หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 520 เหนือการคาดหมาย (2)
ตอนที่ 520 เหนือการคาดหมาย (2)
เหยาหย่วนจือยกมือขึ้น เพื่อหยุดคำพูดตอนท้ายของเหยาเหยียนอี้
“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า แต่เรื่องมันถึงขั้นนี้แล้ว กลัวไปก็ไร้ประโยชน์” เหยาหย่วนจือลุกขึ้น สองมือทาบหลังเดินไปเดินมาในห้อง ผ่านไปสักพักถึงจะพูดว่า “เจ้าแอบไปจวนเจิ้นกั๋วกงดู เวลานี้เจิ้นกั๋วกงและท่านโหวน่าจะไม่อยู่ แต่เจ้าไปหาคุณชายรองได้”
“ขอรับ ลูกเข้าใจแล้ว” เหยาเหยียนอี้โค้งคำนับ
เหยาหย่วนจือพึมพำเสียงเรียบ “คำพูดที่เหลือไม่ต้องพูดและไม่ต้องถาม หลายวันนี้เยี่ยนอวี่อยู่เฝ้าฝ่าบาท เกรงว่าแม้แต่เสื้อผ้าชุดสะอาดที่ต้องเปลี่ยนก็ยังไม่ได้นำไปด้วย เจ้าบอกให้สาวใช้เก็บแล้วส่งไปให้นางสองสามชุดเถอะ”
“ขอรับ” เหยาเหยียนอี้ตอบกลับ ลุกขึ้นกลับด้านในเรือนก่อน
วันนี้ผู้รับผิดชอบรักษาความปลอดภัยในวังหลวงใต้คือทหารจิ่นหลิน เฉิงอ๋องเป็นผู้ทหารจินหลิน คือทหารคนสนิทของฮ่องเต้
ส่วนกองกำลังอีกพวกก็หลบอยู่ในที่มืด นั่นก็คือกองทัพนกอินทรีของเว่ยจาง กองทัพนกอินทรีย์มีจำนวนไม่มาก ทว่าแต่ละคนฉลาดชาญชัย อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมือ ช่ำชองในการใช้หน้าไม้ อีกประการ ข้างกายของพวกเขายังมีเทพสวรรค์ ซึ่งเป็นปืนดินที่แม่ทัพเว่ยและท่านเซียวโหวร่วมมือกันคิดค้นขึ้นมา ช่วงเวลาวิกฤตก็ยังจะต่อสู้กับศัตรูหนึ่งต่อสิบหรือไม่ก็หนึ่งต่อร้อย
แต่ว่าคนมากมายไม่รู้เรื่องนี้ รวมไปถึงเฉิงอ๋องและเจิ้นกั๋วกงก็รู้เพียงว่าแม่ทัพเว่ยมีกองกำลังลึกลับอยู่ กองกำลังนี้ฟังคำบัญชาองเว่ยจางเท่านั้น และเว่ยจางก็จงรักภักดีต่อฮ่องเต้เท่านั้น
ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เพราะว่าเจิ้นกั๋วกงและเฉิงอ๋องล้วนเป็นผู้ที่ฮ่องเต้ไว้วางใจอย่างแท้จริง พวกเขาไม่ได้เข้าข้างองค์ชายใด และไม่มีทางมีส่วนร่วมกับการชิงบัลลังก์ของเหล่าองค์ชายอยู่แล้ว
หรืออธิบายให้เข้าใจก็คือ หากฮ่องเต้เป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ พวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้เฟิงจงเยี่ยและฮองเฮาสมดั่งปรารถนา หากพวกเขายอมเลือกองค์ชายที่เชื่อฟังคำสั่งของตระกูลเฟิง เช่นนั้นต้าอวิ๋นก็ตกเป็นของตระกูลพระญาติแล้ว
ตั้งแต่ฮองเฮาเห็นบิดาของตนกับจิ่นอ๋องขัดแย้งกัน จึงกำลังจะลุกขึ้นกลับตำหนักตน กลับถูกเฉิงอ๋องรั้งไว้ “พี่สะใภ้ ท่านไม่ดูแลเสด็จพี่หน่อยหรือ”
