เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 187 สอพลอ
บทที่ 187 สอพลอ
ฉู่ลั่วเงยหน้าขึ้นพลางมองเข้าไปข้างใน เธอกะพริบตาเล็กน้อย ริมฝีปากบางเม้มแน่น
ประตูตำหนักเปิดออกเองโดยที่ไม่มีผู้ใดสัมผัสมัน
ฉู่ลั่วยื่นมือไปผลักแรง ๆ ประตูบานนั้นไม่ได้หนักมากมายอะไร แต่ก็ไม่ได้เบา อย่างน้อยเวลาที่มีลมพัดมาก็ไม่ได้ขยับไปตามแรงลม
เดินลึกเข้าไปอีกหน่อย ก็มีเสียงคนพูดคุยกันดังออกมา แต่ฟังดูเลือนรางจนได้ยินไม่ชัดเจน
ราวกับเสียงนั้นถูกแยกออกไปอยู่อีกช่องว่างหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
ฉู่ลั่วมองใบไม้แห้งสีเหลืองที่หมุนวนอยู่กลางลานตำหนัก
ทั้งที่ไม่มีลม แต่ใบไม้กลับร่วงลอยกระจัดกระจาย
เธอเดินเข้าไปในลานตำหนักทีละก้าว ๆ ประตูด้านหลังส่งเสียงดัง ‘แกร๊ก’ ก่อนจะปิดลงเอง
ฉู่ลั่วนิ่งเงียบ “…”
เธอเดินตามเสียงนั้นไป
ทว่าก่อนที่เธอจะเดินไปถึงนั้น ก็เห็นเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งออกมาพลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย น้ำเสียงของเด็กสาวคนนั้นร้อนรนมาก “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ ๆ ถึงเกิดเรื่องขึ้นได้? ตอนนี้การถ่ายทำทั้งหมดก็หยุดลงแล้ว เมื่อกี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นด้วย”
ขณะที่คุยโทรศัพท์ เด็กสาวก็เหลือบมองเห็นฉู่ลั่ว ทันทีที่เห็นหน้าเธอ ดวงตาของเด็กสาวก็เป็นประกาย
แต่ไม่นานก็ขมวดคิ้ว “ขอโทษนะคะ นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำของพวกเรา นักท่องเที่ยวกับแฟนคลับเข้ามาไม่ได้ค่ะ”
“ถ้าคุณบังเอิญเดินเข้ามาผิดที่ ฉันจะนำทางคุณออกไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ฉู่ลั่วกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง
เด็กสาวมองมาด้วยท่าทางสงสัย
ฉู่ลั่วเอ่ยว่า “ฉันมาช่วยแก้ปัญหาให้กองถ่ายของพวกคุณค่ะ”
อีกฝ่ายได้ยินก็รีบส่ายหน้า “ปัญหา… ปัญหาอะไรคะ? กองถ่ายของเราไม่มีปัญหาอะไรนะคะ!”
ฉู่ลั่วหันหน้ากลับไป พลางชี้ใบไม้ที่ยังหมุนวนอยู่ในลานตำหนัก “นั่นเรียกว่าไม่มีปัญหาเหรอคะ?”
เด็กสาวมองไปตรงนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอกรีดร้องออกมาเสียงดัง แล้วรีบปิดปากอย่างรวดเร็ว
ฉู่ลั่วมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอยู่ไหมคะ?”
หญิงสาวนิ่งเงียบ “…”
แววตาที่หวาดกลัวและสั่นเทาของเธอมองไปที่ฉู่ลั่ว ทว่าภายใต้สายตาเรียบเฉยของอีกฝ่ายที่จ้องมองมา ความหวาดกลัวในใจของหญิงสาวก็เริ่มดีขึ้น จึงตัดสินใจพาฉู่ลั่วเข้าไปข้างใน
สถานที่ถ่ายทำของกองถ่ายเต็มไปด้วยอุปกรณ์มากมายหลายชนิด
นักแสดง ผู้กำกับ และทีมงานกองถ่ายรวมตัวกันอยู่ บางคนมีสีหน้าโกรธ บางคนมีแววตาหวาดกลัว บางคนก็ร้องตะโกนว่าไม่ต้องถ่ายทำภาพยนตร์แล้ว
“เสี่ยวโหยว ทำไมเธอกลับมาแล้วล่ะ? ฉันบอกให้เธอไปหาคนดูแลที่นี่ไม่ใช่เหรอ? ไปถามพวกเขาซิว่าทำไมที่นี่ถึงเกิดปัญหาตลอดเลย ถ้าไม่ไฟฟ้าลัดวงจร ก็มีอะไรพังลงมาทุกที”
เสี่ยวโหยวชะงักไป เธอไม่กล้าแนะนำฉู่ลั่วแล้ว
รองผู้กำกับถามอย่างโกรธเกรี้ยว เสี่ยวโหยวจึงกัดฟันแล้วแนะนำเรื่องของฉู่ลั่วออกไป
รองผู้กำกับถอนหายใจพยายามระงับความโกรธ “นี่มันเวลาไหนแล้ว อย่าสร้างความวุ่นวายเพิ่มได้ไหม?”
