Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2702 แดนลัทธิเซียน
ตอนที่ 2702 แดนลัทธิเซียน
หลี่ชิเย่และราชันแท้จริงจิ่วหนิงมีการกระโดดครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่รู้ว่าหลังจากกระโดดมาแล้วกี่ครั้ง สุดท้าย ได้ยินเสียงดังแว้งค์ขึ้นมาเสียงหนึ่ง ทั้งสองคนพลันมองเห็นข้างหน้าได้อย่างชัดเจน
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ช่องว่างมีการกระเพื่อมทีหนึ่ง ช่องว่างที่อยู่ข้างหน้าเสมือนดั่งเป็นกระจกเงาบานหนี่ง ช่องว่างทั้งหมดเริ่มจับตัวเป็นลักษณะเหนือดๆ เริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นพร่างพราวขึ้นมา
จากการที่ช่องว่างเริ่มแปรสภาพเป็นลักษณะเหนือดๆ เมื่อทอดสายตามองออกไป ด้านในปรากฎภาพของโลกๆ หนึ่ง เป็นโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต โลกที่กว้างใหญ่ไพศาลน่าเกรงขาม
นี่คือโลกๆ หนึ่งที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขตสิ้นสุด เต็มไปด้วยภูเขาที่ตั้งตระหง่าน มีนิกายต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ท่ามกลางโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขตสิ้นสุด เสมือนว่าต่อให้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตก็ไม่สามารถท่องไปได้ทั่ว
แม้ว่าจะมีช่องว่างกั้นอยู่ช่องหนึ่ง แต่ว่า เมื่อมองผ่านช่องว่างที่มีการแปรสภาพแล้ว สามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่มากมายมหาศาลของโลกใบนี้ ที่ตรงนี้เพียบพร้อมด้วยพลังมหาศาลที่ไม่อาจจินตนาการได้ เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดในโลกสามารถเทียบเคียงกับมันได้อย่างนั้น เมื่อมองเห็นโลกลักษณะเช่นนี้แล้ว มักจะทำให้ผู้คนนึกถึงคำๆ หนึ่งก็คือ สถานที่ให้กำเนิดอัจฉริยะบุคคล!
ย่อมไม่ต้องสงสัย ท่ามกลางโลกลักษณะเช่นนี้ได้บ่มเพาะอัจฉริยะบุคคลมาแล้วจำนวนนับไม่ถ้วน และได้บ่มฟักอัจฉริยะบุคคลที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งคนแล้วคนเล่าขึ้นมา และที่ตรงนี้ก็เป็นสถานที่ที่รวบรวมยอดฝีมือเอาไว้จำนวนมากที่สุดในโลก
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ภาพที่สะท้อนขึ้นมาจากช่องว่างที่แปรสภาพเหนือดตรงหน้าก็คือแดนลัทธิเซียน เวลานี้นาทีนี้ แดนลัทธิเซียนก็อยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว
“ช่างเป็นงานสร้างที่ยิ่งใหญ่มหาศาลเหลือเกิน” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงเองก็อดที่จะทอดถอนใจขึ้นมา ขณะยืนอยู่บริเวณสุดปลายทางของเส้นทางดึกดำบรรพ์ มองดูช่องว่างที่แปรสภาพเป็นความเหนือดตรงหน้า “ผู้ที่สามารถสร้างเส้นทางดึกดำบรรพ์เช่นนี้ได้ บางทีอาจอยู่เหนือระดับปฐมบรรพบุรุษมากทีเดียว”
เส้นทางดึกดำบรรพ์ลักษณะเช่นนี้ก้าวข้ามฟ้าดิน ถ้าหากลำพังอาศัยราชันแท้จริงคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งปานใดก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่สามารถสรรสร้างขึ้นมาได้ แม้แต่ระดับปฐมบรรพบุรุก็เป็นไปไม่ได้
