เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 138 สองทฤษฎีสมคบคิด!
บทที่ 138 สองทฤษฎีสมคบคิด!
“เฮ้อ……”
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด ก็ยืนยันได้ว่ากลไกร่างกายของปรมาจารย์ฮัวเริ่มกลับมาทำงานเป็นปกติ และดำเนินการฟื้นฟูซ่อมแซมร่างกายแล้ว ซูเย่จึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ปราณกำเนิดสลายไป หลังจากได้ทำเรื่องสำคัญอย่างการช่วยชีวิตคน
แต่ในร่างของเขาก็ยังคงมีปราณนี้เหลืออยู่อีกมากมาย
เมื่อเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าเสร็จ ซูเย่จึงเปิดประตู
ผู้คนที่รอคอยอย่างวิตกกังวลอยู่ภายนอก เข้ามาล้อมทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิด
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
หลี่เคอหมิงพุ่งเข้ามาเป็นคนแรก เอ่ยถามอย่างกระสับกระส่าย
ภรรยาของอาจารย์และเหล่าคณบดีเองก็ก้าวเท้าตรงเข้ามา จ้องมองซูเย่เป็นตาเดียว
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ” ซูเย่ตอบ
ทุกคนถอนใจออกมาด้วยความโล่งทันที
ระหว่างที่พวกเขาจะเปิดประตูเข้าไปดู ซูเย่กล่าวออกมา “ร่างกายของอาจารย์ยังอ่อนแออยู่ ผมเลยไม่ได้ปลุกท่านขึ้นมา แนะนำว่าอย่าเพิ่งเข้าไปกันเยอะจนเป็นการรบกวนจะดีกว่าครับ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปเอง”
ภรรยาของอาจารย์รีบเดินเข้าไป
คนอื่นที่ต้องการตามเข้าไปถูกซูเย่ห้ามเอาไว้
“อาจารย์ต้องการพักสักหน่อยครับ อย่าเข้าไปรบกวน”
แม้จะเผชิญหน้ากับผู้อำนวยการอยู่ แต่ซูเย่ก็ไม่อ้อมค้อม และไม่ยอมให้เดินต่อแม้แต่ครึ่งก้าว
เมื่อเหล่าคณบดีได้ยินเช่นนั้น พวกเขามองหน้าซูเย่อยู่พักใหญ่ จนมั่นใจว่าซูเย่ไม่มีทางปล่อยให้เข้าไปแน่นอน พวกเขาจึงทำได้เพียงรออยู่ข้างนอก
“ศิษย์พี่ เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์กันแน่ครับ?”
ซูเย่ปิดประตู มองหลี่เคอหมิงด้วยสีหน้าคร่ำเครียด เขาลงมือรักษาทันทีที่มาถึง เลยไม่มีเวลาได้ไถ่ถามรายละเอียดก่อน
“ฉันก็ไม่รู้อย่างชัดเจนเหมือนกัน” หลี่เคอหมิงยิ้มเจื่อน “เมื่อเช้า ฉันมาหาอาจารย์เพื่อพูดคุยเรื่องการประลอง แต่ไม่มีใครตอบกลับเลยหลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน คุณนายที่นอนอยู่ห ห้องข้าง ๆ ก็ตื่นขึ้นเพราะเสียงตะโกนของฉัน หลังจากได้รับอนุญาตแล้วฉันจึงพังประตูเข้าไปและพบว่าอาจารย์ติดพิษ”
“เป็นไปได้ไหมว่าพิษมาจากอาหาร?” ผู้นำคนหนึ่งเอ่ยถาม
“ไม่ครับ!” ซูเย่ส่ายหัว สีหน้าไร้อารมณ์ และกล่าว “มีใครบางคนวางยาครับ!”
หือ?
พอเห็นว่าซูเย่ทำท่ามั่นใจขนาดนั้น
สีหน้าของทุกคนก็แสดงออกถึงความตื่นตกใจทันที
“ใครเป็นคนทำ?”
