เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2935 มอบสุรา / ตอนที่ 2936 ตบรางวัล
ตอนที่ 2935 มอบสุรา
“เอ๊ะ? นี่เขาใช้ป้ายหยกแลกชีวิตหรือนี่ ดูท่าเขาเองก็ไม่ได้มีความมั่นใจในการประลองครั้งนี้เช่นกัน” ชายคนหนึ่งที่ยืนเกาะรั้วกั้นเอ่ยอย่างคาดเดา เขามองนักดาบสองคมที่ล้มอยู่นอกกรงเหล็กนิลก่อนจะส่ายหน้า “แม้จะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่เดาว่าอนาคตข้างหน้าคงสู้กับสัตว์ร้ายไม่ได้อีกแล้ว”
“ป้ายหยกแลกชีวิตนั่นมันอย่างไรกันอีก?” เฟิ่งจิ่วถามหนึ่งในหญิงสาว
“เรียนคุณหนู นั่นเป็นป้ายหยกที่ต้องแลกด้วยเงินห้าร้อยเหรียญทอง ใช้รักษาชีวิตได้แค่หลังจากที่ตัดสินแพ้ชนะแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นยังคงตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ทุกคนที่เข้าประลองกับสัตว์ร้ายล้วนมีมันหรือ ไหนว่าไม่ตายไม่เลิกอย่างไรเล่า” นางเลิกคิ้วขณะเอ่ยถาม
หญิงสาวตอบว่า “ไม่ได้มีกันทุกคน มีแค่คนที่ใช้เงินห้าร้อยเหรียญทองเท่านั้นจึงจะมี อีกอย่างภายใต้สถานการณ์ปกติ น้อยมากที่จะใช้ป้ายหยกแลกชีวิต ผู้ฝึกตนส่วนมากมักสู้จนตัวตายเจ้าค่ะ”
เฟิ่งจิ่วสายตาไหวระริก ก็จริง คนที่มาร่วมการประลองสัตว์ร้ายล้วนเป็นคนที่เอาชีวิตมาแขวนบนเส้นด้าย จะเอาเงินห้าร้อยเหรียญทองไปแลกกับป้ายหยกอย่างนั้นได้อย่างไรกัน?
ผ่านไปไม่นาน นักดาบสองคมผู้นั้นถูกผู้ชายสองคนลากออกไป เมื่อเสียงประกาศว่าฝ่ายสีเขียวเป็นผู้ชนะดังก้องกลางอากาศ ผู้ติดตามคนหนึ่งก็ยกถาดเข้ามา “แขกผู้มีเกียรติ นี่คือเงินพนันหนึ่งหมื่นเหรียญทองที่ท่านชนะ ได้โปรดรับไว้” ผู้ติดตามคนนั้นยื่นถาดมาตรงหน้าเซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่ว
“เหลิ่งหวา”
เฟิ่งจิ่วขานเรียก ไม่นานก็เห็นเหลิ่งหวาเดินเข้าไปตรวจสอบ ก่อนจะรับเหรียญเงินเหล่านั้นมาเก็บไว้ “นายท่าน หนึ่งหมื่นเหรียญทองถูกต้องแล้ว”
“อืม” เฟิ่งจิ่วรับคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะหันไปสั่งหญิงสาวสองนางนั้น “พวกเจ้าก็ออกไปเถอะ!”