เว้นเสียแต่จะมีราชันแท้จริง และปฐมบรรพบุรุษจำนวนมากร่วมมือกัน เกรงว่าต้องอาศัยความร่วมมือของราชันแท้จริง และปฐมบรรพบุรุษจำนวนมาก ใช้ความพยายามผ่านการร่วมมือกันยุคแล้วยุคเล่าจึงสามารถสร้างเส้นทางดึกดำบรรพ์ เช่นนี้ขึ้นมาได้
แต่ว่า ในโลกนี้จะมีใครสักคนที่สามารถมีพลังความสามารถเรียกร้องให้ไปทำกิจกรรมร่วมกันได้รึ? สามารถเรียกให้ราชันแท้จริง ปฐมบรรพบุรุษจำนวนมากร่วมมือกันสร้างเส้นทางดึกดำบรรพ์ สายนี้ขึ้นมา โดยอาศัยความพยายามมายุคแล้วยุคเล่ากันเล่า
ทอดสายตามองออกไปทั่วสายน้ำแห่งกาลเวลา เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดที่มีความสามารถในการเรียกร้องให้ผู้คนไปทำกิจกรรมร่วมกันที่แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้
“เข้าไปเถอะ” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเรียบเฉย ไม่ได้ไปพูดคุยถึงหัวข้อสนทนานี้ เนื่องจากหัวข้อสนทนานี้มีความเก่าแก่โบราณมากเหลือเกิน การที่จะไล่ย้อนกลับไปถึงยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งนั้น ใช่ว่าแค่คำพูดเพียงคำสองคำก็สามารถพูดคุยกันได้จบ
สุดท้าย หลี่ชิเย่และราชันแท้จริงจิ่วหนิงทั้งสองมองตากันและกัน ต่างฝ่ายต่างมีสัญญาลับต่อกันที่หาได้ยากยิ่ง พวกเขาทั้งสองก้าวเท้าเข้าไปยังช่องว่างที่มีการแปรสภาพเป็นความเหนือดนั่น
ได้ยินเสียงดังอ๊อบเสียงหนึ่ง เมื่อหลี่ชิเย่และราชันแท้จริงจิ่วหนิงได้ก้าวเท้าเข้าไปในช่องว่างที่มีการแปรสภาพเป็นความเหนือดแล้ว ช่องว่างที่มีการแปรสภาพเป็นความเหนือดคล้ายเป็นน้ำที่กระเพื่อม สุดท้าย ช่องว่างที่มีการแปรสภาพเป็นความเหนือดได้จางหายไป หลี่ชิเย่และราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็คล้ายหายตัวไปเช่นเดียวกัน
จังหวะช่องว่างที่มีการแปรสภาพเป็นความเหนือดจางหายไปนั้น เป็นจังหวะเดียวกันกับหลี่ชิเย่และราชันแท้จริงจิ่วหนิงได้ก้าวเข้าไปในแดนลัทธิเซียนในเวลาเดียวกัน เมื่อเท้าทั้งสองข้างของพวกเขาได้เหยียบลงบนแผ่นดินของแดนลัทธิเซียนนั้น ต่างถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง
การสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งขณะยืนอยู่บนผืนแผ่นดินของแดนลัทธิเซียน อย่าว่าแต่บุคคลธรรมดาเลย ขอเพียงเป็นผู้ที่ขึ้นมาจากแดนลัทธิราชัน เมื่อเขาเหยียบลงบนผืนแผ่นดินของแดนลัทธิเซียน ก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่าทั้งสองแดนมันแตกต่างกัน
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ขณะที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งนั้น สมารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพลังชีวิตฟ้าดินของแดนลัทธิเซียนเต็มเปี่ยมยิ่งกว่าแดนลัทธิราชันเสียอีก หากไปพิจารณาอย่างละเอียดล่ะก็ จะพบว่าพลังชีวิตฟ้าดินของแดนลัทธิเซียนมีความแตกต่างกับแดนลัทธิราชัน เหมือนว่าพลังชีวิตฟ้าดินของแดนลัทธิเซียนจะมีกลิ่นอายเซียนอยู่สายหนึ่ง แน่นอน สิ่งนี้ใช่ว่าจะต้องเป็นกลิ่นอายเซียนเสมอไป เพียงแต่พลังชีวิตฟ้าดินของแดนลัทธิเซียนมีกลิ่นอายที่แดนลัทธิราชันไม่มี
