Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2201 ทุกอย่างจบสิ้นในกระบี่เดียว
หนึ่งกระบี่สะเทือนถึงดวงดาว ไม่ว่าใครก็ตามได้เห็นภาพนี้แล้วก็ต้องหวาดผวา
‘พลังต้นกำเนิดสัจธรรม’ ไม่ว่าจะเป็นนักบวชหยินหมิงหรือว่าเทพหมื่นกรล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ร้องเสียงดังออกมาว่า “ป้องกัน”
เสียงปังดังสนั่น กองทัพพันธมิตรได้ตั้งเป็นแนวป้องกันที่ดั่งเป็นกำแพงเมืองจีนขึ้นในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง แนวป้องกันทั้งหมดยึดโยงด้วยกันทั้งหมด เสมือนดั่งเป็นป้อมปราการที่ไม่สามารถทำลายได้ แข็งแกร่งยากจะตีแตกได้
เสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่กลายเป็นเถ้าธุลี สลดอับแสงทุกยุคสมัย แม้แต่เหล่าเทพก็ยังตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ภายใต้หนึ่งกระบี่ลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่าไร้ผู้ต่อกรทั่วหล้า
เสียงตูมดังสนั่นขึ้น แม้ว่าการป้องกันของกองทัพพันธมิตรจะประกอบด้วยอาวุธราชันแท้จริงและอาวุธระดับอมตะเป็นโครง แต่ยังคงต้านรับกับกระบี่เดียวที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า แนวป้องกันพลันแตกละเอียด แนวป้องกันทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกทำลายพินาศย่อยยับในทันที เลือดสดๆ สาดกระเซ็น เสมือนดั่งสาดน้ำหมึกอย่างนั้น
ภายใต้หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา เลือดสดๆ ที่ฉีดพ่นออกมาเหมือนดั่งท้องฟ้าเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักอย่างนั้น กองทัพพันธมิตรจำนวนหลายพันคนพลันถูกสังหารสิ้นในกระบี่เดียว แม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นต้นก็ถูกสังหารภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ ต่อให้ระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมากก็กระเด็นกระดอนไปในพริบตาเดียว
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น กองทัพพันธมิตรหลายพันคนได้กลายเป็นฝนเลือด ผู้ที่สามารถเหลือรอดมาได้ก็แค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแต่ละลัทธิทั้งสิ้น ทั้งยังเป็นเป็นระดับเทพแท้จริงทั้งสิ้น
สำหรับยอดฝีมือที่ต่ำกว่าระดับเทพแท้จริง ไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากหนึ่งกระบี่นี้ได้อยู่แล้ว แม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นต้นก็ถูกสังหารกลายเป็นหมอกเลือดภายใต้หนึ่งกระบี่ ขณะที่ระดับบรรพบุรุษที่รอดตายอย่างหวุดหวิดมีจำนวนไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หนึ่งกระบี่เข่นฆ่าสิ้นกองทัพพันธมิตร เหลือรอดหวุดหวิดเพียงแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น ภาพเช่นนี้สร้างความหวั่นไหวให้กับทุกๆ คน รวมทั้งทุกๆ คนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ถูกทำใหหวั่นไหว
หนึ่งกระบี่นี้ช่างอันธพาล และน่าสยองขวัญเหลือเกิน ไม่ว่าใครก็ตามภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ก็มีเหตุผลที่ต้องสั่นเทา
“ท่านบรรพบุรุษ…” เวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจำนวนเท่าไรที่รู้สึกตื่นเต้นจนร้องเสียงดังขึ้นมา กระทั่งน้ำตานองหน้า มีผู้ที่ร้องเสียงแหลมดังขึ้นมาว่า “ท่านบรรพบุรุษลงมือ พวกเรารอดแล้ว!”