เฟิงฮองเฮาถอนหายใจอย่างจนปัญญา “วังในยังมีธุระมากมายรอเปิ่นกงไปจัดการ เปิ่นกงก็ช่วยอะไรไม่ได้ อีกอย่าง ไม่ใช่ว่ามีเจ้าและเจิ้นกั๋วกงเคยดูแลหรือไร เรื่องใหญ่ก็ปล่อยให้พวกเจ้าเหล่าอ๋องและขุนนางใหญ่ตัดสินใจเถอะ เรื่องพระอาการของฝ่าบาทก็มีย่วนลิ่งสองคนและหมอหลวงเหยาอยู่ เปิ่นกงไม่อยู่เป็นที่ขวางหูขวางตาแล้ว”
“ถึงแม้ตำหนักจะไม่ไกลจากที่นี่ ทว่าเวลานี้ฟ้าก็ล่วงเลยไปแล้ว พี่สะใภ้กลับตำหนักก็เกรงว่าจะไม่สะดวก อีกอย่าง พวกเราเป็นเพียงบุรุษ ก็คงไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดได้ดีเท่าพี่สะใภ้ แล้วหมอหลวงทั้งสามก็รับผิดชอบพระอาการของฝ่าบาทเท่านั้น เรื่องที่ต้องปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด พี่สะใภ้ที่เหมาะสมที่สุด อีกอย่าง กิจธุระอะไรในวังในนั้นสำคัญกว่าพระอาการของฝ่าบาทหรือ” เฉิงอ๋องสีหน้านิ่งเฉย แต่คำพูดกลับเฉียบคมอย่างมาก
ชุ่ยผิงและหลินซูมั่วที่หลบอยู่ตรงมุมได้ยินก็ลอบตกตะลึง เฉิงอ๋องสมเป็นพี่น้องของฮ่องเต้จริงๆ เขาเป็นห่วงเป็นใยในพระอาการของฮ่องเต้จากใจจริง และไม่กลัวว่าจะมีเรื่องบาดหมางใจกับฮองเฮา
ตกดึก องค์หญิงใหญ่หนิงหวาก็มาแล้ว
ทุกคนต่างตกตะลึงเล็กน้อย ทว่าก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล องค์หญิงใหญ่หนิงหวาคือน้องสาวที่ฮ่องเต้รักใคร่และเอ็นดูที่สุด เป็นพี่น้องที่มีมารดาผู้ให้กำเนิดเดียวกับฮ่องเต้และเฉิงอ๋อง วันนี้ฮ่องเต้ทรงบาดเจ็บสาหัสและยังไม่ฟื้น นางมาเยี่ยมเยียนก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
เพียงแต่ว่า ใครที่เข้ามาในตำหนักใต้นี้ก็ต้องทำตามกฎระเบียบอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ‘เข้ามาได้ แต่ออกไปไม่ได้’ ทุกคนที่มาเยี่ยมเยียนฮ่องเต้ ต้องอยู่รอจนกว่าฮ่องเต้จะฟื้นขึ้นมา
นี่เป็นความคิดที่เฉิงอ๋อง เจิ้นกั๋วกง จิ่นอ๋อง เยี่ยนอ๋อง จิ้งไห่โหว และเว่ยจางเห็นพร้อมกัน เพื่อไม่ให้คนพวกนี้เข้าๆ ออกๆ ชุ่ยผิงที่เฝ้าอยู่เคียงข้างเหยาเยี่ยนอวี่เห็นองค์หญิงใหญ่ ก็รีบลุกขึ้นถวายบังคม องค์หญิงใหญ่หนิงหวาจึงยกพระหัตถ์สื่อให้นางไม่ต้องส่งเสียงใดๆ
“องค์หญิงใหญ่เชิญประทับพระที่นั่งเพคะ” ชุ่ยเวยทูลด้วยเสียงต่ำ แล้วยกเก้าอี้กลมที่วางข้างเตียงของเหยาเยี่ยนอวี่มาหนึ่งตัว
“ฮูหยินของพวกเจ้าดูกังวลใจยิ่งนัก” องค์หญิงใหญ่หนิงหวาขมวดพระขนงพร้อมเปรยเสียงต่ำ
“ฮูหยินต้องรักษาด้วยวิธีฝังเข็มแบบไท่อี่ไปสามครั้งภายในหนึ่งวัน นี่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถึงแม้ช่วงนี้จะบำรุงร่างกายเป็นอย่างดี ทว่าร่างกายก็ยังไม่สู้ดีนัก”
“เปิ่นกงรู้” องค์หญิงใหญ่คังผิงเปรยเสียงเบา
