สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 340 การจากไปของอูหลิงอวี่ และผู้มาจากเบื้องบน
ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์ออกมาจากตระกูลลู่ก็ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว เมื่อออกนอกประตูมาเธอก็เห็นอูหลิงอวี่กำลังรออยู่ที่หัวถนน
“ศิษย์พี่ เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่เล่า”
อูหลิงอวี่พิงกำแพงอย่างสบายใจ เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาจึงเอ่ยว่า “กำลังรอเจ้าอยู่อย่างไรเล่า”
“รอข้าหรือ มีเรื่องอันใดหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าทีสิ” พอพูดจบ เขาไม่รอให้เธอตอบก็โอบตัวเธอแล้วทะยานร่างเหินบินตรงออกไปนอกเมืองวิเศษ มาถึงยังยอดเขาแห่งหนึ่ง
ทั้งสองมาถึงก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วนั่งลง อูหลิงอวี่มองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “ตาแก่หนังเหนียวแห่งตำหนักผู้วิเศษผู้นั้นเร่งให้ข้ากลับไปอีกแล้วน่ะสิ”
“ศิษย์พี่ ท่านจะกลับไปแล้วหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเขาอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง เขาเพิ่งจะลงมาได้ไม่นานเท่านั้นเองมิใช่หรือ เหตุใดจึงจะกลับขึ้นไปอีกแล้วเล่า
“อืม วัตถุประสงค์หลักที่ลงมาในคราวนี้ก็เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ทางฝั่งพื้นสมุทร ข้ายังไม่ทันตรวจสอบได้อย่างชัดเจนก็ได้รับคำสั่งจากตำหนักผู้วิเศษ ให้ข้ารีบกลับขึ้นไปเบื้องบนโดยเร็ว เป็นไปได้ว่าอาจเกิดเรื่องสำคัญบางอย่างขึ้น” อูหลิงอวี่พูด “แต่ข้าอยากมาพบหน้าเจ้าก่อนจะจากไป จึงเนิ่นช้ามาสองวันแล้ว ตอนนี้จัดการธุระของเจ้าเสร็จเรียบร้อย ข้าก็ควรกลับไปได้แล้ว”
“อ้อ” ซือหม่าโยวเย่ว์คอตก แล้วขานรับอย่างเฉยชาเสียงหนึ่ง “เช่นนั้นท่านจะไปเมื่อใดหรือ”
“ไปเดี๋ยวนี้แหละ” อูหลิงอวี่พูด “เบื้องบนเร่งเร้าข้าเหลือเกิน สองวันมานี้ก็ไล่บี้ข้ามาสองสามครั้งแล้ว”
“เช่นนั้นขอให้ท่านเดินทางอย่างราบรื่นนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงเอ่ยส่งๆ ไปประโยคหนึ่ง
“เจ้าไม่มีวาจาอื่นจะเอ่ยกับข้าแล้วหรือ” อูหลิงอวี่มองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างไม่พอใจนัก
ซือหม่าโยวเย่ว์เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ท่านต้องกินน้ำทิพย์วิญญาณให้ตรงเวลานะ หล่อเลี้ยงดวงวิญญาณของท่านให้ดีๆ หน่อย ใช่แล้ว ท่านเอาของพวกนี้ไปด้วยสิ”
เธอหยิบน้ำทิพย์วิญญาณออกมาอีกจำนวนหนึ่งแล้วส่งให้อูหลิงอวี่ก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่รู้ว่าท่านจะใช้ได้นานเท่าไหร่ จำเอาไว้ว่าต้องมาหาข้าก่อนจะใช้หมดนะ ยังมีอีก ท่านเอาผลอสรพิษทองคำนี่ไปด้วย มันให้ผลทางด้านการซ่อมแซมวิญญาณดีทีเดียว”
อูหลิงอวี่เห็นท่าทีกำชับหนักแน่นของเธอ จึงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เช่นนี้สิ จึงจะเป็นศิษย์น้องที่ดี”
ซือหม่าโยวเย่ว์กลอกตาใส่เขาแล้วพูดว่า “ท่านเก็บของทั้งสองสิ่งนี้เอาไว้ให้ดี หากทำหล่นหายไปข้าจะไม่สนใจหรอกนะ นอกจากนี้คราวหน้าที่พบกัน วิญญาณของท่านคงไม่อ่อนแอไปกว่านี้มากนัก ถ้าหากข้ารู้ว่าท่านทำให้สิ่งเหล่านี้สูญเปล่าละก็… หึๆ คงไม่ต้องให้ข้าพูดแล้วนะ”
“ข้าต้องเชื่อฟังคำพูดศิษย์น้องอย่างแน่นอน” อูหลิงอวี่พูด
“เช่นนั้นก็ดี”
“คราวก่อนที่ข้ากลับไป ได้ยินว่าโลกย่อส่วนลายสมุทรกำลังจะเปิดแล้ว ไม่รู้ว่าตาเฒ่าจะพาเจ้าไป หรือจะสร้างทางออกให้กับเจ้า ภายในโลกย่อส่วนแห่งนั้นอาจมีคนของดินแดนต่างๆ ผ่านไปมา เจ้าจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเลยนะ” อูหลิงอวี่พูด
“ขอเพียงแค่ไม่มีตัวประหลาดที่สูงกว่าระดับเทพโผล่มา ท่านก็วางใจได้เลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
นอกจากนี้ตอนนี้ยังมีเจ้าไก่ฟ้า ต่อให้เธอพบเจอกับระดับเทพโดยทั่วไป เธอก็มีโอกาสชนะไม่น้อยเลย!
