สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 344 ตอนจบสมบูรณ์แบบ
วันถัดมาคนของเหลิ่งอวี้เซวียนเดินทางมาถึง
เมื่อเห็นว่าพบตัวซินเอ๋อร์แล้ว ทุกคนต่างโล่งใจ
เวลานี้ซินเอ๋อร์รู้จากปากของทุกคนว่า ช่วงที่ผ่านมาเซวียนเพื่อตามหาเธอ ไม่ได้นอนหลับสนิทมานานเพียงใด
เมื่อได้ยินซินเอ๋อร์จึงปวดใจกับเหลิ่งอวี้เซวียนอย่างมาก
ส่วนเรื่องของเหลิ่งเม่ยเฉิน ซินเอ๋อร์เอ่ยเล่าให้กับเหลิ่งอวี้เซวียนฟังตั้งแต่เมื่อวาน
เหลิ่งอวี้เซวียนรู้ว่าเหลิ่งเม่ยเฉินดีกับซินเอ๋อร์ ทว่าสัญชาตญานบอกกับเขาว่าชายผู้นี้ปรารถนาในตัวสตรีของตน
ดังนั้น เขาจึงต้องปกป้องสตรีของตนให้ดี
ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อกลุ่มคนของเหลิ่งอวี้เซวียนมาถึง เหลิ่งเม่ยเฉินกลับเอ่ยขึ้นว่าจะอยู่ที่นี่ ไม่เดินทางไปด้วย
หลังได้รู้เรื่องนี้ ซินเอ๋อร์ตกใจอย่างหนัก
กระทั่งรีบเดินไปเอ่ยถามเหลิ่งเม่ยเฉิน
“พี่เหลิ่ง เหตุใดจึงต้องการอยู่ที่นี่ ท่านไม่กลับเมืองหลวงกับพวกเราหรือ!”
“อืม ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต ดังนั้นข้าจึงไม่กลับเมืองหลวงกับพวกเจ้า”
เวลานี้เหลิ่งเม่ยเฉินกำลังตกปลาอยู่ริมแม่น้ำ และเอ่ยโดยไม่หันหน้ามามองซินเอ๋อร์
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งเม่ยเฉิน ซินเอ๋อร์เพียงขมวดคิ้ว
มองชายหนุ่มที่กำลังตกปลาอยู่เงียบๆ ช่วงที่ผ่านมาต้องขอบคุณการดูแลของชายผู้นี้ ตอนนี้เธอจึงปลอดภัย
เธอเห็นชายผู้นี้เป็นเสมือนพี่ชาย ดังนั้นตอนนี้เมื่อรู้ว่าเขาต้องการอยู่ที่นี่ ต่อไปพวกเขาต้องแยกจากกัน ซินเอ๋อร์จึงทำใจไม่ได้ขึ้นมา
อาจเพราะรับรู้ถึงความอาวรณ์ของซินเอ๋อร์ เหลิ่งเม่ยเฉินอดยืนขึ้นไม่ได้ ก่อนพลันหมุนตัวเผชิญหน้ากับซินเอ๋อร์
เมื่อเห็นสาวน้อยบอบบางโดดเด่นผู้นี้ ความจริงเขาไม่ได้คิดแยกกับเธอ!
ทว่าเขากลัว
หากกลับไปเมืองหลวง ความรักที่มีต่อเธอนับวันยิ่งเพิ่มพูนขึ้น จนวันหน้าอาจทำเรื่องที่ตนไม่สามารถควบคุมได้ขึ้นมา
ดังนั้น ตอนนี้เพียงเห็นเธอมีความสุข เขาจึงเลือกปล่อยมือ
เวลานี้เมื่อเห็นสาวน้อยมีสีหน้าอาวรณ์ เหลิ่งเม่ยเฉินอดใจเต้นไม่ได้
ความดีใจทะลักขึ้นในใจเขาอย่างรวดเร็ว
แม้เขาจะรู้ว่าสาวน้อยผู้นี้ไม่ได้รักเขา ทว่าสามารถเห็นเธออาลัยอาวรณ์ตน พิสูจน์ได้ว่าในใจเธอความจริง เขาไม่ใช่ไม่มีความสำคัญ มิใช่หรือ!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งเม่ยเฉินตาเป็นประกาย ก่อนพลันเอ่ยขึ้น
“ซินเอ๋อร์ เมื่อจะต้องจากกัน เจ้ารับปากข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่!”
