งของชายฝั่งทะเล สามารถมองเห็นเงาร่างหลายคนยืนอยู่
หลังจากประตูสวรรค์เปิดแล้ว ผู้บำเพ็ญเพียรภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ก็หลั่งไหลมาที่นี่อย่างต่อเนื่อง
เพียงแต่ว่า คนที่เดินทางมาสำเร็จมีจำนวนน้อยมาก
ผู้คนเกิดความโกลาหลสับสนมากยิ่งขึ้น
“มีคนเดินออกมาจากประตูสวรรค์!”
“เหมือนว่าคนคนนั้นจะเป็นแม่นางนะ?”
“เงาร่างแบบนี้…ช่างคุ้นตายิ่งนัก?”
“เจ้าพูดจาไร้สาระอันใดกัน?”
“ไม่ได้ไร้สาระนะ! จริงๆ! เจ้าดูสิ! เหมือนว่าเป็นนายท่านเยว่แห่งท่าเรือดอกท้อเลย!”
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นก็เป็นการดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก
ทุกคนหันกลับไปมองทางฉู่หลิวเยว่
หลังจากมองอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาก็ค่อยๆ เงียบเสียงลง และมองหน้ากันอย่างไม่พูดไม่จา
เหมือนว่า…จะเป็นนางจริงๆ?
ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ฉู่หลิวเยว่ชื่อเสียงโด่งดัง คนที่เคยเห็นหน้านางก็มีเป็นจำนวนไม่น้อย ดังนั้นจึงมีคนจำนางได้ในทันที
“ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่า นายท่านเยว่ได้เดินทางมาที่นี่จริงๆ น่าจะเป็นนางไม่ผิดแน่”
“แต่เหตุใดนางถึงออกมาล่ะ?”
“ข้าได้ยินมาว่า พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์มีกฎเคร่งครัด เมื่อถึงเวลาแล้วจะมีคนถูกคัดออก หรือว่านางจะ…”
“ไม่ใช่ละมั้ง? นางคือ ซั่งกวนเยว่ คนที่สามารถยึดครองท่าเรือดอกท้อมาได้นะ! ถ้าแม้กระทั่งนางยังไม่มีคุณสมบัติ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องคิดแล้ว?”
ทุกคน “…”
แม้คำพูดนี้จะไม่น่าฟัง แต่เหมือนว่ามันก็มีเหตุผล
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามอง นางไม่เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยภายในกลุ่มคน ดังนั้นจึงรีบถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นระลอกคลื่นเล็กๆ ก็แผ่กระจายออกมาจากด้านล่าง
นางชะงักฝีเท้า จากนั้นก็ก้มหน้ามอง
ลมปราณอันคุ้นเคยแผ่กระจายออกมา
หลังจากนั้นเสียงครวญครางจากความเศร้าและเจ็บปวดก็ดังกระทบโสตประสาทของนางเป็นระยะ
เสียงนั้นเหมือนดังมาจากก้นบึ้งของมหาสมุทร ฟังดูแล้วดูห่างไกลและไร้ตัวตน
แต่อย่างใดก็ตาม ความผันผวนทั้งหมดก็สงบลงภายในชั่วพริบตา และเสียงนั้นก็จางหายไปทันที
เหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นไม่เป็นระส่ำ เส้นชีพจรเย็นยะเยือก กลางฝ่ามือมีเหงื่อไหลออกมาตลอดเวลา
เส้นชีพจรตรงขมับเต้น “ตุ๊บๆ ” สมองของนางเหมือนมีอันใดบางอย่างมาบีบรัดจนแน่น!
เสียงนั้น…คือผู้อาวุโสลำดับห้า!
นางได้ยินไม่ผิดแน่!
ฉู่หลิวเยว่กลั้นลมหายใจ ตาทั้งสองข้างจ้องเขม็ง นางพยายามจะค้นหาเบาะแสเพิ่มเติม
แต่เหมือนว่าจะไม่มีอันใดเลย
เหมือนว่าลมปราณและเสียงก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา
แต่นางรู้ว่า…ไม่ใช่อย่างแน่นอน!
บางทีผู้อาวุโสลำดับห้า…อาจจะถูกขังอยู่ใต้ก้นทะเลลึก!
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ที่เดิมสักครู่หนึ่ง
ลมทะเลพัดผ่าน คลื่นทะเลสาดซัด
แต่นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้วก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอย่างอื่นเลย
นางเม้มริมฝีปากแล้วเดินต่อไปทางด้านล่าง
………………..