อูหลิงอวี่มองดูรอยยิ้มมั่นใจในตัวเองของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพูดว่า “เจ้าต้องรีบบำเพ็ญโดยเร็วที่สุด แล้วรีบขึ้นไปเบื้องบนให้เร็วหน่อยนะ”
“ข้าจะทำแน่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
อูหลิงอวี่อยากโอบกอดเธอเป็นอย่างยิ่ง แต่เกรงว่าจะทำให้เธอตกใจ จึงทำเพียงแค่ยื่นมือไปลูบเส้นผมเธอแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ”
จากนั้นอูหลิงอวี่ก็ยกสองมือขึ้นร่ายมนตร์ อุโมงค์ทางเดินเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา เขามองซือหม่าโยวเย่ว์ก่อนจะหมุนกายเข้าไปในนั้น
ซือหม่าโยวเย่ว์มองอูหลิงอวี่เข้าไปแล้วมองดูทางเดินประสานตัวเข้าด้วยกันก่อนจะเอ่ยว่า “เมื่อไหร่เราถึงจะสร้างทางเดินแบบนี้เหมือนพวกเขาได้บ้างนะ เฮ้อ… พลังยุทธ์หนอพลังยุทธ์ หวังว่าตอนที่ไปโลกย่อส่วนในคราวนี้จะยกระดับพลังยุทธ์ขึ้นได้บ้าง ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะขึ้นไปหาพวกท่านอาจารย์ที่เบื้องบนได้เสียที”
เธอเรียกตัวเจ้าวิหคน้อยออกมาแล้วกลับไปยังเมืองวิเศษ วันรุ่งขึ้นพวกเป่ยกงถังก็กลับมา โอวหยางเฟยก็อยู่ด้วยเช่นกัน
“โอวหยาง ไม่กลับไปเช่นนี้จะดีหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เว่ยจือฉียิ้มแล้วเอ่ยว่า “พวกจักรพรรดิทักษิณายาตรอยากให้เขากลับไปด้วยกัน แต่เขาบอกว่าถ้าหากหาตัวเจ้าไม่พบก็มิอาจวางใจได้ จึงไม่กลับไป พวกจักรพรรดิทักษิณายาตรก็จนใจ จึงได้แต่กลับกันไปเองเท่านั้น”
ซือหม่าโยวเย่ว์มองโอวหยางเฟยอย่างซาบซึ้ง รวมทั้งพวกเจ้าอ้วนชวีด้วย “ขอบใจพวกเจ้ามากนะ”
“โยวเย่ว์ ระหว่างนี้เจ้าไปอยู่ที่ไหนมาหรือ” เป่ยกงถังถาม
“ข้าไปยังเบื้องล่างเขาภาพมังกรมาน่ะ…”
ซือหม่าโยวเย่ว์เล่าเรื่องที่ตนประสบมาให้ฟังอย่างคร่าวๆ เพียงแค่มิได้บอกพวกเขาว่าตอนนี้ร่างกายของตนย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง
ในขณะนี้เอง ซือหม่าโยวหยางก็เดินเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “โยวเย่ว์ ในเมื่อพวกเป่ยกงกลับกันมาหมดแล้ว พวกเราเตรียมตัวออกเดินทางกันเลยดีกว่า”
“ได้สิ”
นอกจากคนที่อยู่ที่นี่อยู่แล้ว คนอื่นๆ ล้วนกลับไปพร้อมกันหมด คนรุ่นเยาว์ต่างขึ้นนั่งบนหลังเจ้าวิหคน้อยพร้อมกับซือหม่าโยวเย่ว์ ส่วนคนอื่นๆ ก็ขี่สัตว์อสูรบินได้ตนอื่นไป
ผ่านไปครึ่งวัน พวกเขาก็เดินทางผ่านเขาภาพมังกร
“ตอนนี้เทือกเขาหมื่นอสูรเงียบสงบกว่า พวกเราจะเดินทางต่อไปกันเลย ไม่หยุดพักที่เขาภาพมังกร” ซือหม่าหลินพูด
“ได้”
เจ้าวิหคน้อยพาทุกคนห่างออกไปจากเขาภาพมังกรมากขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นไอพลังมืดมิดในร่างกายเธอคล้ายกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง มันพลุ่งพล่านอยู่ภายในสระเจดีย์สองครั้ง จากนั้นจึงสงบลง
