Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 58 เจอกับฝูงซอมบี้อีกครั้ง
ณ ใจกลางเมืองของเมืองตง….
กลุ่มของชูฮันออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยรถยนต์
พวกเขาตัดสินใจค้างคืน1คืนที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยเพราะการเดินทางในตอนกลางคืนนั้นอันตรายมากกว่าตอนกลางวันมากนัก
แน่นอนว่าเฉินช่าวเย่นอนฝันร้าย จิตใจของเขากระทบกระเทือนอย่างรุนแรงโดยป่ายหวีเนอและเขาหวาดกลัวจนถึงขั้นเกือบจะวิ่งหนีทันทีที่เห็นหน้าเธอ
แม้กระทั่งตอนกลางคืน อารมณ์ของป่ายหวีเนอก็ยังคงไม่คงที่
ชูฮัน ซางจิ่วตี้และป่ายหวีเนอนั่งอยู่เบาะหลัง ต้องมีคนคอยดูเธอและมีเพียงแค่ชูฮันเท่านั้นที่คุมเธอได้
เฉินช่าวเย่ยอมเลือกที่จะตายดีกว่าอยู่กับป่ายหวีเนอ เขาเลยเลือกที่จะขับรถแทน
ส่วนเลาเสี่ยวเสียวก็กระโดดขึ้นมานั่งข้างเฉินช่าวเย่พร้อมกับขาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จสรรพ แสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ของเธอที่จะไม่ยอมนั่งข้างป่ายหวีเนอ
ที่เบาะด้านหลัง…ป่ายหวีเนอยังคงใส่ชุดกระโปรงสีขาวแต่มือของเธอถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เธอนั่งเงียบๆขณะที่ผมยาวคลุมใบหน้าจนมิด เหลือแต่เพียงจมูกตรงโด่งเล็กๆของเธอให้เห็น เธอดูเหมือนกับกระต่ายตัวน้อยไม่มีพิษไม่มีภัย
ทว่าชูฮันและซางจิ่วตี้ที่นั่งอยู่หลังรถรู้ดีว่าห้ามหลงเชื่อภาพลักษณ์ของเด็กสาวคนนี้
“เราจะไปที่ไหนกัน?” ซางจิ่วตี้พยายามพูดบางอย่างขึ้นมาด้วยเพราะเธอทนต่อสถานการณ์อันน่าอึดอัดและเงียบสนิทตลอด3ชั่วโมงมานี้อีกต่อไปไม่ไหวแล้ว ป่ายหวีเนอที่นั่งข้างเธอดูราวกับรูปปั้นไร้ชีวิต ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับจะเป็นบ้า
“เราจะกลับไปเอาG55คืนจากนั้นเราจะออกไปจากเมืองนี้” ชูฮันตอบด้วยท่าทางสบายๆขณะกัดเนื้ออบแห้งในมือกิน
ครึ่งหนึ่งของพื้นที่ในรถตู้นี้เต็มไปด้วยอาหาร นี่เป็นครั้งแรกที่ชูฮันมาเมืองตง เขาเลยมีการเตรียมตัวมาพอสมควร พวกเขาต้องพกอาหารติดตัวไปด้วยตลอดเวลาเพราะเราไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สำหรับเขาแล้ว มูลค่าของรถตู้คันนี้มีมากกว่าG55เสียอีก ด้วยเพราะรถตู้คันนี้สามารถขนอาหารได้มากกว่า
“หัวหน้า…” จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากเฉินช่าวเย่
ชูฮันที่กำลังตะลึงด้วยเพราะเฉินช่าวเย่ไม่คุยกับเขามาหลายชั่วโมงแล้วไม่ทันได้ยินว่าเฉินช่าวเย่พูดอะไร เขากลัวป่ายหวีเนอมากจนทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรเลย
เขาจะพูดว่าอะไร?
ซวยแล้ว——
ชูฮันรีบถามทันที “มีอะไรรึเปล่า?”
