ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 483 ทำอย่างไรให้รู้สึกดี
“เบา…เบาหน่อย!”
ภูตหญิงครางกระเส่า ท่อนแขนที่ขาวผุดผ่องเป็นยองใยกอดอก หลับตาปี๋ราวกับกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดอันรุนแรง
“ทนหน่อย พลังคำสาปนั่นแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าจำต้องเพิ่มพลังเพลิงอีก!” อันหลินสัมผัสได้ว่าพลังที่น่ารังเกียจนั่นกำลังมุดหนีและแผ่ซ่านภายในร่างกายของภูตหญิง ถึงขั้นว่ามีพลั งที่แทรกแซงดวงจิตคิดจะแฝงจิตวิญญาณ
“สัตว์นรก! รีบปล่อยตัวปราชญ์หญิงนะ!”
แมนเดลกับแฮร์ริสไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างอันหลินกับภูตหญิง แต่กลับเห็นใบหน้าที่ทรมานของภูตหญิง จึงนึกว่าอันหลินจะกระทำเรื่องเลวทรามอันใด จึงพยายามเหาะไปหาอันหลินสุดชีว วิต
“อย่ามากวนข้า” แหวนมิติของอันหลินสว่างวาบ ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ปรากฏกายบนพสุธา
แมนเดลกับแฮร์ริสลมหายใจชะงักไปเมื่อเห็นหุ่นยนต์สีเงินขนาดใหญ่โผล่มากะทันหัน
จากนั้นพวกเขาก็เห็นฝ่ามือมหึมาแหวกอากาศมา
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
ผู้แข็งแกร่งขั้นปราชญ์สองคนถูกการโจมตีที่มาโดยไม่ได้ตั้งตัวกระแทกเข้าอย่างจัง ตกลงสู่พื้นปานขีปนาวุธอีกครั้ง
เพลิงเทวะของอันหลินขจัดคำสาปจนถึงจุดที่สำคัญ เขาบีบพลังคำสาปดั้งเดิมไปจนถึงมุมหนึ่งของร่างกายภูตหญิงแล้ว หากขจัดคำสาปจากภายในอาจทำให้ร่างกายของนางบาดเจ็บสาหัส วิธีที่ ดีที่สุดคือบีบมันออกนอกกายแล้วทำการกำจัด
“ภูตน้อยรีบอ้าปากเร็ว!” อันหลินโพล่งขึ้นมา
ภูตหญิงได้ฟังก็ลืมตาที่มีหยาดน้ำคลอหน่วยขึ้น ดวงตาของนางกลายเป็นสีมรกตที่สุกใสอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเพลิงเทวะได้ผลดีชะงัด
“รีบอ้าปากสิ ข้าจะขับคำสาปดั้งเดิมออกจากปากของเจ้า!” อันหลินออกปากสั่งอีกครั้ง
ใบหน้าขาวเนียนของภูตหญิงแดงเรื่อ อ้าปากจิ้มลิ้มด้วยความเขินอาย ใต้ฟันขาวสะอาดแวววาวเป็นลิ้นที่อ่อนนุ่ม
อันหลินเพ่งสายตา ปลายนิ้วกระตุ้นเพลิงเทวะสุดกำลัง พลังเพลิงถาโถมมาจากทุกสารทิศ บีบต้นตอคำสาปไปยังปากของภูตหญิง
บางทีอาจเป็นเพราะสัญชาติญาณความอยู่รอดของต้นตอคำสาป มันเริ่มมุดออกจากปากของภูตหญิง กิ่งก่าหมอกควันสีดำสนิทปรากฏกลางอากาศ อุณหภูมิรอบกายลดฮวบลงมา
ตอนนี้มันต้องการร่างสิงอย่างเร่งด่วน เมื่อเห็นอันหลินก็คำรามจะพุ่งใส่อันหลิน!
“ไม่เจียมตัว”
อันหลินสะบัดมือ เพลิงเทวะทั้งสี่ก็กลายเป็นเตาหลอมที่น่ากลัว ทำลายล้างต้นตอคำสาปนั่นในพริบตา!
