ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2274 ข้าจะตายให้เจ้าดู!
ตอนที่ 2274 ข้าจะตายให้เจ้าดู!
………………..
หลังจากอวี้เชียนพูดจบ เขาก็รอคอยอย่างสงบ
เขามีท่าทางพอใจกับเงื่อนไขที่ตนเองเสนอมาก
ขอเพียงแค่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขามีสมอง นางก็จะไม่มีทางปฏิเสธเงื่อนไขนี้แน่นอน
วันนี้เขาจะต้องสามารถ…จัดการเรื่องนี้ได้แน่!
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ แล้วถามขึ้นเสียงเบา
“เสินสื่อลำดับที่สอง จริงอยู่ที่ข้ากับมู่หยาเฟิงมีเรื่องไม่พอใจกันอยู่บ้าง แต่ข้าไม่ฆ่านางเพราะเรื่องแค่นี้แน่นอน ไปกว่านั้น เสินสื่อลำดับที่เจ็ดก็ให้ความสำคัญกับนางมาก…”
“แล้วอย่างไรเล่า?”
อวี้เชียนพูดแทรกคำพูดของนาง สีหน้าของเขาดูเมินเฉยไม่ใส่ใจ
“พรสวรรค์ของนางไม่สามารถเทียบเท่าเจ้าได้เลย ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียว คือนางมีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์แต่เจ้าไม่มี อีกทั้งตอนนี้เจ้ามี…เมื่อครู่นี้เจ้าเรียกมันว่าอันใดนะ? ถวนจื่อสินะ? หากเปรียบเทียบกับถวนจื่อแล้ว นางนับว่าเป็นตัวอันใดกัน?”
ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง
ภายในใจของฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยระลอกคลื่น
ในสายตาของทุกคน มู่หยาเฟิงเป็นคนที่เสินสื่อลำดับที่เจ็ดตั้งความหวังเอาไว้มาก เรียกได้ว่าอนาคตสดใสเลยทีเดียว
แม้กระทั่งตัวนางเอง นางก็ยังคิดเช่นนั้น ดังนั้นนางจึงปฏิบัติกับคนอื่นด้วยความเย่อหยิ่งสูงส่ง
แต่ความจริงแล้วในสายตาของเสินสื่อลำดับที่สอง นางไม่ใช่สิ่งใดเลย
ชีวิตหนึ่ง หากพูดว่าต้องการก็จะคว้ามา
ตอนนี้มู่หยาเฟิงคงคิดไม่ถึงว่า ชีวิตของตนเองขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนอื่น?
และนี่คือสิ่งที่…เสินสื่อลำดับที่สองสามารถทำได้จริงๆ
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ยังคงไม่พูดคำตอบออกมา ดวงตาของอวี้เชียนก็หรี่ลงอย่างอันตราย
“ถวนจื่อมีสายเลือดบริสุทธิ์ อนาคตมันสามารถเปิดเส้นชีพจรได้ทั้งเก้าสายแน่นอน แต่ถ้าพวกเจ้ายังทำพันธสัญญากันอยู่ และเนื่องจากเจ้าไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ มันจะไม่มีทางไปถึงวันนั้นแน่นอน”
“หากเจ้าตอบตกลง เจ้าจะแข็งแกร่งจนทลายเทพได้ ถวนจื่อก็เช่นเดียวกัน”
ไม่ว่าจะมองอย่างไรสำหรับนางแล้วนี่ก็มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ
หากถวนจื่อติดตามนาง ถวนจื่อไม่สามารถกระตุ้นพลังแห่งสายเลือดได้อย่างเต็มที่แน่นอน มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
อวี้เชียนถอนหายใจเบาๆ
“มันเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของเจ้า ความเป็นความตายขึ้นอยู่กับเจ้า แต่ข้าขอพูดความจริงว่า ใช่ว่าข้าจะไม่มีหนทางยกเลิกพันธสัญญาของพวกเจ้าทั้งสองคน เพียงแต่มันจะไปทำลายสายเลือดของถวนจื่อ นั่นจึงเป็นเรื่องที่ข้าไม่อยากจะทำ ดังนั้นเรื่องนี้ให้เจ้าเป็นคนจัดการจะดีที่สุด”
เขามีความอดทนมาก โดยเฉพาะเรื่องที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เขาใส่ใจลงไปมากเลยทีเดียว
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป
ลำแสงหนึ่งพุ่งผ่านศีรษะของนางไปด้วยความรวดเร็ว
จากนั้นนางก็ลองถามหยั่งเชิงว่า
“เสินสื่อลำดับที่สองหมายความว่า…หากข้าเลือกที่จะฆ่าตัวตาย ท่านก็สามารถเก็บตัวถวนจื่อเอาไว้ได้ใช่หรือไม่?”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่มั่นใจในตัวเอง!
ภายใต้พันธสัญญาเช่นนี้ สัตว์อสูรในพันธสัญญาจะมีชีวิตขึ้นอยู่กับความเป็นความตายของเจ้านาย
เจ้านายอยู่ สัตว์อสูรในพันธสัญญาอาจจะไม่รอด
หากเจ้านายตาย สัตว์อสูรในพันธสัญญาจะต้องตายอย่างแน่นอน!
ภายในใจของอวี้เชียนมีความหวาดกลัว ดังนั้นเขาจึงเกรงใจนาง และพยายามพูดโน้มน้าวนางด้วย
เขามาที่นี่เพื่อสายเลือดบริสุทธิ์ของถวนจื่อ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเห็นถวนจื่อได้รับความเสียหาย
แต่เขาไม่รู้เลยว่า พันธสัญญาของนางกับถวนจื่อได้เปลี่ยนเป็นพันธสัญญาร่วมชีวิตตั้งนานแล้ว!
