Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 3018 เรียกวิญญาณผู้ตายมา
ตอนที่ 3018 เรียกวิญญาณผู้ตายมา
ตูม ตูม ตูม…เสียงตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย ขณะที่พิธีกรรมเรียกวิญญาณมาถึงจุดที่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดนั้น ทันใดนั้นเองเปลวไฟที่อยู่ภายในเตาหงส์ทำท่าเหมือนจะระเบิดขึ้นมาอย่างนั้น
เปลวไฟที่อยู่ภายในเตาหงส์พลันได้ลุกโชนขึ้นพรวดพราดทันที ทั้งยังเต็มไปด้วยพลังขยายตัว เสมือนดั่งเป็นรังไหมขนาดยักษ์อย่างนั้น เหมือนว่าภายในได้ห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตอะไรสักอย่างเอาไว้ และเปลวไฟที่เปี่ยมด้วยพลังขยายตัวได้ขยายตัวไม่หยุดนิ่ง เหมือนภายในรังไหมเปลวไฟมีบางสิ่งที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้องเจาะรังไหมออกมา
จากการที่เปลวไฟภายในเตาหงส์ลุกโชนสูงขึ้น ทำให้เตาหงส์คล้ายพร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อ ในขณะเดียวกัน เปลวไฟบนตัวของสิ่งปราศจากชีวิตทั้งหมดในสนามประลองก็ลุกโชนตาม และเปลวไฟบนตัวของพวกมันก็ลุกโชนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน
ในเวลานี้สิ่งปราศจากชีวิตทั้งหมดต่างเปล่งคาถาเรียกวิญญาณกันอย่างบ้าคลั่ง ร่ายกายที่ส่ายบิดตัวร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง พวกมันคล้ายเข้าสู่โหมดคลั่งไคล้อย่างนั้น
ลองนึกภาพดู คนตายกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันแล้วส่ายและบิดตัวอย่างบ้าคลั่ง เป็นลักษณะการเต้นรำที่แปลกประหลาดมาก พิธีกรรมเรียกวิญญาณเช่นนี้ช่างสยองขวัญยิ่งนัก ช่างน่ากลัวอะไรอย่างนั้น เกรงว่าผู้คนจำนวนมากที่มองเห็นภาพนี้แล้วก็ต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง
แกร็ง แกร็ง แกร็ง…ในเวลานี้เสียงบรรเลงพิณโบราณบนท้องฟ้าดังกระชั้นมากขึ้นๆ เสียงพิณที่หนักแน่น บางเบา โทนเสียงสูงต่ำสลับสับเปลี่ยนไปตามความปรารถนา ทุกๆ เสียงเปี่ยมด้วยการฆ่าฟัน ทุกๆ เสียงที่บรรเลงขึ้นมาล้วนแล้วแต่ประดุจดั่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ฟาดฟันลงมา
แต่ว่า ในเวลานี้พวกของฮ่องเต้รถศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอิทธิพลอาชาศึก…พวกเขาที่เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรก็ลั่นกลองศึกอย่างบ้าคลั่ง เสียงกลองศึกดังตุง ตุง ตุงที่พยายามต่อต้านกับเสียงแกร็ง แกร็ง แกร็งของพิณ
แม้ว่าเสียงพิณทุกๆ เสียงล้วนแล้วแต่คล้ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ฟาดฟันลงมา แต่ว่า เสียงกลองศึกที่ดังตุง ตุง ตุงกลับมีความหนายิ่งนักเสมือนดั่งพสุธา ทั้งยังเหมือนหนึ่งเป็นคลื่นยักษ์ในทะเลที่โหมสาดซัด เสียงกลองที่ยกตัวสูงเหมือนดั่งคลื่นในทะเลลูกแล้วลูกเล่าเข้าขัดขวางการฟาดฟันลงมาของเสียงพิณ
แม้ว่าจะมีเสียงพิณที่ลอดลงไปในสนามประลองอยู่เหมือนกัน และพุ่งเข้าโจมตีคนตายและเปลวไฟบนเตาหงส์ แต่ว่าถูกลดทอนอานุภาพจนอ่อนลงไม่สามารถระงับพิธีกรรมเรียกวิญญาณได้อีกแล้ว