“อืม พี่เหลิ่งพูดมาเถิด!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งเม่ยเฉิน ซินเอ๋อร์พลันพยักหน้าตกลง
เหลิ่งเม่ยเฉินได้ยิน อดกางแขนออกและเอ่ยกับซินเอ๋อร์ไม่ได้
“ให้ข้ากอดเจ้าสักครั้งได้หรือไม่!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหลิ่งเม่ยเฉิน ซินเอ๋อร์อดตะลึงไม่ได้
ทว่าต่อมาเธอยิ้มมุมปาก จากนั้นเดินไปด้านหน้าเหลิ่งเม่ยเฉิน ก่อนปล่อยให้เขากอด
เมื่อซุกใบหน้าเข้าไปในอกกว้างนั้น ซินเอ๋อร์อดกล่าวยิ้มๆ ไม่ได้
“พี่เหลิ่ง วันหน้าท่านต้องดูแลตนเองให้ดี ชีวิตนี้ได้รู้จักท่าน ข้าดีใจอย่างยิ่งจริงๆ!”
“ฮ่า ๆ ข้าก็เช่นกัน ชีวิตนี้ได้รู้จักกับเจ้า คือเรื่องที่มีความสุขที่สุดในชีวิตข้า และคือเรื่องที่ข้าจะจดจำไปตลอดชีวิต”
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งเม่ยเฉินอดกอดซินเอ๋อร์แน่นขึ้นไม่ได้
ดวงตาคมคู่นั้นปรากฎความรัก ลุ่มหลงขึ้นมาโดยที่ซินเอ๋อร์มองไม่เห็น
ทว่าไม่นาน เหลิ่งเม่ยเฉินคลายมือลง ก่อนเอ่ยกับซินเอ๋อร์
“เอาล่ะ เจ้าไปเถิด!”
“อืม พี่เหลิ่ง วันหน้าข้าจะกลับมาเยี่ยมท่านแน่นอน!”
“อืม!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของซินเอ๋อร์ เหลิ่งเม่ยเฉินอดยิ้มมุมปากไม่ได้
รอยยิ้มจางๆ นั้น ใต้แสงอาทิตย์เจิดจรัสดูอ่อนโยน ราวกับน้ำแข็งหมื่นปีกำลังละลาย
…
สี่วันให้หลัง รถม้าของพวกซินเอ๋อร์มาถึงเมืองหลวง จากนั้นมุ่งตรงสู่วังเหลิ่ง
เมื่อกลับมาถึงวังเหลิ่ง รุ่ยอ๋อง พระชายา และทุกคนอยู่กันอย่างพร้อมเพรียง
เพราะการหายตัวไปของซินเอ๋อร์ วุ่นวายจนทุกคนต่างทราบดี และงานอภิเษกสมรสไม่ได้จัดขึ้น ทุกคนต่างส่งคนออกไปตามหาเบาะแสของซินเอ๋อร์
เวลานี้ซินเอ๋อร์กับมาที่วังเหลิ่ง เห็นท่านอ๋องและพระชายา อดกังวลและหวาดกลัวในใจไม่ได้
เพราะครั้งนี้เป็นเพราะตนโง่เขลา หากถูกคนรู้เข้าว่างานอภิเษกสมรสล่มเป็นเพราะเธอ ต้องทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะแน่นอน