ครั้งแรกที่เหยาเยี่ยนอวี่สลบไปเพราะรักษาขาของบุตรชายตนเอง ครั้งที่สองก็สลบไปเพราะรักษาราชครูเซียว อันที่จริงนางรักษาราชครูเซียวก็เพื่อบุตรีตนเองไม่ต้องไว้อาลัยหลังจากออกเรือนใหม่ๆ และครั้งนี้ที่รักษาฮ่องเต้ ก็ไม่ถึงขั้นหมดสติไป ทว่าดูจากสภาพแล้วก็ไม่ได้ย่ำแย่เท่าใด
สตรีเช่นนี้ แม้ไม่ถือว่าเกิดมามีฐานะสูงส่ง ทว่ากลับมีจิตวิญญาณที่สูงส่ง นางมีฝีมือการแพทย์ไร้เทียมทาน จงรักภักดีและยุติธรรม มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อคนในตระกูล มีความรักและไว้วางใจต่อสามีตนเอง มีความอดทนต่อมิตรสหาย
สตรีเช่นนี้ บุรุษมากมายยังเทียบเทียมไม่ได้เลย! แคว้นต้าอวิ๋นมีสตรีเช่นนี้อยู่หนึ่งคน ถือเป็นความโชคดีของใต้หล้านี้ ความโชคดีของตระกูลเชื้อพระวงศ์ และเป็นความโชคดีของตนองค์หญิงใหญ่หนิงหวา
ไม่ว่าอนาคตจะเปลี่ยนแแปลงไปอย่างไร เวลานี้ องค์หญิงใหญ่หนิงหวาตัดสินพระทัยปกป้องเหยาเยี่ยนอวี่แล้ว
องค์หญิงใหญ่หนิงหวาประทับบนที่นั่งข้างหน้าต่างที่เหยาเยี่ยนอวี่อยู่ไปสักพักแล้วลุกขึ้น ก่อนจะเสด็จจากไปก็กำชับกับชุ่ยผิง “ดูแลนายหญิงของเจ้าดีๆ ต้องการอะไรก็มาทูลเปิ่นกงโดยตรงได้เลย”
“เพคะ” ชุ่ยผิงพลันค้อมตัวลง “องค์หญิงใหญ่หนิงหวาเชิญเสด็จเพคะ”
หลังจากองค์หญิงใหญ่หนิงหวาจากไป ชุ่ยผิงยืนอยู่ตรงประตูตำหนักมองฟ้ายามราตรี แล้วถอนหายใจเบาๆ
คืนนี้เป็นคืนที่ยาวนานมาก ผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้า กลับทำให้คนรู้สึกรอคอย หวังว่าฮ่องเต้จะไม่เป็นอะไร
ค่ำคืนนี้ มีคนมากเท่าใดกันที่ไม่หลับไม่นอน กำลังคิดแผนการ กำลังระมัดระวังตัว และกำลังอยากรู้อยากลองจนอดใจไม่ไหว
รุ่งเช้าวันที่สอง แสงแดดสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาตรงหน้าเตียงเหยาเยี่ยนอวี่ ทำให้นางตื่นจากฝัน
ชุ่ยผิงกำลังงีบหลับอยู่บนที่รองฝ่าเท้าตรงหน้าเตียง มือกลับจับมุมผ้าห่มผืนบางของเหยาเยี่ยนอวี่ไว้ เหยาเยี่ยนอวี่ขยับตัว ชุ่ยผิงถึงจะตื่น ขณะที่ดวงตายังคงมัวพร่าเพราะเพิ่งตื่นนอน ก็ถามด้วยเสียงแหบพร่าแล้ว “ฮูหยินตื่นแล้วหรือ รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างเจ้าคะ”
“ข้าสบายดี กลับเป็นเจ้า” เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจจนหนทาง “เฝ้าข้ามาหนึ่งคืนเลยใช่หรือไม่ ดูขอบตาของเจ้าสิ รีบกลับไปพักผ่อนกันเถอะ”
“บ่าวจะไปตักน้ำให้ฮูหยินล้างหน้าแปรงฟันเจ้าค่ะ” ชุ่ยผิงพูดไป ก็ลุกขึ้นทันที
“ไม่ต้องแล้ว ไม่ใช่ว่ามีนางกำนัลอยู่ด้านนอกหรือไร” เหยาเยี่ยนอวี่พูดไป ก็ดึงชุ่ยผิงกลับมา “เจ้านอนบนเตียงของข้าเถอะ ข้าออกไปเดินดูด้านนอกเสียก่อน”
ชุ่ยผิงก็เหนื่อยจริงๆ ทว่านางจะนอนเตียงเหยาเยี่ยนอวี่ได้อย่างไร แค่เอาผ้าห่มผืนบางพิงนอนบนเก้าอี้สานด้านข้างเท่านั้น