การต่อสู้ชี้ขาดของระดับผู้ได้รับการเคารพสูงสุด…เมื่อราชันแท้จริงเซิ่นซวงได้เห็นภาพนี้แล้ว อดที่จะพึมพำขึ้นมาไม่ได้ “ดูท่าพิณโบราณจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว”
“กลองศึกก็ใช่ธรรมดา คืออาวุธปฐมบรรพบุรุษที่ยอดเยี่ยมมาก” กระบือดำขนาดใหญ่ได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เพียงแต่เสียดาย เจ้าของพิณโบราณไม่ได้ทิ้งวิชาสังหารเอาไว้ ลำพังอาศัยพิณโบราณไม่สามารถสำแดงอานุภาพที่สูงสุดของมันออกมา”
“ล้วนเป็นระดับปราศจากผู้ต่อกรในครั้งนั้นนะเนี่ย” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ เมื่อมองเห็นบรรดาผู้ที่พยายามลั่นกลองศึกอย่างเต็มที่เช่นฮ่องเต้รถศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอิทธิพลอาชาศึก…
ต่อให้ไม่มีการแจ้งชื่อของตน ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็พอจะรู้ว่าบรรดาระดับผู้ปราศจากผู้ต่อกรเหล่านี้เป็นใครแล้ว เพียงแต่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงไม่ต้องการไปเอ่ยชื่อของพวกเขาออกมาเท่านั้น
จะอย่างไรเสีย ขณะพวกเขายังมีชีวิตอยู่ในแดนสามเซียนล้วนมีชื่อเสียงกันทั้งนั้น เรียกได้ว่ายากจะหาผู้ใดเทียมในหล้า เคยเป็นผู้ได้รับการเคารพสูงสุดจากผู้คนในหล้าเป็นจำนวนมาก แต่แล้ว หลังจากที่พวกเขาเสียชีวิตแล้วกลับกลายเป็นผีดิบ
ความจริงเช่นนี้หากเล่าลือกลับไปยังแดนสามเซียน หากทายาทรุ่นหลังของพวกเขารับรู้เรื่องนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวเพียงใด ส่งผลกระทบต่อเรื่องราวความเป็นผู้กล้าของพวกเขาเช่นใด
ตูม…นาทีนี้เอง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นเสียงหนึ่ง เสมือนหนึ่งฟ้าดินถูกระเบิดจนแตกออกอย่างนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นเตาหงส์ดูจะเจิดจ้ายิ่งนัก
พริบตาเดียวนั่นเอง คล้ายเตาหงส์ได้ระเบิดประกายแสงที่ไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา ในขณะเดียวกัน เปลวไฟที่อยู่ในเตาได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเสมือนดังภูเขาไฟที่ระเบิดอย่างรุนแรงอย่างนั้น สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนเหลือเกิน
ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย ฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลงขึ้นมา แม้แต่ช่องว่างก็สั่นไหวโคลงเคลงตาม ขณะที่ทั่วฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลง สามารถมองเห็นเศษหินที่อยู่ในสนามประลองก็สั่นไหวโคลงเคลงไม่หยุดเช่นกัน
ในเวลานี้ เสมือนดั่งมีพลังที่สูงสุดสยบโลกทั้งโลกเอาไว้อย่างนั้น เมื่อพลังลักษณะเช่นนี้พุ่งโจมตีออกมา ฟ้าดินหมื่นอาณาจักรล้วนสลดและอับแสงลงในพริบตาเดียว ฟ้าดินแลสรรพสิ่งล้วนมอบคลานอยู่กับพื้นในพริบตาเดียว
เมื่อเตาหงส์ระเบิดขึ้น มองเห็นร่างเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางเตา เป็นร่างเงาที่สูงใหญ่ยากจะหาผู้ใดเทียม ร่างเงานี้หันหลังให้กับผู้คน บนตัวของเขาปรากฏเปลวไฟที่ทิ้งตัวลงมาเหมือนดังน้ำตกที่ไหลริน และเสมือนดั่งพู่ระย้าที่ห้อยอยู่บนท้องฟ้า