เฉินช่าวเย่พยายามมองตรงไปข้างหน้าขณะพูดขึ้น “ฉันอยากฉี่”
“พ้ะ-แค๊ก! แค๊ก!” จู่ๆเลาเสี่ยวเสียวก็หลุดหัวเราะออกมาหากเธอก็รีบกลับมาทำตัวนิ่งเงียบปกติเหมือนเดิม เธอเลือกที่จะมองออกไปนอกหน้าต่างขณะที่เหมือนจะเห็นดอกไม้อยู่ตามริมทาง
“หยุดรถและไปฉี่ซะ” ชูฮันเองก็อดที่จะหัวเราะกับตัวเองไม่ได้ เฉินช่าวเย่เป็นคนที่เข้าห้องน้ำประจำ มันจึงยากสำหรับเขาที่ทนมาได้ตั้งหลายชั่วโมง
ป่ายหวีเนอที่นั่งอยู่ในรถเอียงหูฟังหากไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แววตาเย็นชาฉายวายขึ้นมาแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังไม่พอใจ
ซวยแล้ว——-
ชูฮันรีบกลับมานั่งกัดคุกกี้ที่มีต่อทันที ทำเป็นไม่สนใจจิตสังหารที่พวยพุ่งของป่ายหวีเนอ
ซางจิ่วตี้มองไปที่ป่ายหวีเนอสลับกับชูฮันอยู่หลายครั้งพร้อมกับรู้สึกสงสัยว่าทำไมไอ้คนงี่เง่านี่ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆในตอนนี้เลย
จากนั้นเธอก็จ้องไปที่เบาะหน้า พระเจ้า! เธอน่าจะนั่งข้างหน้าไม่ก็เป็นคนขับรถแทน แต่เธอไม่สามารถเอาชนะเลาเสี่ยวเสียวได้!
เธอเหลือบไปมองที่ป่ายหวีเนอ เธอคนนี้…
“อ๊ายยยย!”
ทันใดนั้นซางจิ่วตี้ก็กรีดร้องออกมาทำให้ทั้งตัวรถสั่นสะเทือน
“คุณจะตะโกนขึ้นมาทำไม?” ชูฮันมองเธอแปลกๆ
“ไม่! ไม่นะ!” ซางจิ่วตี้กรอกตาไปมาขณะรู้สึกว่าหัวใจตัวเองตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
พรึ่บ!
ในตอนนั้นเอง เสื้อผ้าสีขาวหล่นลงไปอยู่ที่เท้าเล็กของป่ายหวีเนอที่กำลังหันหลังให้ชูฮันและซางจิ่วตี้ ขาของเธอเหยียดตรงขณะที่เธอกำลังม้วนผมตัวเองอยู่ หัวไหล่กลมกลึงและลำคอขาวสง่านั้นยั่วยวนให้ผู้คนอยากที่จะกัดลงไป
เธอแก้ผ้าตัวเองทำไม?
ผมของเธอยาวมากและเพราะเธอหันหลังให้พวกเขาอยู่จึงไม่มีใครเห็นรูปร่างด้านหน้าของเธอ หากแค่เพียงเงาของเธอก็มากพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนกลืนน้ำอึกและเอาไปฝันถึง
หัวใจของซางจิ่วตี้จะวายตาย ป่ายหวีเนอ นี่เธอไม่รู้เลยเหรอไงว่ามีผู้ชายอยู่ตรงนี้? อีกอย่างเธอควรจะบอกทุกก่อนว่าเธอจะแก้ผ้า ไม่ใช่สิ…เธอจะแก้ผ้าทำไมตั้งแต่แรก?
ชูฮันถึงกับตะลึงงันพลางนิ่วหน้าขมวดยามมองไปที่ป่ายหวีเนอที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง “เธอ เธอกำลังทำอะไรอยู่?”