“เจ้าค่ะ” หญิงสาวทั้งสองรับคำอย่างนอบน้อม ก่อนจะถอยออกไปอย่างว่าง่าย ดูมาจนถึงตอนนี้ หากยังไม่รู้ถึงตำแหน่งของหญิงชุดแดงอีก พวกนางก็นับว่าเสียเปล่าที่อยู่ในวงการนี้มาหลายปี
“แขกห้องหมายเลขเก้า เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าสัตว์ร้ายสองหัวตัวนั้นจะชนะ?” ชายคนหนึ่งตะโกนถาม เขายืนมองเงาร่างรางๆ สองร่างนั้นจากด้านหลังรั้วกั้น
เซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่วไม่สนใจ พวกเขาเอนตัวนอนพักผ่อนอยู่บนตั่งเตี้ย ส่วนเหลิ่งหวากับหลัวอวี่ยืนอยู่ข้างกายพวกเขา
“นายท่าน พวกเราใช้เงินไปสี่พันเหรียญทองตอนเข้ามา ตอนนี้กลับชนะได้มาหนึ่งหมื่น นับว่าได้กำไรแล้ว” หลัวอวี่ยิ้มกว้าง รู้สึกว่าไม่เสียเปล่าที่ตามนายท่านออกมา
“อืม ได้กำไรก้อนน้อยๆ อย่างไรเสียพวกเราก็ไม่มีต้นทุนกิจการอะไร แค่ชมการประลองสัตว์ร้ายก็ต้องใช้เงินถึงสี่พันเหรียญทอง สิ้นเปลืองเกินไปจริงๆ” เฟิ่งจิ่วว่า ก่อนจะหยิบขนมขึ้นมากิน
“นายท่าน พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่าสัตว์ร้ายสองตัวนั้นจะชนะ?” หลัวอวี่ถามสิ่งที่สงสัย ผู้ฝึกตนคนนั้นมีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา แต่กลับพ่ายแพ้เสียได้ นึกไม่ถึงเลยจริงๆ
“คนคนนั้นมีอาการบาดเจ็บภายในที่ยังไม่หายดี ภายใต้การต่อสู้ที่ยาวนาน อย่างไรก็ต้องแพ้” เฟิ่งจิ่วอธิบายอย่างเนิบนาบ
เวลานี้เอง เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก เหลิ่งหวาเดินไปเปิดประตู ครั้นเห็นว่าเป็นผู้ติดตามจึงให้เขาเข้ามา ผู้ติดตามเดินประคองถาดเข้ามาหยุดยืนข้างกายเซวียนหยวนโม่เจ๋อและเฟิ่งจิ่ว ก่อนจะพูดอย่างนอบน้อมว่า “แขกผู้มีเกียรติ แขกหมายเลขห้าส่งสุราหอมมาให้ทั้งสองท่านหนึ่งกา รวมถึงสั่งการร่ายรำให้ทั้งสองได้ชมหนึ่งบทเพลง โปรดรับไว้ด้วยขอรับ”
เขารินสุราให้ทั้งสอง จากนั้นก็เดินไปที่รั้วกั้นก่อนจะปรบมือส่งสัญญาณ เสียงดนตรีบรรเลงดังขึ้น กรงเหล็กนิลที่เคยปรากฏอยู่ตรงกลางหายไปในพริบตา ก่อนที่ควันจางๆ จะลอยกระจายปกคลุมพื้นดิน โฉมสะคราญเจ็ดนางที่สวมใส่เสื้อผ้าหลากสีเดินสะบัดแขนเสื้อผ้าไหมโปร่งออกมาจากหลังบานประตู ท่ามกลางโฉมสะคราญทั้งเจ็ด หญิงสาวชุดขาวนางหนึ่งปกปิดใบหน้าด้วยผ้าไหมสีขาว เมื่อนางปรากฏตัวก็สามารถดึงดูดสายตาตะลึงลานในความงามของผู้คนได้เป็นอย่างดี
………………………………….
ตอนที่ 2936 ตบรางวัล
“นางรำในเมืองลอยฟ้าแห่งนี้ก็ช่างงามเพริศแพร้วจริงๆ ใช้ผ้าไหมปกปิดใบหน้าให้ดูวับๆ แวมๆ ยิ่งทำให้ดูน่าค้นหา นัยน์ตางามเป็นประกายเปี่ยมเสน่ห์ชวนให้ลุ่มหลง เรือนร่างก็อรชรอ่อนช้อยดุจกิ่งหลิวลู่ลม ขณะเดียวกันก็ราวกับงูน้ำที่เคี้ยวคด ช่างงดงามกระชากวิญญาณโดยแท้”
ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังผ้าม่านไข่มุก ยืนมองหญิงงามในชุดขาวที่ร่ายรำอยู่ตรงกลาง ยามเห็นเนินอกที่ขาวเนียนราวหิมะที่โผล่พ้นออกมานอกร่มผ้า ดวงตาของเขาก็ยิ่งไม่อาจละสายตาออกจากนางได้
ท่ามกลางหมอกจางๆ โฉมตรูสะบัดแขนเสื้อร่ายรำ ผ้าไหมยาวๆ ที่เกี่ยวรัดแขนอันขาวนวลของพวกนางเคลื่อนไหวไปตามการร่ายรำ บางครั้งก็เขย่งเท้ากระโดดขึ้นเบาๆ หมุนตัวและทิ้งเท้าลงพื้นอย่างอ่อนช้อย กลีบกระโปรงเบ่งบานดึงดูดสายตาผู้ชม…
ด้านนอก เสียงอุทานในความงามดังขึ้นไม่ขาดสาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนถามราคาค่าตัวของนางรำอีกด้วย
ในห้องหมายเลขเก้า เฟิ่งจิ่วชมการร่ายรำที่น่าประทับใจ ฟังเสียงชื่นชมดังเข้าหูมาอย่างไม่ขาดสาย นางเพียงยิ้มบางๆ ก่อนหันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ข้างๆ พร้อมถามว่า “งามหรือไม่?”