หลี่เชียนเองก็รู้สึกหวั่นไหวอย่างยิ่ง เขารู้ว่าหลี่ชิเย่นั้นลึกล้ำยากจะหยั่งถึง แต่ทว่า อาศัยเพียงกระบี่เดียวก็ทำลายล้างกองทัพพันธมิตรได้ตั้งมากมายเพียงนี้ มันออกจะพาลมากเกินไปแล้วกระมัง นี่มันเสมือนดั่งราชันแท้จริงมาด้วยตนเองอย่างนั้น! พูดให้ถูกต้องก็คือออกจะพาลมากไปกว่าราชันแท้จริงส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ
“อยู่ที่นั่น” ในชั่วพริบตาเดียวนี้เอง พวกนักบวชหยางหมิง เทพหมื่นกรได้ล็อคพิกัดตำแหน่งไปที่ตำหนักแห่งหนึ่ง นำพาเทพแท้จริงหลายร้อยคนที่รอดตายอย่างหวุดหวิดบุกไปที่ตรงนั้นทันที
เสียงปังดังสนั่น เมื่อพวกนักบวชหยินหมิงและเทพหมื่นกรพร้อมกับเทพแท้จริงหลายร้อยคนบุกกระแทกเข้าไป ได้ทำให้ตำหนักทั้งหลังแตกละเอียด เมื่อตำหนักพังครืนลงมา มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ที่ตรงนั้น กำลังควบคุมเตากลั่นยาเม็ดอยู่พอดี
ด้านหลังของชายหนุ่มผู้นี้ยังมีผู้เฒ่าและหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่คอยเป็นผู้ช่วยให้กับชายหนุ่มผู้นี้
ชายหนุ่มที่กำลังกลั่นยาเม็ดอยู่ก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง ขณะที่ผู้ช่วยสองคนก็คือหยางเซิ่นผิงกับจูซือจิ้ง
เวลานี้ เทพแท้จริงหลายร้อยคนได้ล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้ทันที แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับไม่ได้มองดูพวกเขาสักครั้ง เพียงมองไปที่เตากลั่นยาเม็ดที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นเอง เวลานี้เตากลั่นยาเม็ดปรากฏเป็นมังกรตัวหนึ่งแหวกว่ายอยู่ มังกรตัวนี้ได้ว่ายวนไปรอบแล้วรอบเล่า อีกทั้งเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงมังกรคำรามดังไม่ขาดสาย
หลี่ชิเย่ควบคุมไฟที่อยู่ในเตา แม้ว่าจากการที่มังกรยิ่งว่ายยิ่งเร็ว กลิ่นอายมังกรก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งกลิ่นอายมังกรก็หมุนตาม เหมือนต้องการกลายเป็นพายุอย่างนั้น
ขณะที่มังกรยิ่งหมุนยิ่งเร็วนั้น เกล็ดทองบนตัวของมันส่งประกายแวบวับ ดุจดั่งแสงสีทองสาดส่องอย่างนั้น เป็นที่ระคายเคืองกับตาผู้คนยิ่งนัก โดยเฉพาะยามที่เสียงคำรามของมังกรดังขึ้นมานั้น มีอานุภาพที่สยบจิตใจของผู้คนได้
ปัง ปัง ปังในชั่วพริบตาเดียวนี้เอง พวกนักบวชหยินหมิงพวกเขาได้ตั้งโล่กำแพงขนาดใหญ่โตมโหฬารขึ้นมาโล่หนึ่ง เตรียมพร้อมรับมือกับการลงมือของหลี่ชิเย่ทุกเวลา ในขณะเดียวกัน บรรดาเทพแท้จริงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่กำอาวุธราชันแท้จริง หรืออาวุธอมตะอยู่ในมือ ต่างจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ชนิดไม่ให้คลาดสายตา เตรียมพร้อมเข้าโจมตีหลี่ชิเย่แบบหวังผลถึงตายในการโจมตีครั้งเดียว