“มีใครบางคนต้องการฆ่าปรมาจารย์ฮัวหรือ?”
“ปรมาจารย์ฮัวไม่เคยมีศัตรู และด้วยวิชาของท่าน ไม่น่าจะถูกวางยาได้ง่ายเช่นนั้น”
เหล่าผู้นำหารือกัน
“ฉันก็คาดว่าอาจารย์ถูกวางยาเหมือนกัน!” หลี่เคอหมิงถอนใจออกมา “หากอาหารเป็นพิษทั่วไป อาจารย์คงสามารถรักษาและถอนพิษให้ตัวเองอย่างง่ายดาย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยให้พิษออ อกอาการร้ายแรงขนาดนั้น”
กล่าวจบ
“จริงด้วย”
หลี่เคอหมิงพลันนึกบางสิ่งออก
“อาจารย์มีนิสัยชอบดื่มน้ำก่อนเข้านอน!”
ซูเย่พุ่งตรงเข้าไปในห้องทันที
ตรวจสอบถ้วยชาที่วางอยู่ข้างหัวเตียงอย่างละเอียด
ลางสังหรณ์บอกเขาว่า จะต้องมีบางอย่างผิดปกติกับน้ำในถ้วยนี้อย่างแน่นอน
ขณะนั้นหลี่เคอหมิงเองก็เข้ามา พยายามจะไปเก็บถ้วยชา
“อย่าแตะต้องครับ!” ซูเย่รีบห้าม “อย่าแตะต้องอะไรในห้องนี้ทั้งนั้นครับ เพื่อคงสภาพหลักฐานและหลีกเลี่ยงการได้รับพิษโดยบังเอิญ”
หลี่เคอหมิงจึงหยุด มองดูถ้วยชาโดยไม่ได้ทำอะไร
ซูเย่นำโทรศัพท์ออกมา โทรหาเกาหรงกวง
“ฮัลโหล?” อีกฝ่ายรับสาย
“ผมเจอคดีวางยาพิษครับ และไม่ใช่พิษธรรมดา ช่วยพาคนมาที่นี่หน่อยครับ”
กล่าวจบ ซูเย่ตัดสายไป และส่งพิกัดให้เกาหรงกวงทันที
เมื่อเห็นตำแหน่ง เกาหรงกวงก็ตะลึง
เขาจำได้แม่นว่านี่คือที่อยู่อาจารย์ของซูเย่ ฮัวเหรินเชิง ซึ่งเป็นหนึ่งในเพียงสิบปรมาจารย์แพทย์แผนจีนแห่งชาติ!
บุคคลเช่นนี้เป็นเป้าหมายสำคัญที่ทีมสืบสวนจะต้องปกป้อง
เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น!
เกาหรงกวงไม่กล้าแม้แต่จะช้าสักนิดเดียว รีบนำคนออกไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็ว
เมื่อไปถึง สถานที่ถูกปิดกั้นทันที และถ้วยชาถูกส่งไปพิสูจน์หลักฐาน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
“ผลออกมาแล้ว!” หลังจากรับโทรศัพท์ เกาหรงกวงกล่าวเสียงเข้มบอกซูเย่ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก “แน่นอนว่าตรวจพบพิษอยู่ในถ้วยชา ไม่ใช่เพียงพิษธรรมดา แต่มีส่วนประกอบจากพิษร้ายแรง หลายชนิด อันตรายอย่างมาก!”
“พิษร้ายแรงนี้ ใช้เพียง 0.1 กรัมก็สามารถฆ่าวัวได้แล้ว ที่ปรมาจารย์ฮัวไม่ถึงตายถือว่าโชคดีมาก”
ได้ยินเช่นนี้
สีหน้าของซูเย่และหลี่เคอหมิงก็มืดมน
มีใครบางคนวางยาพิษจริงด้วย!
ว่าแต่ใครล่ะ?