ซือหม่าโยวเย่ว์ก้มหน้าลงมองทะเลสาบที่ริมเขาภาพมังกรแห่งนั้นแล้วนึกถึงสิ่งมีชีวิตที่ถูกสะกดเอาไว้เบื้องล่างนั่นขึ้นมา
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเธอจึงเกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาว่าสักวันหนึ่งข้างหน้า เธอจะต้องมายังสถานที่แห่งนี้อีก เพื่อมาพบมัน…
เมื่อออกมาจากเทือกเขาหมื่นอสูร พวกเขาก็เปลี่ยนมาใช้ค่ายกลนำส่งโดยไม่หยุดพัก หลังจากสนุกกับค่ายกลนำส่งสองครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงเมืองอันหยาง
เพราะเรื่องของโลกย่อส่วน ตอนที่โอวหยางเฟยบอกว่าจะกลับไปนั้น ซือหม่าโยวเย่ว์จึงให้เขามาด้วยกันก่อน แต่เธอก็มิได้บอกเรื่องโลกย่อส่วนกับพวกเขาเลย
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ โอวหยางเฟยก็ยังกลับมาด้วย เพราะเขาเชื่อมั่นในตัวเธอ
ราชสำนักอาณาจักรอู๋กลางได้ยินว่าท่านอ๋องแห่งอาณาจักรทักษิณายาตรมาที่นี่ จึงส่งคนมาติดต่อเขา เมื่อได้รู้ว่าเขามาที่นี่เป็นการส่วนตัว ผู้ส่งสารคนนั้นจึงจากไป
หนึ่งเดือนให้หลัง ในที่สุดซือหม่าโยวเย่ว์ก็ได้รับข่าวจากมารเฒ่า แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นที่หุบเขามารเทพ คราวนี้เขาจึงมิได้ลงมาด้วยตนเอง หากแต่ส่งคนผู้หนึ่งลงมาแทน
“คารวะเจ้าหุบเขาน้อย” หลังจากคนที่ถูกส่งมาเห็นซือหม่าโยวเย่ว์แล้วจึงเอ่ยทักทาย
ซือหม่าโยวเย่ว์มองคนที่ดูเหมือนชายวัยกลางคนทั่วไปแล้วเอ่ยถามว่า “ท่านคือใครหรือ”
“ข้าคือเฝิงตง ศิษย์หุบเขานอกแห่งหุบเขามารเทพ รับคำสั่งท่านเจ้าหุบเขารองมาพบท่านเจ้าหุบเขาน้อยขอรับ” เฝิงตงกล่าว
“เหตุใดท่านอาจารย์จึงไม่มาเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ท่านเจ้าหุบเขารองมีธุระรัดตัว จึงได้สั่งให้ข้ามาส่งของให้ท่านเจ้าหุบเขาน้อยแทนน่ะ” เฝิงตงพูดพลางหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาส่งให้ซือหม่าโยวเย่ว์
ซือหม่าโยวเย่ว์เปิดดูก็เห็นว่าภายในนั้นมีหินเสียงอยู่ก้อนหนึ่ง ทั้งยังมีสิ่งที่ดูเหมือนเข็มทิศอีกด้วย
เธอหยิบหินเสียงออกมาแล้วใส่ปราณวิญญาณเข้าไป เสียงของมารเฒ่าจึงดังออกมาจากภายในนั้น
“โยวเย่ว์ ระยะนี้ข้ามีธุระบางอย่างต้องจัดการ มิอาจมาพบเจ้าด้วยตนเองได้ เข็มทิศอันนี้คือกุญแจเข้าสู่โลกย่อส่วนลายสมุทร เพราะห้วงมิติของดินแดนอี้หลินแน่นหนาที่สุด ดังนั้นการเปิดมันจึงยากเย็นอยู่สักหน่อย ด้วยเหตุนี้เจ้าจึงใช้เข็มทิศอันนี้ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น มิอาจพาผู้อื่นเข้าไปด้วยได้ ไอ้หยา ข้างนอกเร่งข้าอีกแล้ว ข้าคุยกับเจ้าต่อไม่ได้แล้วล่ะ เจ้าไปที่โลกย่อส่วนเองก็ต้องระวังหน่อยนะ”
พอพูดจบ หินเสียงนั้นก็ไม่มีเสียงออกมาอีก
“ท่านอาจารย์นี่เหลือเกินจริงๆ นะ นี่ก็แทบจะมิได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ!” ซือหม่าโยวเย่ว์เบ้ปากอย่างไม่พอใจ
……………………………….