หญิงสาวพูดออกมาด้วยความเสียใจ “แต่ว่า… ไม่แน่นะคะ อาจจะมีของสกปรกอยู่จริงก็ได้”
รองผู้กำกับได้ยินก็โกรธมาก เขาดึงเสี่ยวโหยวมาข้าง ๆ “พวกเราแค่ถ่ายทำหนังสยองขวัญ เธออย่าทำให้มันกลายเป็นเรื่องสยองขวัญในสถานการณ์จริงได้ไหม?”
“แค่เรื่องเล็กน้อยก็จัดการให้ดีไม่ได้ ยุ่งจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
รองผู้กำกับเดินตรงมาที่ฉู่ลั่ว เขายิ้มพลางพูดว่า “ขอโทษนะครับ วันนี้กองถ่ายของพวกเราค่อนข้างยุ่ง คุณเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาโดยไม่ตั้งใจใช่ไหม? หรือว่าเป็นแฟนคลับของใครในกองของเราเหรอ? ถ้าต้องการรูปถ่ายพร้อมลายเซ็น พวกเราช่วยได้นะครับ แต่วันนี้ค่อนข้างวุ่นวายมากจริง ๆ เลยไม่สะดวกเท่าไหร่”
ฉู่ลั่วส่ายหน้า “ฉันไม่ใช่นักท่องเที่ยว และไม่ใช่แฟนคลับด้วย ฉันมาแก้ปัญหาค่ะ”
รองผู้กำกับสูดหายใจเข้าลึก แววตาอบอุ่นหายไปเหลือเพียงสายตาเย็นชา ขณะกำลังจะเอ่ยปากต่อว่าฉู่ลั่วด้วยความโกรธ
“ปรมาจารย์ฉู่ใช่ไหมครับ!?”
เสียงพูดด้วยความดีใจก็ดังขึ้นมากะทันหัน
รองผู้กำกับหันไปหาต้นเสียง ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย “ผู้กำกับ!”
ผู้กำกับรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายดูเป็นชายที่อายุยังไม่มาก เพิ่งจะสามสิบกว่าเท่านั้นและยังมีรูปร่างหน้าตาโดดเด่นมาก แม้จะอยู่ในกลุ่มนักแสดงที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นที่ไม่ธรรมดา แต่เขาก็ยังเป็นเอกลักษณ์และดูแตกต่างจากคนอื่นอย่างชัดเจน
ฉู่ลั่วรู้สึกคุ้นหน้าเขาอยู่บ้าง
ผู้กำกับแนะนำตัวเองพร้อมรอยยิ้ม ท่ามกลางแววตาตกตะลึงของคนกลุ่มหนึ่ง “ผมคืออิ่นซานครับ ครั้งก่อนต้องขอบคุณปรมาจารย์ฉู่ที่ช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่รู้จะอธิบายให้ภรรยาฟังยังไง”
“สวัสดีค่ะ”
อิ่นซานจับมือกับเธอ “ปรมาจารย์ฉู่ คุณเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก็เลยมาที่นี่ใช่ไหมครับ?”
ฉู่ลั่วพยักหน้า
ผู้กำกับหนุ่มรู้สึกโชคดี “ผมยังกังวลอยู่เลยครับว่าจะทำยังไงดี แต่ในเมื่อปรมาจารย์ฉู่มาที่นี่แล้ว คุณคือผู้ช่วยชีวิตของผมจริง ๆ”
คนในกองถ่ายมองอิ่นซานอย่างตกตะลึง
อิ่นซานมีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อยจึงค่อนข้างถือตัว เขาได้รับรางวัลแกรนด์สแลมในสาขาราชาภาพยนตร์ และตอนที่ชื่อเสียงของเขาโด่งดังถึงขีดสุด ผู้กำกับหนุ่มเลือกที่จะเกษียณตัวเอง และแต่งงานกับคนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่วัยเด็ก
ใครก็ตามที่ได้รู้จักอิ่นซาน ย่อมรู้นิสัยของชายคนนี้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะหลังจากที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือทีมงานในกองถ่าย เขาจะเข้มงวดมาก
เคยเห็นอิ่นซานอารมณ์ดีขนาดนี้ตอนไหนกัน?
จะเรียกว่าดีก็ไม่ได้ ต้องเรียกว่าประจบสอพลอต่างหาก