และครั้งนี้เซวียนยังต้องบาดเจ็บเพราะเธออีกด้วย
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์กังวลใจอย่างยิ่ง
ไม่รู้พวกท่านอ๋องจะเกลียดชังเธอ เพราะเรื่องนี้หรือไม่
ทว่าซินเอ๋อร์กังวลมากเกินไป
หลังเพียงเห็นพวกเขากลับมา พวกพระชายารีบปรี่เข้ามา ก่อนไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของพวกเขา
สุดท้าย พระชายาดึงมือซินเอ๋อร์ไป ก่อนตบลงที่หลังมือเบาๆ พลางเอ่ยอย่างอ่อนโยน
“กลับมาก็ดีแล้ว เรื่องของเจ้า เซวียนเอ๋อร์ให้คนบอกกล่าวข้าแล้ว ข้ารู้ว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้ารักเซวียนเอ๋อร์มากเกินไป ดังนั้นจึงไม่อยากให้เขาต้องถูกทำร้าย จึงเล ลือกจากไป ตอนนี้เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว เด็กดี ต่อไปอย่าจากไปที่ใดอีกเลย เจ้าคงไม่รู้ว่าเซวียนเอ๋อร์รักเจ้าเพียงใด และต่อไปไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น มีพวกเราอยู่ ตอนนี้เจ้ายังตั้งครร รภ์เลือดเนื้อเชื้อไขของวังเหลิ่งของพวกเรา ฮ่า ๆ ดียิ่งนัก สมกับเป็นเด็กดีจริงๆ ช่วงนี้เจ้าไม่ต้องทำสิ่งใด พักผ่อนบำรุงครรภ์อย่างสบายใจเถิด!”
เมื่อได้ยินคำพูดเป็นชุดของพระชายาที่กลับไม่ได้ตำหนิเธอแม้แต่คำเดียวนั้น ซินเอ๋อร์อดตะลึงและแปลกใจไม่ได้
“พระชายาเพคะ ท่านไม่โทษข้าหรือ!”
“ฮ่า ๆ เด็กโง่ เหตุใดข้าต้องกล่าวโทษเจ้ากันเล่า จริงสิ เจ้าเพิ่งกลับมา แต่ยังมีอีกคนที่โวยวายอยากพบเจ้า!”
“ผู้ใดเพคะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของพระชายาเหลิ่ง ซินเอ๋อร์กลับแปลกใจ
ทว่าพระชายาเหลิ่งกลับอมพะนำ เพียงให้คนพาซินเอ๋อร์กลับไปยังเรือนพักของตน
หลังจากซินเอ๋อร์เห็นเด็กชายที่คุ้นหน้าและส่วนสูงเพิ่มขึ้นไม่น้อยนั้น ดีใจอย่างหนัก
“เสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่า”
“ฮือๆ พี่สาว ในที่สุดข้าก็ได้พบท่าน พี่สาวข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก!”