ถ้าหากผู้ที่มีทักษะลึกล้ำมากกว่า และหรือมีพรสวรรค์ที่สูงกว่าสักนิด เมื่อเหยียบลงบนแดนลัทธิเซียนก็จะรับรู้ได้ถึงการประสานของสัจธรรมได้ง่ายกว่า ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้ต้องอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนเองเท่านั้นที่มีได้
แต่ว่า ในฐานะที่เป็นคนนอก กระทั่งไปยืนอยู่บนแผ่นดินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิผู้อื่น ก็มีการรู้สึกได้ถึงการสอดประสานของสัจธรรมเช่นนี้ได้ เป็นการบ่งบอกว่า การฝึกปรือในแดนลัทธิเซียนจะง่ายกว่าในแดนลัทธิราชัน เนื่องจากสัจธรรมมีความใกล้ชิดกับตัวเรามากกว่า ทำให้ง่ายต่อการบรรลุถึงความลึกซึ้งของสัจธรรมได้มากขึ้น
ด้วยเหตุนี้เอง ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ และราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรจำนวนเท่าไร เมื่อก้าวถึงระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาต่างก้าวขึ้นสู่แดนลัทธิเซียน เนื่องจากแดนล่างไม่สามารถตอบสนองต่อการฝึกปรือของพวกเขาได้อีกแล้ว มีเพียงก้าวขึ้นไปยังแดนลัทธิเซียน จึงสามารถทำให้พวกเขาได้ก้าวทะลุไปได้อีกขั้น ทำให้พวกเขาสามารถก้าวเดินไปภายใต้สัจธรรมของตนได้ไกลมากขึ้น
แดนลัทธิเซียน…ราชันแท้จริงจิ่วหนิงทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ ขณะยืนอยู่ท่ามกลางแดนลัทธิเซียน
แม้จะกล่าวว่า นางมีชาติกำเนิดมาจากแดนลัทธิราชัน และแดนลัทธิราชันคือบ้านของนาง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เมื่อก้าวมาถึงระดับเช่นพวกเขา และมีกำลังความสามารถเช่นนี้แล้ว แดนลัทธิเซียนจะเหมาะสมกว่าสำหรับพวกเขา สามารถสำแดงพลังแฝงของพวกเขาได้ดีกว่า
กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ถ้าหากรั้งอยู่ในแดนลัทธิราชันมันคือการผูกมัดตัวพวกเขาอย่างสิ้นเชิง หากไม่เป็นเพราะความจำเป็นจริงๆ และหรือไม่มีสิ่งที่ตนจะละทิ้งไม่ได้อย่างแท้จริงในแดนลัทธิราชันล่ะก็ เกรงว่าคงไม่มีใครที่หลังจากแข็งแกร่งแล้วจะยังคงยินดีรั้งอยู่ในแดนลัทธิราชันต่อไป
“พี่ท่าน จากกันตรงนี้เลยรึ?” ในเวลานี้ ราชันแท้จริงจิ่วหนิงจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขณะที่ราชันแท้จริงจิ่วหนิงพูดยังไม่ทันจบ ปรากฏท้องฟ้าเสมือนดั่งระเบิดขึ้นมากะทันหัน ทำเอาผู้คนตระหนกตกใจกันยกใหญ่
“ข้าแค่ต้องการเชื้อเชิญพี่ท่านไปเป็นแขกที่บ้านข้าเท่านั้นเอง จำเป็นต้องลงทัณฑ์เช่นนี้ด้วยรึ?” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงถึงกับพูดเล่นขึ้นมา
ตูม ตูม ตูมแต่ว่า ราชันแท้จริงจิ่วหนิงยังพูดไม่จบ ทั่วฟ้าดินปรากฎเสียงดังตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอก เสียงดังตูมตามดังกล่าวคล้ายระเบิดฟ้าดินเป็นเสี่ยงๆ อย่างนั้น
หลี่ชิเย่และราชันแท้จริงจิ่วหนิงมองไปบนท้องฟ้า เห็นเพียงสายฟ้าแต่ละสายที่วิ่งกันพล่านบนท้องฟ้า โดยที่สายฟ้าแต่ละสายที่วิ่งกันพล่านนั้นใช่จะธรรมดา และมันก็ไม่เหมือนดั่งสายฟ้าธรรมดาทั่วไปที่วิ่งกันพล่านดั่งงูคลั่ง