พวกเขาดูออกว่าหลี่ชิเย่นั้นควบคุมพลังต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเอาไว้ ดังนั้นจึงหาโอกาสตอนที่หลี่ชิเย่เผยให้เห็นช่องโหว่เพียงชั่วพริบตาเดียวแล้วลงมือโจมตีถึงตายในครั้งเดียว ไม่เปิดโอกาสได้ควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมใดๆ ได้
“ยาเม็ดอายุวัฒนะชนิดวิบากขั้นที่สี่ มังกรทองแหวกว่าย นี่มันฝีมือของระดับปรมาจารย์นะเนี่ย” จังหวะที่สถานการณ์ตึงเครียดมาก พร้อมระเบิดขึ้นในทันที พวกของนักบวชหยินหมิงต่างมีประสาทอยู่ในภาวะที่ตึงเครียดมาก
แต่ทว่า ท่ามกลางกลุ่มของพวกเขากลับมีระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งกระโดดออกมาและเดินเข้าหาทันที จ้องเขม็งไปที่เตากลั่นยาเม็ดของหลี่ชิเย่ ถึงกับทำเสียงจี๊ดจ๊ะออกมา และกล่าวว่า “ฝีมือการควบคุมไฟเช่นนี้มันปราศจากผู้ต่อกรในหล้าเลยชัดๆ โอ้แม่จ๋า ฝีมือลักษณะเช่นนี้มีอยู่ในบันทึกเท่านั้น ข้าก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน”
ผู้ที่กระโดดออกจากกลุ่มกะทันหันแล้วจ้องมองเตากลั่นจนดวงตาทั้งสองเป็นประกายนั้น เป็นผู้เฒ่าที่มีผมเผ้าหนวดเคราสีขาว สวมชุดป่านทั้งชุด ห้อยน้ำเต้าใบหนึ่งที่เอว เขาเป็นประเภทผมขาวแต่หน้าอ่อน และมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“ตันหวัง อันตราย” เมื่อผู้เฒ่าผู้นี้กระโดดออกมา ทำให้นักบวชหยินหมิงถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา
กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ผู้เฒ่าผู้นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพวกเขา เขาเป็นหมอโอสถที่มีฐานะสูงส่งมากคนหนึ่ง เป็นหมอที่สามารถรักษาผู้ป่วยสาหัสให้กลับมาหายเป็นปรกติได้ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บล้วนแล้วแต่ต้องการตัวเขามาช่วยชีวิตอยู่
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พวกเจ้าสู้กันไป ข้าจะดูของข้า” ดวงตาทั้งสองของผู้เฒ่าที่มีชื่อว่าตันหวังเป็นประกาย ฝีมือการควบคุมไฟ วิชาการกลั่นยาเม็ดของหลี่ชิเย่นั้น กล่าวสำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องวิชาการกลั่นยาเม็ดแล้ว มันดึงดูดใจได้มากเหลือเกิน ดุจดั่งผู้ที่คลั่งทรัพย์สินเงินทองพบเจอกับขุมทรัพย์เข้าอย่างนั้น
ตันหวังเดินเข้าไปในระยะที่ใกล้มาก ห่างจะเตากลั่นของหลี่ชิเย่เพียงแค่เอื้อม ดวงตาทั้งสองของเขาจ้องเขม็งไปที่เตากลั่นนี้อย่างไม่ลดละ จากนั้น สูดเอากลิ่นหอมของโอสถเข้าไปลึกๆ ทีหนึ่ง จากนั้นทำเสียงจี๊ดจ๊ะ รับรู้ถึงกลิ่นและรสของมัน พึมพำออกมาว่า “สมุนไพรเตานี้ของเจ้านับว่าไม่เท่าไรจริงๆ นะเนี่ย โดยเฉลี่ยแล้วก็แค่คาบเส้นแบบถูๆ ไถๆ เท่านั้นเอง สมุนไพรตัวที่ดีที่สุดก็แค่เจ็ดล้านปีอย่างฝืนๆ เท่านั้น สมุนไพรลักษณะเช่นนี้หากเป็นหมอโอสถคนอื่น อย่างดีที่สุดคงกลั่นยาเม็ดอายุวัฒนะออกมาได้แค่วิบากขั้นที่สามเท่านั้น…”