เหลิ่งหวากับหลัวอวี่ยกมุมปากเล็กน้อย ทั้งสองถอยออกไปยืนด้านหนึ่งอย่างเงียบๆ พลางหันไปชื่นชมการร่ายรำอันน่าประทับใจนั่น จำต้องยอมรับว่านางรำเหล่านั้นเพราะมีวรยุทธ์ติดตัวอยู่บ้าง ยามร่ายรำร่างกายจึงดูเบาหวิวและอ่อนช้อย กอปรกับฉากหลังที่มีแต่ม่านหมอก พร้อมดวงหน้าอันงดงามของพวกนาง จึงให้ความรู้สึกราวกับเป็นเทพธิดาบนชั้นฟ้าอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองนางรำที่กำลังร่ายรำ หลังจากเพ่งมองอย่างจริงจังครู่หนึ่ง ก็หันไปตอบเฟิ่งจิ่วว่า “แม้ท่วงท่าการร่ายรำจะน่าประทับใจ แต่ก็สู้อาจิ่วไม่ได้แม้แต่ครึ่งส่วน”
หญิงสาวเหล่านี้ร่ายรำได้ดีจริงๆ แต่เขารู้ว่าหากอาจิ่วร่ายรำขึ้นมาบ้าง จะยิ่งงดงามจนขนานนามได้ว่าเป็นโฉมสะคราญล่มเมืองอย่างแน่นอน
เฟิ่งจิ่วเม้มปากยิ้ม “พวกนางร่ายรำได้ไม่เลวจริงๆ แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ พวกนางกลับได้รับคำว่าน่าประทับใจจากท่านด้วย”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองนาง “อาจิ่วไม่ชอบให้ข้าชมว่าพวกนางร่ายรำได้น่าประทับใจหรือ? เช่นนั้นข้าก็จะไม่ชม”
“ในเมื่อชมแล้ว ก็ต้องตบรางวัล” เฟิ่งจิ่วยิ้มบอก ก่อนหันไปสั่งเหลิ่งหวาว่า “ตบรางวัลคนละหนึ่งร้อยเหรียญทอง หญิงนางที่นำการร่ายรำตบรางวัลสองร้อยเหรียญทอง” ล้วนเป็นเงินที่ชนะเดิมพันมา พอเอาเงินนี้มาตบรางวัลก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ขอรับ” เหลิ่งหวารับคำ เขาเดินออกไปบอกต่อกับคนข้างนอก ตอนที่การร่ายรำจบลง เหล่านางรำกำลังจะถอยออกไปก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นกลางอากาศ พวกนางจึงหยุดเดิน
“แขกหมายเลขเก้าตบรางวัลนางรำคนละหนึ่งร้อยเหรียญทอง และตบรางวัลสุ่ยเซียนเซียนผู้นำการร่ายรำสองร้อยเหรียญทอง”
ครั้นได้ยินเสียงประกาศ คนอื่นๆ ต่างก็พากันตบรางวัลเหรียญทอง โดยเฉพาะหญิงสาวผู้นำการแสดง ด้วยเหตุนี้ เหล่านางรำจึงได้รับรางวัลกันไม่น้อยเลยทีเดียว
“ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่ตบรางวัล” สุ่ยเซียนเซียนที่ปิดหน้าด้วยผ้าโปร่งย่อเข่าคารวะขอบคุณ ขณะกำลังจะถอยออกไป ก็ได้ยินเสียงถามกลั้วหัวเราะดังขึ้น
“แม่นางสุ่ย พวกเราตบรางวัลให้เจ้าไม่น้อยเลย แต่กลับไม่ได้เห็นแม้แต่โฉมหน้าของเจ้า แม่นางควรถอดผ้าปิดหน้าออกเพื่อให้พวกเราได้ยลโฉมหน่อยหรือไม่?”
ครั้นได้ยินประโยคนั้น คนอื่นๆ ต่างก็โห่ร้องเสริม “ใช่แล้วๆ พวกเราตบรางวัลไปไม่ใช่น้อยๆ อย่างไรก็ควรให้พวกเราได้ยลโฉมของแม่นางหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น หญิงงามควรอวดโฉมให้ผู้คนได้เชยชม มีอย่างที่ไหนเอาผ้ามาปิดบังใบหน้าไว้เช่นนี้”
สุ่ยเซียนเซียนหลุบตาลงต่ำ ร่างกายสั่นเทาราวกับกำลังหวาดกลัว นางถูกทุกคนบีบบังคับ และไม่เห็นผู้ดูแลเบื้องบนออกหน้าจัดการให้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อยากบาดหมางกับแขกเพียงเพื่อนางรำคนเดียว หลังจากชั่งน้ำหนัก นางก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
………………………………….