novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • อ่านมังงะ
  • โดจิน
  • ซีรีย์วาย
  • PG SLOT
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
boston777
แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล
บาคาร่า 8xbet แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด Empire777 แทงหวย สล็อตเว็บตรง แทงหวยออนไลน์ สมัคร ufabet แทงบอล เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350

พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 752 คำพูดเป็นทางการ

  1. Home
  2. พลิกชะตาชายาสยบแค้น
  3. ตอนที่ 752 คำพูดเป็นทางการ
Prev
Next

ตอนที่ 752 คำพูดเป็นทางการ

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ว่าหลังจากซูฉือหวู่เห็นท่าทางของเฝิงผิงจือแล้ว ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมา เนื่องจากเขารู้จักนางมาตั้งแต่เด็กจึงมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ

ทั้งคู่สนทนากันมินานก็แยกย้ายกันไป แต่เฝิงผิงจือรู้ว่าเป้าหมายของตนบรรลุแล้ว ซูฉือหวู่เริ่มมีความรู้สึกบางอย่างต่อนางอย่างแน่นอน

เป้าหมายในวันนี้ของเฝิงผิงจือก็คือต้องการให้เขามีความรู้สึกบางอย่าง แม้นางมิเคยสนใจเขามาก่อน แต่ใครจักจดจำเรื่องในอดีตอยู่อีก ตอนนี้เฝิงผิงจือมิได้ถือตัวอีกต่อไปเพราะซูฉือหวู่เป็นที่พึ่งและคนที่นางเชื่อใจได้เพียงคนเดียว

บัดนี้มีเพียงซูฉือหวู่เท่านั้นที่จะช่วยให้นางปีนสู่ตำแหน่งสูงศักดิ์นั้นได้และช่วยนางเอาชนะใจฟางหลิงซู่ด้วย

โชคดีที่เวลานี้ฟางหลิงซู่ยังต้องพึ่งพาตำราพิชัยสงครามของตระกูลเฝิงอยู่ เขาจึงมิทอดทิ้งนางไป

ส่วนอันหลิงเกอมิเคยคิดว่าเรื่องที่เกิดเมื่อวานจะนำพาปัญหามาสู่ตน มิรู้ด้วยซ้ำว่านางกำนัลทำอะไรลงไปและยิ่งมิรู้ว่าตนไปผูกปมกับเฝิงผิงจือเอาไว้

เพราะช่วงเวลาที่อันหลิงเกออยู่ในเผ่าปิงชวนย่อมเฉยเมยต่อทุกอย่างและไม่ติดต่อกับผู้ใดเลย ยิ่งไปกว่านั้นนางไม่สนใจเรื่องในเผ่าปิงชวนจึงไม่ได้รับรู้เรื่องราวภายนอก

แต่อันหลิงเกอคาดมิถึงว่าเฝิงผิงจือผู้นี้จะทำให้ชีวิตของนางพลิกกลับตาลปัตร เพราะเฝิงผิงจือเป็นคนฉลาด เมื่อสงสัยสิ่งใดแล้วย่อมจับเรื่องนั้นมิยอมปล่อยซึ่งตอนนี้กำลังสงสัยเรื่องของหลู่เยว่เยว่อยู่นั่นเอง

ช่วงหลายวันมานี้นางพยายามให้ซูฉือหวู่ตามสืบเรื่องของหลู่เยว่เยว่มาโดยตลอดและก็ได้ทราบเงื่อนงำบางอย่าง จากนั้นนางก็หาคนมาวาดรูปเหมือนของอันหลิงเกอและหลู่เยว่เยว่แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน นางจึงได้รู้ว่าทั้งสองคนนี้ช่างเหมือนกันเหลือเกิน

พอได้ไตร่ตรองแล้วเฝิงผิงจือก็รู้คำตอบในที่สุด ด้วยเหตุนี้นางจึงมิกลัวว่าฟางหลิงซู่จะตำหนิอีก และนางก็รู้ว่าเหตุใดฟางหลิงซู่ต้องเก็บซ่อนอันหลิงเกอไว้ในเวลานี้ ทว่ายังมิถึงเวลาที่นางจะเปิดโปงออกมา

ยิ่งไปกว่านั้นพอนึกถึงท่าทางของอันหลิงเกอแล้ว นางก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักหลู่เยว่เยว่ การที่เฝิงผิงจือเป็นคนฉลาดจึงสามารถคาดเดาเรื่องนี้ออก