ภูตหญิงลุกขึ้นจากฝ่ามือของอันหลิน เหงื่อโซมกาย ใบหน้าฉายความซาบซึ้ง โค้งตัวคำนับเล็กน้อย “ขอบคุณเจ้าที่ช่วยขจัดคำสาปให้ข้า…เจ้าไม่เหมือนยักษ์ปีศาจเทพเจ้าตนอื่นจริงๆ ด้วย ย”
“ข้าไม่ใช่ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าแต่แรกไหมเล่า!” อันหลินพูดอย่างไม่พอใจ “ข้ายอมรับว่าข้ามาที่นี่เพื่อสิ่งของบางอย่าง แต่ก็มาด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการเจรจา อืม จริงใจเป็นอย่างยิ่ง! !”
หลังต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ทุบตีแมนเดลกับแฮร์ริสจนหน้าปูดบวมแล้ว ก็กลับเข้าไปในแหวนมิติของอันหลินอีกครั้ง
“เจ้าดูสิ นอกจากสมุนสองคนนั้นของเจ้าแล้ว คนอื่นๆ ไม่มีใครบาดเจ็บเลย!” อันหลินพูดพลางชี้คนที่อยู่บนพื้น
เห็นได้ชัดว่าภูตหญิงก็สังเกตเห็นจุดนี้เช่นกัน ถึงแม้ไม่รู้ว่าทำไมเขากับภูตหนุ่มถึงรบรากัน แต่พยายามควบคุมไม่ให้มีการบาดเจ็บล้มตายจริงๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้น ใบหน้าของนางก็ฉายความกระดากอายและรู้สึกผิด “ท่านยักษ์ ข้าหุนหันพลันแล่น เป็นเพราะอารมณ์โทสะชั่ววูบพลั้งมือฆ่าตั๊กแตนสีดำ…สำหรับเรื่องนี้…ข้าจะชดใช้ใ ให้เอง”
ตั๊กแตนสีดำเหรอ
อันหลินชะงัก จากนั้นใบหน้าก็ปรากฏความโศกเศร้า “เฮ้อ…ตั๊กแตนสีดำเป็นสหายที่เคียงข้างข้ามาหลายปี…ก่อนจะมาที่นี่ ข้าเคยให้สัญญากับมันว่าจะพามันไปชมความรุ่งเรืองของใต้หล้า าด้วยกัน…ไม่คิดเลยว่ามันจะตายเร็วแบบนี้ ไม่โทษเจ้าหรอก เพราะพวกเราบุกสระเทวะก่อน…เป็นเพราะข้า ข้าไม่ดูแลมันให้ดี…”
อันหลินเบ้าตาแดงก่ำ แหงนหน้ามองท้องฟ้า ราวกับไม่อยากให้น้ำตาไหลออกมา
ภูตหญิงเผยอปาก แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
นางเพิ่งเคยเห็นยักษ์ปีศาจเทพเจ้าแสดงมุมที่เปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกเช่นนี้เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้นางคิดว่าตั๊กแตนสีดำเป็นเพียงสมุนไม่ก็บ่าวของยักษ์ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นสหายขอ องยักษ์ตนนี้!
ถ้าอย่างนั้น นางก็สังหารสหายของยักษ์เองกับมืองั้นหรือ… แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ยักษ์ก็ยังไม่โทษนาง ตัดสินใจช่วยเหลือนาง…
“ข้า…ข้าทำเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ ข้าจะทำอย่างไรดี…”
ภูตหญิงเม้มปาก ก้มหน้ารำพันกับตัวเอง
ในตอนนั้นเอง อันหลินก็หยิบเม็ดไม้ตะวันวสันต์ ยาวิเศษขั้นสองเม็ดหนึ่งออกจากแหวนมิติ
“อ่ะ ยาวิเศษเม็ดนี้มีสรรพคุณรักษาอาการบาดเจ็บที่ดีเยี่ยม แถมยังหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณได้อีกด้วย เหมาะกับร่างกายที่บาดเจ็บเพราะคำสาประเบิดของเจ้าพอดี รีบกินเสียสิ” เขายื่นยาวิเศ ศษไปตรงหน้าภูตหญิงแล้วพูดยิ้มๆ
ภูตหญิงยื่นแขนสีขาวเนียนนุ่มออกมาโอบยาวิเศษที่ใหญ่เท่าครึ่งตัวนางไว้ ดวงตาสีมรกตคู่นั้นมีน้ำตาคลอหน่วย “ข้าฆ่าสหายของเจ้า เจ้ายังมอบยาวิเศษให้ข้าทำไมอีก...”