ใครที่พยายามจะฆ่าปรมาจารย์ฮัว?
ใบหน้าของผู้นำคนอื่นเองก็บิดเบี้ยวไม่น่าดู
ปรมาจารย์ฮัวเป็นสมบัติแห่งแพทย์แผนจีน และนี่ยังเป็นถึงเขตของมหาวิทยาลัยจี้หยาง!
ปรมาจารย์ฮัวถูกวางยาพิษในที่พักของตัวเอง?
อยากฆ่าไอ้คนที่วางยาพิษกลับเสียเหลือเกิน!
หากเรื่องนี้ไปถึงเบื้องบนเมื่อไร
พวกเขาคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับผิดชอบ!
“พิษมันร้ายแรงก็จริงครับ” ซูเย่พยักหน้า กล่าวต่อด้วยเสียงเคร่งขรึม “ตอนที่ผมรักษาอาจารย์ ผมคิดว่าท่านคงจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อคืนนี้ ท่านฝังเข็มให้ตัวเองเพื่อยื อลมหายใจไว้ จนกระทั่งพวกเรามาช่วยท่านได้ทัน”
ทุกคนที่ได้ฟังรู้สึกตกใจ
ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่ง
โชคดีที่ปรมาจารย์ฮัวมีฝีมือ หากเป็นคนอื่นก็คงตายไปนานแล้ว
ทันใดนั้นเหล่าคณบดีก็โกรธ
ใครกัน?
ใครที่มันกล้าวางยาพิษ?
“เป็นไปได้หรือเปล่าว่าจะเป็นกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน?”
ผู้นำคนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างกระทันหันด้วยเสียงเย็นชา “เพื่อที่จะชนะการประลองแพทย์แผนจีนระดับปรมาจารย์ที่กำลังจะมาถึง?”
คำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา
ทุกคนในห้องก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
ข้อสันนิษฐานนี้มีความเป็นไปได้สูง
ยิ่งคิดมากเท่าไร ก็ยิ่งดูสมเหตุสมผลมากขึ้นเท่านั้น!
ซูเย่ทำหน้าเครียดเล็กน้อยและมองไปหาเกาหรงกวง เอ่ยถามว่า “ตรวจสอบกล้องวงจรปิดหรือยังครับ?”
“เรียบร้อย” เกาหรงกวงพยักหน้า “ฝ่ายเทคนิคกำลังทำการวิเคราะห์อยู่”
ทุกคนพยักหน้า ตราบใดที่มีกล้องวงจรปิด คนร้ายก็คงหนีไม่พ้น!
เดี๋ยวก่อน!
พวกเขามองดูซูเย่และเกาหรงกวงด้วยความสับสน
ท่าทางของคนจากสำนักงานตำรวจที่มีต่อซูเย่ มันอย่างกับผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติต่อเจ้านายเลย
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ติ๊ดติ๊ดติ๊ด
โทรศัพท์ของซูเย่ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นมา
เป็นสายจากซูชือ
“เสี่ยวเย่ อาจารย์นาย ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนถูกวางยาพิษเหรอ?”
ซูชือเอ่ยถามทันทีที่สายติดอย่างเป็นกังวล
ซูเย่ขมวดคิ้ว “ไปได้ยินมาจากไหน?”
เขามองไปรอบห้อง ทุกคนที่ทราบเรื่องปรมาจารย์ฮัวยังอยู่ที่นี่ แล้วข่าวไปถึงหูของซูชือได้อย่างไร?
“อยู่ว่อนอินเทอร์เน็ตเลย!” ซูชือตอบทันที “พนันได้เลยว่านายยังไม่รู้เรื่องที่ข่าวกระจายไปทั่วแล้วใช่ไหม? นายรีบเปิดดูดีกว่า มันกำลังกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว!”
กระจายไปทั่ว?
ตาของซูเย่หรี่เล็กลง
“ได้”
เขาตอบกลับไป ตัดสาย และเปิดอินเทอร์เน็ตเพื่อตรวจสอบทันที
เป็นเรื่องจริง!