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงว่าเพื่อให้ได้ครอบครองอันหลิงเกอและทำให้มู่จวินฮานตายใจ ฟางหลิงซู่ถึงขั้นหาคนที่มีหน้าตาเหมือนอันหลิงเกอและเขาก็สามารถวางแผนให้อันหลิงเกอตัวปลอมไปอยู่ข้างกายมู่จวินฮานได้สำเร็จ

พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วเฝิงผิงจือก็อดคลี่ยิ้มออกมามิได้ คาดมิถึงว่านางจะรู้ความลับของประมุขเผ่าเช่นนี้ นางไม่มีทางปล่อยจุดอ่อนนี้ไปอย่างแน่นอน

ทว่าเฝิงผิงจือมิใช่คนโง่จึงไม่มีทางนำจุดอ่อนนี้ไปข่มขู่ฟางหลิงซู่แต่นำไปบอกอันหลิงเกอแทน เพราะจะทำให้อันหลิงเกอไปจากที่นี่และไปจากฟางหลิงซู่ด้วยตนเอง

เฝิงผิงจือยกยิ้มอย่างได้ใจออกมา นางรู้ว่าควรทำอะไรและด้วยเหตุนี้นางจึงเลือกอดทนต่อคำตำหนิของฟางหลิงซู่ เลือกอดกลั้นภายใต้สายตาดูแคลนของทุกคน แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะเยาะกลับมิรู้ว่านางคิดทำอันใดอยู่

ขอแค่อันหลิงเกอจากไป นางก็จะมีตำแหน่งสูงสุดในวังหลังแห่งนี้ นางไม่มีทางปล่อยให้อันหลิงเกออยู่ที่นี่ต่อไปและจักทำให้อีกฝ่ายเต็มใจเดินจากไปเอง

เพราะนางมองออกว่าในใจของอันหลิงเกอไม่มีฟางหลิงซู่อยู่ อีกฝ่ายเอาแต่คิดถึงอ๋องมู่ผู้นั้น ทว่าผ่านไปนานขนาดนี้แล้วเหตุใดยังมิออกไป หรือมีบางอย่างฉุดรั้งเอาไว้ ?

นางต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอันใดขึ้นจึงทำให้อันหลิงเกอมิอาจหนีไปได้ ฟางหลิงซู่ต้องมีบางสิ่งที่รั้งตัวอันหลิงเกอไว้แน่นอน

ด้วยเหตุนี้นางจึงไปหาซูฉือหวู่อีกครั้ง เพราะอย่างไรก็ต้องหาคนไปพูดกับฟางหลิงซู่และซูฉือหวู่ก็เป็นตัวเลือกดีที่สุด

ซูฉือหวู่ตอบตกลงโดยมิลังเลเพราะบัดนี้ในวังหลวงมีแต่เสียงนินทาในตัวพระชายา เนื่องจากวังหลังจะให้ความโปรดปรานแค่สตรีนางเดียวมิได้และก็เห็นได้ชัดว่าฟางหลิงซู่และหลู่เยว่เยว่ทำผิดธรรมเนียมดังกล่าว

ยิ่งไปกว่านั้นคือบุตรีของขุนนางมากมายที่เข้ามาอยู่ในวังหลังแห่งนี้ล้วนหวังว่าตนจะได้มีหน้ามีตาบ้าง แต่คาดมิถึงว่าฟางหลิงซู่จะถูกหลู่เยว่เยว่ครอบครองไว้เพียงผู้เดียว

เมื่อซูฉือหวู่รับปากแล้วก็ไปหาฟางหลิงซู่ทันที ตอนนี้ฟางหลิงซู่กำลังว่างจากงานและฝึกเขียนอักษรอยู่ที่โต๊ะทรงงาน พอเห็นซูฉือหวู่เดินเข้ามาก็รีบชวนให้มาเขียนอักษรด้วยกัน

เดิมทีทั้งคู่สนิทกันอยู่แล้ว ทั้งยังเข้ากันด้วยดีมาโดยตลอด เนื่องจากฟางหลิงซู่ไม่มีพี่น้องในเผ่าปิงชวนดังนั้นจึงเข้ากันได้ดีกับซูฉือหวู่

ก่อนที่ซูฉือหวู่จะมาถึง เฝิงผิงจือก็คิดวิธีให้เขาเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากนางเข้าใจฟางหลิงซู่ดีว่าหากไปพูดเรื่องอันหลิงเกอโดยตรง เขาจะต้องเกิดความรู้สึกต่อต้านและมิตอบรับแน่นอน