ในขณะนี้ บนท้องฟ้าเสมือนหนึ่งได้มีการปูสายฟ้าแต่ละสายเอาไว้ โดยสายฟ้าแต่ละสายเสมือนหนึ่งเป็นสายไฟแต่ละเส้นที่ปูอยู่กับท้องฟ้าอย่างแน่นหนา อีกทั้งขณะที่เสียงฟ้าร้องดังขึ้นมานั้น ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังขึ้นมานั้น เห็นเพียงไฟฟ้านับไม่ถ้วนที่ไหลเคลื่อนผ่านสายฟ้าที่ถูกปูเอาไว้บนท้องฟ้าเหล่านั้น
“นี่มันคืออะไร” มองดูภาพที่สุดอลังการบนท้องฟ้าแล้ว ต่อให้เป็นราชันแท้จริงจิ่วหนิงที่มีความรู้กว้างขวางก็ต้องตะลึงอยู่ตรงนั้น
เนื่องจากนางเองก็ไม่เคยได้พบเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน สายฟ้าแต่ละสายถึงกับถูกปูเอาไว้บนท้องฟ้า เหมือนถูกพันธนาการเอาไว้ตรงนั้นอย่างแน่นหนา จากนั้น ปรากฏไฟฟ้ากำลังสูงสายหนึ่งวิ่งผ่านเข้าไป ทั่วท้องฟ้าเสมือนดั่งกลายเป็นโลกของฟ้าแลบ กระทั่งกล่าวได้ว่า ทั่วทั้งแดนลัทธิเซียนเหมือนหนึ่งกลายเป็นโลกของฟ้าแลบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว
ใช่เพียงแต่ราชันแท้จริงจิ่วหนิงเท่านั้นที่ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น นาทีนี้มีฟ้าแลบจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปูอยู่เต็มท้องฟ้าไปหมด ทั่วทั้งแดนลัทธิเซียนถูกฟ้าแลบคล้ายถูกฟ้าแลบนับไม่ถ้วนคลุมเอาไว้ถี่ยิบ ซึ่งทำให้ทุกคนมองดูด้วยความเหม่อลอย
ทั่วทั้งแดนลัทธิเซียน อย่าว่าแต่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนธรรมดาทั่วไป อย่าว่าแต่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาจำนวนหนึ่งหมื่นล้านล้านล้านล้านคนเลย ในแดนลัทธิเซียนแห่งนี้ แม้แต่บรรดาราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกร ปฐมบรรพบุรุษผู้บรรลุมรรคผลเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ก็รู้สึกตระหนกยิ่งนัก
“นี่ นี่ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งแดนลัทธิเซียนก็ถูกภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้งุนนงงไปแล้ว
กระทั่งมียอดฝีมือที่พูดตะกุตะกะว่า “นี่ นี่ นี่คือวันสิ้นโลกอย่างนั้นรึ? หรือว่าเป็นภัยพิบัติที่ลงมาจากฟ้า”
“ไหนเลยมีภัยพิบัติจากท้องฟ้าที่ไหนกัน” เทพแท้จริงขั้นอมตะรุ่นอาวุโสไม่เชื่อในสิ่งนี้ เนื่องจากต่อให้ขณะบรรลุมรรคผลกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษ ก็ไม่ได้มีภาพที่น่ากลัวเช่นนี้
ต่อให้มีราชันแท้จริงคนใดคนหนึ่งในขณะบรรลุมรรคผลกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษจะนำมาซึ่งปรากฎการณ์ประหลาดท้องฟ้าแปรปรวน แต่ก็จะเป็นวิบากสวรรค์ขนาดเล็ก แต่ว่า ภาพเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นการครอบคลุมไปทั่วทั้งแดนลัทธิเซียน โดยที่แดนลัทธิเซียนทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกฟ้าแลบที่น่ากลัวนี้ปกคลุมเอาไว้ เหมือนว่าทั่วทั้งแดนลัทธิเซียนล้วนกลายเป็นคุกที่น่ากลัวไปแล้วอย่างนั้น