“…เอ๊ะ ไม่ถูก สมุนไพรที่แตกต่างกันเช่นนี้ ต่อให้ระดับปรมาจารย์ด้านกลั่นยาเม็ดลงมือด้วยตนเองก็ยากที่จะกลั่นยาเม็ดอายุวัฒนะชนิดวิบากขั้นสี่ออกมาได้ มันมีความยากสูงมากเหลือเกิน คุณสมบัติของตัวหมอโอสถที่ต้องการนั้นสูงมากๆ เหลือเกิน ถ้าหากสมุนไพรเช่นนี้ยังสามารถกลั่นออกมาเป็นยาเม็ดอายุวัฒนะชนิดวิบากขั้นที่สี่ได้ล่ะก็ เกรงว่าในแดนสามเซียนคงมีอยู่ไม่กี่คน ในแดนลัทธิพรรษไม่มีใครทำได้ เกรงว่าข้าเองชาตินี้ก็ทำไม่ได้แล้วล่ะ” เมื่อตันหวังเอ่ยมาถึงตรงนี้ ดวงตาทั้งสองเปล่งเป็นประกายขึ้นมา
ฐานะของตันหวังในแดนลัทธิพรรษสูงส่งมาก การกระทำของเขาเรียกได้ว่าสามารถส่งผลกระทบต่อผู้อื่นได้ คำพูดของเขาที่พูดออกมานับว่าสร้างความหวั่นไหวให้กับผู้คนได้อย่างแน่นอน แต่ว่าในขณะนี้พวกนักบวชหยางหมิงกำลังอยู่ระหว่างหน้าสิ่วหน้าขวาน จึงไม่ได้มีกระจิตกระใจไปครุ่นคิดถึงคำพูดของตันหวังแล้ว
“ท่าน ท่านไม่เพียงกลั่นให้ได้ยาเม็ดอายุวัฒนะชนิดวิบากขั้นที่สี่เท่านั้น ทั้งยังจะเป็นมังกรทองนะเนี่ย ยาเม็ดอายุวัฒนะเช่นนี้ต้องเป็นชั้นคุณภาพชั้นเลิศแน่นอนนะเนี่ย” ตันหวังกลืนน้ำลายลงคอเอื้อก และกล่าวว่า “ท่าน ท่าน ไม่สิ ผู้อาวุโส นี่ท่านออกจะฝืนลิขิตสวรรค์มากเกินไปแล้วกระมัง”
เรื่องนี้จะไปโทษตันหวังที่เสียมารยาทนักก็ไม่ถูก ตัวเขาที่มีทักษะสูงส่งด้านโอสถย่อมเข้าใจถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่อยู่ข้างใน มีเพียงระดับอัจฉริยะบุคคลเช่นเขาจึงเข้าใจได้อย่างแท้จริงว่าทักษะด้านโอสถของหลี่ชิเย่นั้นช่างน่ากลัวเพียงใด
ยกตัวอย่างยาเม็ดอายุวัฒนะที่หลี่ชิเย่กำลังกลั่นอยู่ในขณะนี้ เวลานี้ยาเม็ดอายุวัฒนะเตานี้ปรากฎสัญลักษณ์ของวิบากขั้นที่สี่ที่ชื่อว่าคล้อยตามมังกร
เป็นที่ทราบกันดีว่า การที่ยาเม็ดอายุวัฒนะเตานี้ปรากฏสัญลักษณ์คล้อยตามมังกร ย่อมเป็นการบ่งบอกว่ามันคือยาเม็ดอายุวัฒนะที่อยู่ในวิบากขั้นที่สี่แล้ว
หากจะว่ากันตามหลักการแล้ว ยาเม็ดอายุวัฒนะเตานี้ในด้านของอายุสมุนไพรที่ใช้อย่างน้อยต้องเริ่มที่ห้าล้านปี ซึ่งความจริงแล้ว ถ้าหากสมุนไพรทุกตัวล้วนแล้วแต่มีอายุแค่ห้าล้านปีล่ะก็ ต่อให้เป็นระดับปรมาจารย์ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกลั่นเป็นยาเม็ดอายุวัฒนะชนิดวิบากขั้นที่สี่ได้ อย่างดีก็ได้เพียงแค่ยาเม็ดอายุวัฒนะชนิดวิบากขั้นที่สามเท่านั้น
ดังนั้น ต่อให้หมอโอสถระดับปรมาจารย์หากคิดจะกลั่นยาเม็ดอายุวัฒนะชนิดวิบากขั้นที่สี่ล่ะก็ พวกเขาจะต้องกำหนดอายุของสมุนไพรที่ใช้อยู่ที่แปดล้านปี มีเพียงสมุนไพรที่มีอายุเริ่มต้นที่แปดล้านปีขึ้นไป จึงสามารถรับประกันได้ว่า ในขณะที่ทำการกลั่นจะปรากฏคล้อยตามมังกรที่เป็นวิบากขั้นที่สี่ขึ้นมาได้ หาไม่แล้วอย่างมากก็ได้ยาเม็ดอายุวัฒนะที่มีวิบากขั้นที่สามเท่านั้นเป็นส่วนใหญ่