นางมองอันหลินที่ยิ้มแย้ม จู่ๆ ก็รู้สึกว่าทำไมยักษ์ตนนี้ถึงได้อ่อนโยนงดงามปานนี้ สดใสเย้ายวนใจประหนึ่งแสงแดดยามวสันต์ นางได้กลิ่นของพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่แฝงอยู่ในยาวิเศ ศษเม็ดนี้อีกด้วย ยาวิเศษเม็ดนี้ต้องเป็นโอสถเทวะแน่นอน! แต่ว่าตอนนี้…ยักษ์กลับมอบมันให้นางรักษา!
“มันคนละเรื่องกัน ข้ามีความผิดที่บุกรุกสระเทวะ พวกเจ้ามีปฏิกิริยาเช่นนี้ก็เข้าใจได้ ตอนนี้เจ้ารักษาตัวก่อนแล้วเราค่อยมาเจรจาข้อแลกเปลี่ยนกัน” อันหลินพูดด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน น
ภูตหญิงพยักหน้าอย่างตื้นตัน กอดยาวิเศษแล้วอ้าปากแทะทั้งอย่างนั้น มองแล้วค่อนข้างน่ารัก
“จริงสิภูตน้อย เจ้าชื่ออะไรหรือ” จู่ๆ อันหลินก็ถามด้วยความสงสัย
“ข้าชื่อทีน่า เจ้าล่ะ” ภูตหญิงถามขณะที่เคี้ยวยาวิเศษไปด้วย
“ข้าชื่ออันหลิน แล้วก็ ข้าไม่ใช่ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าอะไรนั่นจริงๆ เป็นแค่มนุษย์ที่ค่อนข้างตัวใหญ่” อันหลินยิ้ม
“เข้าใจแล้วยักษ์อันหลิน!” ทีน่าพยักหน้ารัวๆ เหมือนไก่จิกข้าว
ผู้แข็งแกร่งที่เดินทางมาจากทุกหนแห่งของเมืองใจกลางเห็นปราชญ์หญิงกำลังสนทนากับยักษ์ปีศาจเทพเจ้าอย่างสบายอุรา ก็ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความงุนงงอย่างช่วยไม่ได้
นี่มันเรื่องอะไรกัน
ทิศทางที่พวกเขามุ่งหน้ามาไม่ถูกต้องหรือ
ก่อนหน้านี้ที่นี่เกิดการต่อสู้อันสะเทือนฟ้าดินไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้กลายเป็นปรองดองกันแล้วล่ะ
ความจริงคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือแมนเดลกับแฮร์ริสที่งงยิ่งกว่าใคร
พวกเขานอนแอ้งแม้งบนพื้นเหมือนปลาพิการ น้ำตาซึมออกจากหางตา
ทำไมเรื่องราวกลายเป็นแบบนี้ไปได้ สงครามเมื่อครู่เป็นของปลอมหรือ
ที่ปราชญ์หญิงกำลังกินเป็นไข่วิเศษที่ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าให้หรือ สรรพคุณดีเยี่ยม!