“เปลี่ยนเสื้อผ้า” เสียงของป่ายหวีเนอนั้นเบาบางมาก หากคำพูดต่อมาของเธอกลับทำให้ซางจิ่วตี้แทบจะเป็นลมให้ได้
เธอพูดว่า “ฉันต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ฉันไม่มีอะไรจะให้เปลี่ยน”
เยี่ยม! เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าไปแล้ว!
ซางจิ่วตี้รีบหันหน้ามากดหน้าผากชูฮันลง
ฉึก!
ชูฮันลุกขึ้นยืนและเจอถุงอันหนึ่งในมุมรถ ไม่สนใจสายตาแปลกๆของซางจิ่วตี้ที่มองมา เขาค่อยๆหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ในถุงนั้นออกมา
เขาเอาเสื้อผ้ามาให้! ในที่สุดซางจิ่วตี้ก็เข้าใจ
“ให้ฉัน—–” ซางจิ่วตี้อยากจะพูดว่า….ให้ฉันเอาให้เธอแทนดีกว่า
หากเสียงของเธอกลับหยุดชะงักพลางมองไปที่ชูฮันอย่างกลัวๆกับสิ่งที่เขาพึ่งทำ มันทำให้เธอเกือบจะกระโดดออกจากรถ
แย่แล้ว——
ชูฮันโยนเสื้อผ้าไปบนหัวป่ายหวีเนอ ทำให้เด็กสาวตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณบ้าหรือไง?” ซางจิ่วตี้หมุนตัวกลับมาและตะโกนใส่ชูฮัน
หากทว่า ตัวเธอกลับแข็งทื่อภายในไม่กี่วินาทีถัดมา ราวกับว่ามันเป็นเรื่องหลุดโลกเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการถึง
“ขอบคุณ” ป่ายหวีเนอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใจเย็น จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน
ซางจิ่วตี้ไม่กล้าที่จะมองไปที่ชูฮัน และเหมือนกับเธอจะบอกเขากลายๆว่าเขาไม่ควรมองป่ายหวีเนอ ไม่อย่างนั้น เธอจะฆ่าเขาซะ!
อย่างไรก็ตาม ชูฮันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาด้วยเพราะเขากำลังทุ่มเทกับการกินเนื้อปรุงรสอย่างเต็มที่อยู่
ปึก! ซางจิ่วตี้ขนเข้ากับแพ็คอาหาร ทำไมเธอถึงได้เจอแต่ผู้ชายประหลาดๆตลอด?!
เอี๊ยด——
จู่ๆรถก็เบรก!
ชูฮันเปิดหน้าจอในรถขึ้นพร้อมกับจับขวานในมือแน่น “เจ้าอ้วนเฉิน!”
“ครับ!” เฉินช่าวเย่ที่นั่งอยู่เบาะหน้าเหงื่อท่วมตัวด้วยความกลัว “หัวหน้า…มันเป็นฝูงซอมบี้!”
ฝูงซอมบี้?!
ชูฮันมองไปข้างหน้าผ่านหน้าจอที่แสดงภาพ ลูกตาดำของเขาหดตัวยามที่เพ่งมองไปข้างหน้า มันเป็นถนนเส้นเดียวที่จะวิ่งไปทางซูเปอร์มาร์เก็ตหากแต่ตอนนี้ถนนกลับเต็มไปด้วยซอมบี้
“ไป! กลับหลังหัน!” ชูฮันพูดอย่างสงบหากความจริงแล้วเขาแอบกังวลเล็กน้อยยามกำลังคิดหาทางออก
สิ่งที่เขาเคยกังวลได้กลายเป็นจริงแล้ว พวกเขาติดอยู่ที่นี่!
ผังเมืองแถบชานเมืองของเมืองตงนั่นมีความพิเศษ ถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางเดียวที่จะผ่านออกไปเมืองอันลูได้ และก็บังเอิญเป็นเส้นเดียวกับทางไปซูเปอร์มาร์เก็ต
อย่างไรก็ตาม นี่ผ่านไปเพียงแค่วันเดียวกลับมีฝูงซอมบี้เกิดขึ้น มันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้กันแน่?