แต่ว่า อายุของสมุนไพรเตานี้ของหลี่ชิเย่แค่เริ่มก้าวข้ามอายุห้าล้านปีเท่านั้นเอง เวลานี้หลี่ชิเย่ไม่เพียงทำให้ยาเม็ดอายุวัฒนะเตานี้ปรากฎสัญลักษณ์ของวิบากขั้นที่สี่เท่านั้น ขณะเดียวกันมังกรที่ว่านั้นกลับเป็นมังกรที่มีเกล็ดสีทองส่งประกายแวบวับทั่วตัว
นี่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่ายาเม็ดอายุวัฒนะเตานี้เป็นคุณภาพชั้นเลิศ กล่าวโดยปรกติแล้ว ถ้าหากจะกลั่นยาเม็ดอายุวัฒนะเตาหนึ่งให้ได้วิบากขั้นที่สี่ ต้องให้ได้มังกรที่มีเกล็ดสีทองแวบวับนั้น นอกเหนือจากตัวหมอโอสถจะต้องมีกำลังความสามารถเพียงพอแล้ว ตัวของสมุนไพรจะต้องมีอายุสิบล้านปีขึ้นไป
การที่หลี่ชิเย่อาศัยสมุนไพรที่มีอายุเพียงห้าล้านปี แล้วกลั่นออกมาเป็นยาเม็ดอายุวัฒนะชนิดวิบากขั้นที่สี่ก็น่ากลัวมากพอแล้ว เวลานี้ยังกลั่นออกเป็นชนิดมังกรทองเสียอีก นี่เท่ากับอาศัยสมุนไพรที่แย่ที่สุดกลั่นออกมาเป็นยาเม็ดอายุวัฒนะคุณภาพชั้นเลิศ สิ่งนี้กล่าวสำหรับหมอโอสถคนหนึ่งแล้วมันช่างเป็นเรื่องที่สะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจเพียงใด โดยเฉพาะกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการกลั่นยาเม็ดอายุวัฒนะด้วยแล้ว
กรรรในเวลานี้เอง มังกรที่แหวกว่ายรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ได้คำรามเสียงยาวออกมา นาทีนี้มังกรตัวนี้ไม่ได้ว่ายวนไปรอบๆ เตากลั่นอีกต่อไป แต่หลุดออกจากเตากลั่นหวังจะแหวกอากาศจากไป
ภาพเช่นนี้ทำให้ตันหวังถึงกับหายใจยากขึ้นมา เนื่องจากยาเม็ดอายุวัฒนะวิบากขั้นที่สี่เตานี้ที่กำลังกลั่นอยู่นั้น หัวใจสำคัญอยู่ตรงที่ว่า นาทีนี้หากปล่อยให้มังกรบินหนีไปได้ ยาเม็ดอายุวัฒนะเตานี้ก็จะกลายเป็นยาเม็ดที่ไม่ได้คุณภาพ ถ้าหากมังกรเข้าไปอยู่ในยาเม็ดเท่ากับปรุงได้เป็นผลสำเร็จ
“เปิด…” จังหวะที่มังกรกำลังจะบินหนีเสี้ยววินาทีนั้น หลี่ชิเย่คำรามเสียงยาว และเปิดเตาออกทันที ตูมไฟในเตาพวยพุ่งขึ้นมา เสมือนดั่งเป็นกฎเกณฑ์แต่ละสายทำการพันธนาการมังกรเอาไว้ แล้วลากมันเข้าไปอยู่ในเตากลั่นยา
“ฆ่า…” ที่พวกของเทพหมื่นกรรอคอยก็คือจังหวะนี้ ถือโอกาสที่ความสนใจทั้งหมดของหลี่ชิเย่อยู่กับการกลั่นยาเม็ด พวกเขาคำรามเสียงดังและลงมือทันที
ตูมเสียงดังสนั่น พลังของพวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่รวบรวมเอาไว้บนโล่ยักษ์นั่น โดยที่โล่ยักษ์เสมือนดั่งเป็นดาวที่ขนาดใหญ่มหึมาลูกหนึ่งที่พุ่งเข้าชนหลี่ชิเย่ เสียงตูมตามดังก้องทั่วฟ้าดิน ด้วยท่าทีที่สามารถทำลายฟ้าดินได้
“ไม่ ไม่ ไม่ รอให้คนอื่นเขากลั่นยาเม็ดให้เสร็จก่อนแล้วค่อยฆ่าฟันกันก็ยังไม่สายนะ” ตันหวังถึงกับตกใจยิ่ง เมื่อเห็นการโจมตีที่หวังผลถึงตายในคราวเดียว ร้องเอะอะและกระโดดตัวลอยขึ้นมา
แม้ว่าตันหวังจะหวังดี แต่ ทุกอย่างสายเกินไปเสียแล้ว
………………………………………………..