เฝิงผิงจือคิดได้ว่าการที่ฟางหลิงซู่สามารถกักตัวอันหลิงเกอไว้เช่นนี้คงเพราะอ๋องมู่เป็นต้นเหตุจึงให้ซูฉือหวู่แสร้งถามถึงเรื่องของอ๋องมู่เผื่อจะได้คำตอบจากฟางหลิงซู่บ้าง

“ท่านประมุขเผ่า มีเรื่องหนึ่งที่กระหม่อมครุ่นคิดมาสักพักและอยากรู้คำตอบพ่ะย่ะค่ะ” ซูฉือหวู่และฟางหลิงซู่สนิทกัน หากอยู่ในที่ไร้ผู้อื่นทั้งสองจะไม่สนทนาด้วยคำพูดที่เป็นทางการ

แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะซูฉือหวู่ทำเพื่อช่วยเฝิงผิงจือสืบข่าว ภายในใจของเขาจึงรู้สึกผิดเล็กน้อยและด้วยเหตุนี้น้ำเสียงของเขาจึงห่างเหินและมิค่อยปกติ

เมื่อได้ฟังแล้วฟางหลิงซู่ก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายและอดหัวเราะออกมามิได้

“เจ้าเคยพูดกับข้าเช่นนี้ที่ไหนกันเล่า ? อยากพูดอะไรก็พูดมาเถิด ตอนนี้ไม่มีคนนอกอยู่เสียหน่อย” ฟางหลิงซู่เห็นซูฉือหวู่เป็นเช่นนี้ก็รู้สึกว่ามันน่าขำยิ่งนัก

คิดว่าบางทีอีกฝ่ายคงถูกความแข็งกระด้างในยามปกติผูกมัดไว้จึงพยายามแสดงท่าทางจริงจังออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้าตน

ซูฉือหวู่เห็นฟางหลิงซู่ทำตัวสบายจึงรู้สึกขัดเขินต่อท่าทางเมื่อครู่ของตนทันที เขาและฟางหลิงซู่ปฏิบัติต่อกันเหมือนพี่น้องมาโดยตลอด เมื่อครู่เขาดูแปลกไปจริง ๆ

“เรื่องของอ๋องมู่มิทราบว่าเหตุใดท่านจึงปล่อยเขาไปแบบนั้น ? ” ซูฉือหวู่เผยท่าทางไม่เข้าใจให้เหมือนขุนนางทั่วไปที่ห่วงใยแผ่นดินเพราะพวกเขามักจะถามถึงเรื่องเหล่านี้จึงทำให้ฟางหลิงซู่มิได้คิดมาก

“เจ้าคิดว่าข้าปล่อยเขาไปจริงหรือ ? ข้าก็แค่ให้อ๋องมู่ทานยาพิษแล้วปล่อยตัวไปเท่านั้น” ฟางหลิงซู่กล่าวพร้อมคลี่ยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา เขารู้ว่าซูฉือหวู่มิได้มีเจตนาร้ายและแค่เป็นห่วงเผ่าปิงชวนเท่านั้น

ฟางหลิงซู่พอจะเข้าใจนิสัยของซูฉือหวู่อยู่บ้างเพราะเริ่มรู้จักกันตั้งแต่ตอนอยู่ที่ต้าโจว เวลานั้นพวกเขารู้จักกันในฐานะคนธรรมดาที่มีความชอบเล่นหมากล้อมเหมือนกัน

แม้ตอนนี้พวกเขาจะเปลี่ยนสถานะเป็นประมุขกับขุนนางเนื่องจากเผ่าปิงชวนถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของตนแล้วก็ตาม ทว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ยังมิเปลี่ยนแปลง ยังสนิทกันเหมือนเก่าก่อน

“เช่นนั้นของที่ส่งไปยังเมืองจิงทุกเดือนก็คือยาถอนพิษของอ๋องมู่ใช่หรือไม่ ? ” ถึงตอนนี้ซูฉือหวู่เริ่มเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว ทุกเดือนพอครบระยะเวลาที่กำหนดฟางหลิงซู่ก็จะส่งคนไปมอบของที่จวนอ๋องมู่

“ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นอยู่แล้ว เจ้าคิดว่านั่นเป็นยาถอนพิษจริงหรือ ? ” พอฟางหลิงซู่เอ่ยมาถึงตรงนี้ก็คลี่ยิ้มออกมา ทำให้ซูฉือหวู่เข้าใจในทันที ตนเป็นเพียงบุตรชายของแม่ทัพใหญ่จึงมิได้มีสติปัญญาและเจ้าแผนการขนาดนั้น แต่ฟางหลิงซู่ต่างออกไป บัดนี้ซูฉือหวู่เริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดฟางหลิงซู่จึงสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้