“ฮือๆ เสี่ยวเป่า พี่เองก็คิดถึงเจ้า!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเป่า ซินเอ๋อร์ทั้งยิ้มพลางร้องไห้
สุดท้ายทั้งสองคนกอดกันกลม ร้องไห้อย่างหนัก
…
หลังเหลิ่งอวี้เซวียนกลับมาถึงวังเหลิ่ง หมอประหลาดตงฟางรอคอยอยู่ก่อนแล้ว
ดวงตาของเหลิ่งอวี้เซวียนแม้จะถูกพิษ จนมองไม่เห็นสิ่งใด แต่เขากลับไม่กังวลแม้แต่นิดเดียว
เพราะมีลูกพี่ลูกน้องที่มีวิชาแพทย์สูงส่งผู้นี้ ดังนั้นพิษเล็กน้อยนี้ การถอนพิษจึงถือว่าไม่ได้ยากอันใดสำหรับเขา
จริงดังที่คิด ภายใต้ฝีมือแพทย์ที่ล้ำเลิศของหมอประหลาดตงฟาง ไม่ถึงสองวันเหลิ่งอวี้เซวียนสามารถมองเห็นได้
สำหรับเรื่องนี้ ซินเอ๋อร์ดีใจอย่างหนัก
และพระชายาเหลิ่งไม่ปล่อยให้เสียโอกาส ทรงเอ่ยว่าซินเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้ว งานอภิเษกสมรสย่อมต้องจัดขึ้นอีกครั้ง
ดังนั้น จึงยุ่งวุ่นวายจัดเตรียมงานอภิเษกสมรสขึ้นมาอีกรอบ
เพราะเรื่องครั้งก่อน ทุกคนจึงปกป้องซินเอ๋อร์ทุกฝีก้าวอย่างแน่นหนา
เหลิ่งอวี้เซวียนส่งสาวใช้วรยุทธ์สูงส่งหลายคนมาปรนนิบัติซินเอ๋อร์
ขณะเดียวกัน เรื่องของอ้าวเทียนเสวี่ย ไม่เพียงฮ่องเต้แห่งแคว้นเทียนหยวนจะทรงทราบ กระทั่งฮ่องเต้แคว้นฉีต่างทรงรับทราบเช่นกัน
เรื่องนี้ ฮ่องเต้แคว้นฉีทรงพิโรธอย่างหนัก
เพราะแคว้นฉีและเทียนหยวนเป็นพันธมิตรกันมาโดยตลอด เวลานี้กลับเกิดเรื่องประเภทนี้ขึ้น
แม้ฮ่องเต้แคว้นฉีจะทรงโปรดปรานอ้าวเทียนเสวี่ย ทว่าทรงห่วงใยแว่นแคว้นยิ่งกว่า เพื่อเป็นการขออภัยต่อเหลิ่งอวี้เซวียน จึงส่งของกำนัลล้ำค่ามาไม่น้อย
และทรงลงโทษอ้าวเทียนเสวี่ยอย่างหนัก
ผู้ใดจะรู้ หลังจากอ้าวเทียนเสวี่ยกลับแคว้นฉี กลับไม่รู้จักกลับตัวกลับใจ ทรงท้าทายฮ่องเต้แคว้นฉี เอ่ยว่าตนรักเหลิ่งอวี้เซวียน เธอเป็นองค์หญิง สถานะสูงส่ง เหตุใดจึงเทียบหญิงชั นต่ำผู้นั้นไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอ้าวเทียนเสวี่ย ฮ่องเต้แคว้นฉีพิโรธจนแทบหัวใจเกือบวาย
หลังจากนั้น ฮ่องเต้แคว้นฉีจึงทรงพิโรธอย่างหนัก และมีพระราชโองการให้อ้าวเทียนเสวี่ยอภิเษกกับฮ่องเต้แคว้นซีเหลียง
เล่าลือกันว่าฮ่องเต้แคว้นซีเหลียง มีพระชนมายุมากกว่าหกสิบชันษาแล้ว
ครั้งนี้ ฮ่องแต่แคว้นฉีทรงเกรงว่าอ้าวเทียนเสวี่ยจะก่อเรื่องขึ้นอีกครั้ง จึงส่งเธอไปทันที
หลังอ้าวเทียนเสวี่ยอภิเษกออกไป ฮ่องเต้ซีเหลียงทรงโปรดปรานเธออย่างมาก จนแทบบรรทมอยู่ที่ตำหนักของเธอทุกคืน
…
วันที่สิบห้าเดือนหก เป็นวันมงคล แสงอาทิตย์เจิดจรัส
วันนี้ราษฎรทั่วเมืองหลวงต่างตื่นแต่เช้าตรู่ ออกมาเบียดเสียดกันอยู่เต็มถนนใหญ่
เพราะวันนี้เป็นวันอภิเษกสมรสของเหลิ่งอวี้เซวียน เศรษฐีอันดับหนึ่งของแคว้น