นางได้ยินเสียงเลือดไหลที่ข้างใบหู
เหมือนว่า…ก่อนหน้านี้ที่เผชิญหน้ากับความตาย นางได้พบหนทางแก้ไขแล้ว!
หลังจากผ่านไปสักพัก นางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หันไปมองทางอวี้เชียน
“หากข้ายกเลิกพันธสัญญากับถวนจื่อแล้ว เสินสื่อลำดับที่สองสามารถรับประกันได้หรือไม่ว่า ท่านจะไม่ทำร้ายถวนจื่อ?”
อวี้เชียนหัวเราะขึ้นมา
“แน่นอนอยู่แล้ว”
นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการเลยล่ะ
สายเลือดบริสุทธิ์เช่นนี้หาได้ยากนัก หากเขาดูแลไม่ดีก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะดูแลได้เลย
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย เหมือนกำลังลังเลอยู่
อวี้เชียน ไม่รีบร้อน เขาทำเพียงแค่รอ
ท่ามกลางสายลมพัดโชยยังคงมีกลิ่นเผาไหม้เจือจางอยู่
ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็พยักหน้า แล้วพูดว่า
“ได้ ข้าจะยกเลิกพันธสัญญากับถวนจื่อ แต่…ข้ามีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อ”
ในที่สุดเมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการ อวี้เชียนก็อารมณ์ดีมาก
“พูดมา”
ฉู่หลิวเยว่ตอบ
“ข้าต้องการมาเยี่ยมถวนจื่อที่ภูเขาเฟิ่งหมิงทุกเมื่อทุกเวลา”
อวี้เชียนชะงักไป เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า นางจะยื่นข้อเสนอเช่นนี้
“ไม่ได้”
ภูเขาเฟิ่งหมิงเป็นสถานที่ต้องห้าม ไม่สามารถให้ผู้คนเข้าออกได้ตามใจชอบ
ฉู่หลิวเยว่ยืนหยัดในความคิดของตัวเอง ดวงตาที่เปล่งประกายมองตรงไปทางอวี้เชียน
“ถ้าเสินสื่อลำดับที่สองตอบรับไม่ได้ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันอีกต่อไปแล้ว”
อวี้เชียนมีสีหน้าเย็นชาขึ้น
“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าหรือ?”
“ไม่กล้า ข้าเป็นเพียงแค่มนุษย์ตัวเล็กๆ จะกล้าข่มขู่เสินสื่อลำดับที่สองได้อย่างไร? เพียงแต่ถวนจื่อติดตามข้ามาหลายปี นางเป็นเหมือนญาติของข้าคนหนึ่ง ไม่สามารถแยกจากกันได้ ก่อนหน้านี้เสินสื่อลำดับที่สองพูดว่า หากทำเช่นนี้ก็จะเป็นผลดีต่อถวนจื่อเหมือนกัน ข้าถึงได้ตอบตกลง แต่ถ้าเลือกเช่นนี้แล้ว แต่กลับไม่สามารถเจอหน้าถวนจื่อได้อีกเลย ข้าก็จะไม่มีทางตอบตกลงเด็ดขาด”
มุมปากของนางยกโค้งขึ้นเล็กน้อย แววตามีประกายเย็นชา
“เสินสื่อลำดับที่สองได้โปรดคิดให้รอบคอบ”
สายตาของอวี้เชียนเย็นชาและลึกขึ้น จิตสังหารเปล่งประกาย คล้ายมีคล้ายไม่มี
เขาอยู่ในตำแหน่งเสินสื่อลำดับที่สองมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่กล้ามีคนมาเป็นปรปักษ์กับเขาเช่นนี้!
และคนนั้นก็เป็นเพียงแค่คนชั้นต่ำที่ไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน บรรยากาศตึงเครียด คล้ายกำลังจะระเบิด!
แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ เสียงร้องไห้หนึ่งก็ดังจ้าขึ้น
“ฮือ! อาเยว่! ข้าจะอยู่กับอาเยว่!”
อวี้เชียนชะงักไป วินาทีต่อมา เขาก็เห็นว่าตรงหน้ามีแสงสีทองคำชาดปรากฏขึ้น ภายในอ้อมกอดของฉู่หลิวเยว่ มีเด็กสาวคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ดูไปแล้วเด็กคนนั้นเพิ่งจะอายุสามสี่ขวบเท่านั้น นางสวมกระโปรงใบบัวสีทองคำชาด บนศีรษะมีมวยผมสองก้อน และมีกระดิ่งสีทองคาดเอาไว้อยู่
แขนของนางทั้งสองข้างกอดคอของฉู่หลิวเยว่เอาไว้จนแน่น นางสบศีรษะลงกับไหล่ แล้วส่ายหน้าอย่างสุดชีวิต
“ไม่เอาๆ ฮือ! อาเยว่เคยบอกแล้วว่าเจ้าจะอยู่กับข้านี่นา! ฮือ!”
ฉู่หลิวเยว่ตบไหล่ของถวนจื่อเบาๆ
“ถวนจื่อวางใจเถอะ อาเยว่พูดจริงทำจริง ข้าไม่มีทางทิ้งให้ถวนจื่ออยู่ที่นี่แล้วตัวเองหนีเอาตัวรอดแน่นอน”
ถวนจื่อร้องไห้งอแง นางรู้สึกเสียใจมาก
ทันใดนั้นนางก็หันมามองด้วยดวงตากลมโตสีแดง นางจ้องอวี้เชียนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“เจ้าเองสินะ? เจ้านั่นเอง! เจ้ามันเป็นคนเลว! ถ้ากล้าแยกข้ากับอาเยว่ ข้าก็จะตายให้เจ้าดู!”
………………..