เอี๊ยดดด เอี๊ยดดด เอี๊ยดดด…ในเวลานี้เอง บนท้องฟ้าปรากฏเสียงที่หนักอึ้งดังขึ้นเป็นระลอก เหมือนว่าบนท้องฟ้ามีประตูที่ใหญ่โตมโหฬารกำลังจะปิดท้องฟ้าเอาไว้อย่างนั้น
เอี๊ยดดด เอี๊ยดดด เอี๊ยดดด…จากการที่มีเสียงเหมือนสิ่งของหนักอึ้งเคลื่อนไหวบนท้องฟ้าเป็นระลอก ท้องฟ้าได้เริ่มมืดคลิ้มลงจริงๆ เหมือนว่าบนท้องฟ้ามีประตูกำลังปิดลงอย่างช้าๆ จริงๆ
“นี่ นี่ นี่มันท้องฟ้ามีประตูจริงๆ รึ?” ในเวลานี้ ได้ทำเอาผู้คนทั้งหมดต่างรู้สึกตกใจยิ่ง เนื่องจากไม่เคยได้เห็นภาพเช่นนี้มาก่อน
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วนี่?” อย่าว่าแต่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาบนโลกเลย แม้แต่ราชันแท้จริงกระทั่งถึงปฐมบรรพบุรุษ ต่างมีท่าทีที่หนักแน่นขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้แล้ว
“เกิดเหตุการณ์ที่ประหลาดมาก” ระดับราชันแท้จริงเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ถึงกับเต้นกระตุกขึ้นในใจ ม่านตาหดตัวลง กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ซ่อน ซ่อนตัวเอาไว้ เกิดเหตุการณ์ประหลาดมากเช่นนี้ต้องเป็นเหตุร้ายแน่” กล่าวพลาง ทำการซ่อนเร้นกลิ่นอายทั้งหมดของตน หลบซ่อนตัวเข้าไปในที่ลับในทันที
ระดับปฐมบรรพบุรุษหัวใจเต้นกระตุกทีหนึ่ง เมื่อมองเห็นภาพนี้จากระยะไกล จึงลงมือคำนวณตามข้อมูลเหตุผลทันที แม้จะเป็นการลงมือของปฐมบรรพบุรุษ ได้ยินเสียงดังปังดังขึ้น กระดาษคำนวณแตกละเอียดไปทันที
“ความลับสวรรค์ยุ่งเหยิง” สีหน้าของปฐมบรรพบุรุษเปลี่ยนไป กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า “แย่แล้ว ต้องมีเหตุร้ายยิ่งใหญ่แน่ ไม่รู้ว่าใครกำลังทำพิธี” กล่าวพลาง แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นระดับบรรพบุรุษก็ทำการซ่อนเร้นตนเองในทันที
ความจริงแล้ว ขณะที่บนท้องฟ้าปรากฏความมืดมิดขึ้นมาเป็นระลอก ผู้ที่มีความแข็งแกร่ง และมีประสบการณ์โดยแท้จริงต่างทยอยกันหลบซ่อนตัว และทยอยทำการปิดบังซ่อนเร้นตนเอง เนื่องจากพวกเขาที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“นี่ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” สีหน้าของราชันแท้จริงจิ่วหนิงเปลี่ยนไป กำลังความสามารถของนางนั้นได้เข้าใกล้ปฐมบรรพบุรุษเต็มทีแล้ว กระทั่งกล่าวได้ว่า นางขาดอยู่เพียงน้อยนิดก็สามารถกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษได้แล้ว เพียงแต่ นางได้ทำการกดตนเองเอาไว้ตลอดมา จึงไม่ได้กลายเป็นปฐมบรรพบุรุษ เนื่องจากนางต้องการเป็นปฐมบรรพบุรุษของแดนลัทธิเซียนในก้าวเดียว
แต่ว่า ภายใต้การคำนวณของนาง ปรากฏความลับสวรรค์มีแต่ความสับสนวุ่นวาย นางที่แข็งแกร่งเพียงนี้ก็ไม่สามารถคำนวณสิ่งใดๆ ออกมาได้
ในเวลานี้ ราชันแท้จริงจิ่วหนิงถึงกับจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่
สายตาของหลี่ชิเย่เพ่งไปข้างหน้า คำนวณหมื่นสัจธรรม สีหน้าของเขาถึงกับบึ้งตึง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “แย่แล้ว มีคนสอดแนมความลับสวรรค์!”
…………………………………………….