ขบวนรับเจ้าสาวยาวไปกว่าสิบลี้ คนรอบข้างจึงอิจฉาตาร้อน
เจ้าบ่าวขี่อาชาไนยเดินอยู่หน้าขบวนรับเจ้าสาวอย่างสดชื่นแจ่มใส หล่อเหลาไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ไม่รู้ดึงดูดหญิงสาวมากน้อยเพียงใด
ทว่าในใจของชายหนุ่ม มีหญิงสาวเพียงคนเดียว
เพราะซินเอ๋อร์ตั้งครรภ์ งานอภิเษกสมรสที่ยิ่งใหญ่นี้ทุกคนจึงกังวลเกี่ยวกับเธอและกลัวเธอเหนื่อยล้า ดังนั้นหลังกราบไหว้ฟ้าดินจบลง รีบพาซินเอ๋อร์ส่งเข้าห้องทันที
ซินเอ๋อร์อยู่ในห้องใหม่อย่างเชื่อฟัง เสี่ยวหวนที่อยู่ด้านข้างพูดหยอกล้อสร้างเสียงหัวเราะให้แก่เธอ ส่วนแม่สื่อด้านข้างเอ่ยคำอวยพรมงคลไม่หยุด ซินเอ๋อร์จึงฟังอย่างอิ่มเอมใจ
ซินเอ๋อร์รออยู่ในห้องเป็นเวลานาน เพราะตั้งครรภ์จึงเหนื่อยล้าง่าย
ดังนั้นจึงหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ตนนอนอยู่ในอ้อมกอดกว้างที่อบอุ่นแล้ว
จึงเงยดวงตาขึ้น เพียงเห็นใบหน้าหล่อเหลานั้น ซินเอ๋อร์พลันตกใจ ก่อนร้อง ‘อา’ ขึ้น และผละจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม
เวลานี้เธอจึงพบว่ารองเท้าของตนถูกถอดลง ผ้าคลุมหน้าสีแดงก็ถูกเลิกออก และตนไม่รู้นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดชายหนุ่มนานเพียงใด
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น อดเอ่ยอย่างเสียใจไม่ได้
“เซวียน ข้าหลับไปนานเพียงใด เหตุใดข้าจึงหลับไปได้!”
“ฮ่า ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ย่อมเหนื่อยง่าย และพวกเราไม่จำเป็นต้องสนใจพิธีพวกนั้น เพียงเจ้าอยู่ข้างกายข้า เพียงพอแล้ว”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยขึ้น และสายตาที่มองซินเอ๋อร์เปี่ยมไปด้วยความรักอันลึกซึ้ง
ทันใดนั้น ค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าประชิดซินเอ๋อร์
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์รู้ว่าเหลิ่งอวี้เซวียนต้องการจุมพิตเธอ จึงอดเขินอายไม่ได้ ปิดตาลงทันที
แต่จุมพิตที่รอคอย กลับไม่ได้เกิดขึ้น แต่หน้าท้องกลับถูกจุมพิตแทน
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ก้มลงมอง ก่อนสบเข้ากับดวงตายิ้มแย้มของเหลิ่งอวี้เซวียนพอดี จึงรู้ว่าตนถูกหลอกเข้าแล้ว ใบหน้าจิ้มลิ้มจึงแดงก่ำราวกับก้นลิง
ก่อนเบ้ปากพร้อมเชิดขึ้น
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็น อดประคองใบหน้าซินเอ๋อร์ ก่อนก้มลงจุมพิตบนริมฝีปากเชิดสูงของเธอ ก่อนกล่าวยิ้มๆ ว่า
“เด็กโง่ ข้ารักเจ้า และรักลูกของพวกเราด้วย!”
“ฮ่า ๆ ท่านสิโง่ แต่ข้าก็รักท่าน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนโน้มตัวจุมพิตคนรักของตนอย่างห้ามใจไม่อยู่อีกครั้ง…
-จบบริบูรณ์-