‘ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนฮัวเหรินเชิงถูกวางยาพิษ เกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน!’
พาดหัวข่าวคล้ายกันจำนวนมากกลายเป็นกระแสอยู่บนโลกออนไลน์
‘ข่าวจริงหรือข่าวปลอมเนี่ย? ถูกวางยาพิษ?’
หน้าจอเต็มไปด้วยข้อความโต้เถียงกันของชาวเน็ต
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน เหลืออีกแค่สามวันก็จะถึงศึกของพระเจ้า ทำไมถึงมาถูกวางยาตอนนี้ล่ะ?’
‘ใช่ไหม บังเอิญเกินไปหรือเปล่า?’
‘ไม่ใช่ว่าปรมาจารย์แพทย์แผนจีนเก่งมากรึ? จะไม่รู้ตัวว่าถูกวางยาพิษได้อย่างไร? ควรจะรักษาตัวเองได้ไม่ใช่เหรอ?’
ภายใต้ความเห็นจำนวนมากของชาวเน็ต ซูเย่ได้พบข้อความที่พวกเขาเห็นพ้องตรงกันมากที่สุด ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นมา
‘ไม่ใช่ว่าปรมาจารย์แพทย์แผนจีนเกิดกลัวขึ้นมานะ? ฉันไม่เชื่อเรื่องอื่นหรอก ทำไมไม่ถูกวางยาตอนอื่น แต่ต้องมาเป็นสามวันก่อนการประลอง ฉันว่าชัดเจนแล้วว่าเขาคงกลัวแพ้’
‘ไม่ต้องใช้คำว่าความเป็นไปได้หรอก บางทีอาจจะเพราะปรมาจารย์แพทย์แผนจีนได้ดูการแข่งขันระหว่างสถาบันกับหมอพื้นบ้าน แล้วเห็นว่าฝั่งพื้นบ้านเก่งไม่ใช่น้อย เลยไม่อยากเสียชื่อเสียง ถึงได้กุเรื่องโดนวางยาพิษขึ้นมา ฉันเดาว่าคงอยากยกเลิกศึก’
……
“ฮ่าฮ่า!”
พอได้อ่านทฤษฎีสมคบคิดพวกนี้ ความโกรธของซูเย่ก็ปะทุออกมา
พวกมันอยากจะแต่งเรื่องอะไรก็ได้ แต่อย่ามาสบประมาทปรมาจารย์ฮัว!
อาจารย์ของเขาจะกลัวแพ้ได้อย่างไร?
ผู้ที่อุทิศตนทั้งชีวิตเพื่อวงการแพทย์แผนจีน จะเอาอะไรมาห่วงเรื่องเกียรติและศักดิ์ศรี?
สักพัก ซูเย่ก็ได้พบกับอีกประเด็นหนึ่ง
‘พวกหมอพื้นบ้านเป็นฝ่ายวางยาแน่นอน! ถ้าจะให้เทียบกับเรื่องปรมาจารย์กลัวแพ้ ขอเชื่อว่าพวกพื้นบ้านที่แพ้ไปแล้วรอบหนึ่ง กลัวจะแพ้เป็นครั้งที่สองมากกว่า เลยไปวางยาพิษ ทำให้ป ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนเข้าร่วมศึกไม่ได้!’
‘ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ปรมาจารย์แห่งแพทย์แผนจีน เป็นถึงชื่อที่ชาติแต่งตั้งให้ คนธรรมดาไม่มีทางคว้ามาได้ และหากปรมาจารย์ฮัวไม่กล้าแข่ง เขาก็คงเลือกที่จะปฏิเสธคำท้าของพวกห หมอพื้นบ้านไปแล้ว เพราะมันไม่มีผลกระทบอะไรต่อเขาด้วยซ้ำ ทำไมเขาจะต้องทำอะไรแบบนี้?’