แต่เป็นผู้บาดเจ็บจากสงครามเช่นเดียวกัน แต่ทำไมพวกเขาไม่มี…
พวกเขามองผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองใจกลางกับยักษ์ปีศาจเทพเจ้าปรองดองกันอย่างเหม่อลอย ในใจเปี่ยมด้วยความละเหี่ยใจและเศร้าใจ รู้สึกเหมือนตนยังอยู่ในความฝัน
อันหลินก็รู้สึกโชคดีมากที่ตนพาตั๊กแตนสีดำมาที่นี่ด้วย
ต้องขอบคุณสหายท่านนั้น เขาถึงได้ความรู้สึกดีๆ จากภูตหญิงอย่างง่ายดาย
ลำดับต่อไป…ถึงช่วงเวลาของการเจรจาแล้ว!
ระบบย่อยของภูตหญิงดียิ่งนัก หลังกินยาวิเศษเสร็จ อาการบาดเจ็บในร่างกายก็ฟื้นฟูกว่าครึ่งทันใด
“ข้าสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตในร่างกายเพิ่มขึ้นเยอะโขแล้ว! แม้แต่พลังยุทธ์ที่ไร้ความก้าวหน้ามาเนิ่นนานก็ขยับเขยื้อนขึ้นเยอะแล้ว!” ภูตหญิงพูดอย่างดีอกดีใจ
“เผ่าภูตอ่อนไหวต่อทุกสรรพสิ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยาวิเศษที่แฝงด้วยพลังชีวิตแบบนี้ พวกเจ้าสามารถกระตุ้นสรรพคุณของมันได้อย่างเต็มที่ ยินดีด้วยนะเสี่ยวน่า” อันหลินแสดงความยิน นดีด้วยรอยยิ้ม
ภูตหญิงได้ฟังก็ชะงัก จากนั้นก็ยู่ปากที่นุ่มหยุ่น มือเท้าสะเอวพูดว่า “เรียกข้าว่าเสี่ยวน่าได้อย่างไร ถึงข้าจะตัวเล็ก แต่ข้าเป็นภูตที่อยู่มาแล้วหมื่นปี อายุอาจจะมากกว่าเจ จ้าก็ได้!”
อันหลินมองภูตหญิงมือเท้าสะเอว ท่าทางฮึดฮัด ดวงตาก็เป็นประกาย
น่ารัก
ภูตที่มีอายุร่วมหมื่นปีแล้วยังเป็นสาวขนาดนี้!
หรือภูตจะมีลักษณะน่ารักตามธรรมชาติกันทั้งหมด
อ้อ บางทีความตัวเล็กก็เพิ่มความน่ารักได้เหมือนกัน อย่างเช่นเจ้าอัปลักษณ์ที่ตัวใหญ่แล้วอัปลักษณ์มาก หดเล็กลงแล้วทั้งน่ารักและน่าชัง
“อืม…ข้าเป็นมนุษย์ที่อยู่มาแล้วถึงสองหมื่นปี ฉะนั้นข้าเรียกเจ้าว่าเสี่ยวน่าน่ะไม่มีอะไรแปลก” อันหลินพูดยิ้มๆ
“จริงหรือ” ภูตหญิงเบิกตามรกตกว้าง พูดด้วยความประหลาดใจ
“แน่นอนสิ ทำไมข้าถึงเปลี่ยนจากมนุษย์ที่ตัวเล็กอย่างเจ้ามาตัวโตขนาดนี้ได้ เป็นเพราะเวลาทำให้ข้าค่อยๆ เติบโตน่ะสิ!” อันหลินพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ฟังแล้วมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน…” ภูตหญิงพยักหน้าตามไปด้วย
อันหลินยิ้มอย่างพอใจแล้วพูดว่า “ในเมื่ออาการของเจ้าทุเลาแล้ว เช่นนั้นเราก็เข้าประเด็นสำคัญกันเถอะ เพราะจุดประสงค์ที่ข้ามาที่นี่ เป็นเพราะต้องการของบางอย่างในเมืองใจกลางข ของเจ้า”
ภูตหญิงได้ฟังก็พยักหน้า พูดอย่างฉับไวและอหังการว่า “ได้เลย ต้องการอะไรเจ้าว่ามาได้เลย ข้าจะพยายามสนองเจ้าให้ได้”