‘ฉันเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ความสามารถของปรมาจารย์ฮัวได้รับการยอมรับจากชาติ หมอพื้นบ้านไม่มีกระทั่งใบรับรองทางการแพทย์ จะเอาอะไรมาเทียบ?’
‘ที่สำคัญคือปรมาจารย์ฮัวยอมรับคำท้าด้วยตัวเอง ต่อให้ไม่อยากแข่ง แต่ก็ไม่เห็นต้องกุเรื่องถูกวางยา’
ทฤษฎีสมคบคิดทั้งสองปรากฏขึ้น ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนปรมาจารย์ฮัว อีกฝ่ายสนับสนุนแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน ไม่นาน ผู้สนับสนุนจากทั้งสองฝ่ายก็โต้เถียงกันมากมายบนโลกอินเทอร์เน็ต
บางคนกระทั่งสบถคำหยาบคายออกมา
สงครามคำด่าเริ่มรุนแรงขึ้นจนเข้าสู่สภาวะอันน่ากลัว
ความจริงของเรื่องนี้จะต้องมีเพียงหนึ่งในสองทฤษฎีเท่านั้น!
ยิ่งซูเย่อ่านมากเท่าไร สายตาของเขาก็ยิ่งไร้อารมณ์
เขามองเห็นได้ชัดเลยว่า ทฤษฎีสมคบคิดเหล่านี้ มีใครบางคนที่พยายามก่อกระแสขึ้นมา
โดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะแบ่งแยกผู้คนออกเป็นสองฝ่าย!
สร้างความเกลียดชังขึ้นมาในสังคม!
“ใครแพร่เรื่องอาจารย์ถูกวางยาไปครับ?”
ซูเย่มองไปหาผู้คนในห้องทันทีและเอ่ยถามอย่างเย็นชา
ทุกคนในห้องที่ได้ฟังล้วนทำท่าทางไม่รู้เรื่อง สายหัวกันคนแล้วคนเล่า
ขณะเดียวกันพวกเขาก็มีท่าทีประหลาดใจว่าเรื่องหลุดไปแล้วหรือ?
จากนั้นก็นำโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจสอบ และสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของซูเย่ก็มืดมนขึ้นมา
ไม่มีใครทำเรื่องหลุด?
หากพวกเขาทั้งหมดพูดความจริง แล้วใครกันที่จะแพร่ข่าวออกไปได้?
ซูเย่สังเกตสีหน้าของแต่ละคนอย่างละเอียด และไม่พบอะไรที่ผิดสังเกตเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครที่โกหก
ถ้าหากผู้คนที่รู้เรื่องไม่ได้หลุด ก็มีความเป็นไปได้มีเพียงอย่างเดียว
คือคนที่วางยา!
ในตอนนั้นเอง
ติ๊ดติ๊ดติ๊ด
โทรศัพท์ของหลี่เคอหมิงดังขึ้น
เสียงโทรศัพท์ของผู้นำคนอื่นก็เริ่มดังขึ้นต่อกันจนแปลกประหลาด
หลี่เคอหมิงนำโทรศัพท์ออกมา พบว่าเป็นสายจากหลิวเจิ้นเฉียง
“ฮัลโหล?” หลี่เคอหมิงรับสาย
“คุณหลี่ ข่าวบนอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? ปรมาจารย์ฮัวถูกวางยาพิษจริงหรือ?”
คำถามของหลิวเจิ้นเฉียงดังมาจากปลายสาย
“เป็นเรื่องจริง” หลี่เคอหมิงสูดหายใจลึกและตอบกลับไปด้วยเสียงอันหนักแน่น
“เกิดอะไรขึ้น?” หลิวเจิ้นเฉียงน้ำเสียงตกใจ จากนั้นรีบเอ่ยถามต่อ “ปรมาจารย์ฮัวโดนวางยาได้อย่างไร? สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง? เรียกตำรวจหรือยัง? แล้วจะทำอย่างไรกับการประลอง?”