จังหวะที่ร่างเงานี้ปรากฏขึ้นมา ได้ยินเสียงตุบดังขึ้น บรรดาสิ่งปราศจากชีวิตที่อยู่ในสนามประลองทั้งหมดต่างนอนคว่ำหน้าลงกับพื้น พวกเขาได้สยบโดยสิ้นเชิงอยู่ตรงนั้น
ในเวลานี้เอง ร่างเงานี้ได้แผ่กลิ่นอายปฐมบรรพบุรุษสูงสุดขึ้นมา แม้ว่าเขาเป็นเพียงแค่ร่างเงาเท่านั้น แต่ว่า ตัวเขาเสมือนดั่งเป็นร่างจริงที่มาด้วยตนเองอย่างนั้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายปฐมบรรพบุรุษทั้งโลก ภายใต้กลิ่นอายที่ปราศจากผู้ต่อกร ทุกสรรพชีวิตล้วนหอบหายใจไม่ทัน
เขา เขาเป็นใคร…ภายในใจของราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับสั่นเทาทีหนึ่ง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าร่างเงาที่อยู่ตรงหน้าคือระดับปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่ง อีกทั้งไม่ใช่ระดับปฐมบรรพบุรุษธรรมดา แต่เป็นปฐมบรรพบุรุษที่ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล
แม้ว่าปากของราชันแท้จริงเซิ่นซวงจะพูดเช่นนี้ แต่ว่า นางรู้คำตอบรางๆ แล้ว
เสียงตูม…ดังสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ร่างเงาร่างนี้พลันหันกลับมา ขณะที่เขาหันหลังกลับมานั้น ทั่วฟ้าดินล้วนแล้วแต่สั่นไหวกับสิ่งนี้ ทั่วฟ้าดินล้วนหมุนตามกับการหมุนตัวกลับมาของเขาอย่างนั้น
ผู้คนจำนวนเท่าไรรู้สึกว่าตนเองนั้นถูกสะบัดทิ้งไปอย่างนั้น ขณะร่างเงาลักษณะเช่นนี้หันหลังกลับ พลันรู้สึกเป็นลมหมดสติไป ภายใต้พลังที่สยองขวัญปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ สามารถสะบัดให้ผู้คนเป็นลมหมดสติไปได้ในพริบตาเดียว
พลันที่คนผู้นี้หมุนตัวกลับมา ขณะที่ทุกคนยังมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขานั้น ได้ยินเสียงตูมดังขึ้นเสียงหนึ่ง ดวงตาทั้งสองของเขาพลันพวยพุ่งเป็นเปลวไฟร้อนแรงออกมาไม่ขาดสาย โดยเปลวไฟร้อนแรงไม่ขาดสายที่พวยพุ่งออกมาหาใช่เป็นไฟโลกันตร์ทั่วไป มันถึงกับมีประกายสีดำที่วิ่งเคลื่อนที่ไปมาอยู่ในเปลวไฟร้อนแรงไม่ขาดสายนั่น
เหมือนว่าเปลวไฟร้อนแรงที่ออกมาคู่ดวงตาของเขานั้นมาจากนรกอเวจี ดังนั้น เมื่อดวงตาทั้งสองของเขาปรากฎเปลวไฟร้อนแรงทะลักออกมา และมองไปยังคนใดคนหนึ่ง พลันทำให้คนผู้นั้นรู้สึกเหมือนวิญญาณของตนถูกเก็บเกี่ยวเอาไปอย่างนั้น ทำให้ผู้นั้นอกสั่นขวัญแขวนขึ้นทันที และล้มตัวลงหมดสติ
ตูม ตูม ตูม…เสียงลุกไหม้ของเปลวไฟดังขึ้นเป็นระลอก ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นสิ่งปราศจากชีวิตทั้งหมดก็ได้มีเปลวไฟพุ่งทะลักออกมาจากดวงตาทั้งสองเช่นเดียวกัน
เมื่อเปลวไฟลักษณะเช่นนี้ได้พุ่งทะลักออกมาจากดวงตาของพวกเขา คล้ายเป็นไฟวิญญาณของพวกมันอย่างนั้น พลันทำให้พวกเขาเปี่ยมไปด้วยพลัง
“พลังของพวกมันล้วนมาจากตัวเขา” กระบือดำขนาดใหญ่อดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ ขณะมองดูร่างเงาที่อยืนอยู่ในเตาหงส์ จากนั้นหัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ดูท่าเขาก็คือผู้ที่กุมพลังความตายทั้งหมดที่นี่!”
เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด…ปรากฎเสียงที่แปลกประหลาดมากเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเป็นระลอก เหมือนมีมีดปลายแหลมที่ขูดอยู่กับกระดูกวัวอย่างนั้น จังหวะที่ดวงตาทั้งสองของร่างเงาได้พวยพุ่งเป็นเปลวไฟออกมานั้น บนศีรษะของเขาถึงกับมีเขาเปลวไฟค่อยๆ งอกขึ้นมาอย่างช้าๆ คู่หนึ่ง
เขาเปลวไฟคู่นี้มีความแหลมคมอย่างยิ่ง เหมือนเป็นเขาแห่งนรกอเวจีอย่างนั้น ภายใต้เปลวไฟที่เคลื่อนไหว เหมือนว่าเขาเปลวไฟคู่นี้สามารถแทงทะลุท้องฟ้าได้อย่างนั้น
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อร่างเงาได้มีเขาเปลวไฟงอกขึ้นมาบนศีรษะ พลังที่น่าสยองขวัญพลันเพิ่มสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ในเวลานี้เอง เขาจึงดูเหมือนเพิ่งจะตื่นขึ้นมาอย่างแท้จริง พลังที่ปราศจากผู้เทียบเทียมของเขาพลันถูกปลดปล่อยออกมาในพริบตาเดียว โดยไม่มีการเก็บงำเอาไว้แม้แต่น้อย พุ่งขึ้นไปยังเก้าท้องฟ้าสิบแดนดินอย่างรุนแรง
ในขณะเดียวกัน ได้ยินเสียงหงส์ดังอิ๊วขึ้นมาเสียงหนึ่งจากเตาหงส์ ประกายแสงที่พุ่งขึ้นฟ้าอย่างรุนแรงเสมือนดั่งได้กลับกลายเป็นหงส์เพลิงตัวหนึ่ง บินร่อนไปรอบๆ ร่างเงาร่างนั้น!
เพียงแต่ ขนหางที่ลากยากไปของหงส์ตัวนี้ปรากฏประกายสีดำที่วิ่งเคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น เหมือนว่านี่หาใช่หงส์อมตะที่อยู่ในตำนาน แต่เป็นหงส์ทมิฬที่มาจากนรกอเวจี!
เสียงตูม ตูม ตูมดังขึ้นมาไม่ขาดสาย พลังที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าได้พุ่งโจมตีไปทั่วทั้งโลกใบเล็ก ในพริบตาเดียวนั่นเอง บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่เข้ามายังโลกใบเล็กแห่งนี้ต่างรับรู้ถึงพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าสายนี้
ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่น บรรดายอดฝีมือและผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากในโลกใบเล็กใบนี้พลันถูกสยบโดยพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรสายนี้ ต้องคุกเข่าลงโดยพลันและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อยู่แล้ว
ห่างไกลกันนับล้านล้านลี้กระทั่งไม่ได้เห็นด้วยซ้ำ ก็พลันถูกพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรลักษณะเช่นนี้สยบเอาไว้ ลองนึกภาพดู พลังเช่นนี้ช่างน่าสยองขวัญเพียงใด ช่างมีความแข็งแกร่งเช่นใด
แม้แต่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็ยากที่จะรองรับกับพลังเช่นนี้ไว้ได้ แรกเริ่มทีเดียวยังได้อยู่ เมื่อนางมีพลังแสงสว่างที่ไร้ขอบเขตจำกัดยังคงรองรับเอาไว้ได้
แต่ว่า ภายหลังจากที่ร่างเงาดังกล่าวมีเขาเปลวไฟงอกขึ้นมาคู่หนึ่ง ทุกอย่างพลันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว พลังที่ร่างเงานี้มีได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ภายใต้พลังปฐมบรรพบุรุษที่น่าสยองขวัญและปราศจากผู้ต่อกร แม้แต่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็ยากจะรองรับได้ จะต้องถูกสยบเอาไว้ตรงนั้นแล้ว
กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะทีหนึ่ง เคลื่อนย้ายร่างกายของตนไปหลบอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่โดยตรง โดยไม่ไปต่อต้านกับพลังสูงสุดที่แผ่กระจายออกมาจากร่างเงาสายนี้
ราชันแท้จริงเซิ่นซวงเองก็ไม่อวดดีเมื่อได้เห็นเช่นนี้ จึงย้ายร่างตัวเองไปหลบอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่เช่นกัน
นางเองก็เข้าใจได้ว่า ลำพังอาศัยกำลังของตนไม่สามารถต้านทานได้อยู่แล้ว คนผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้าแข็งแกร่งมากเหลือเกิน เขาเคยเป็นผู้ที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งเป็นนิรันดร์ เกรงว่านับแต่อดีตถึงปัจจุบันผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่าเขาได้นั้น อาศัยนิ้วมือสิบนิ้วก็นับได้หมด
ดังนั้น กล่าวสำหรับราชันแท้จริงเซิ่นซวงแล้ว การที่ถูกพลังที่สูงสุดของเขาสยบเอาไว้ก็ใช่เป็นเรื่องที่น่าอับอาย
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง เมื่อต้องเผชิญกับพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า เสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง บนตัวของเขาได้แผ่กระจายแสงสว่างขึ้นมาต้านพลังที่สยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินนี้เอาไว้ ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังสยบสายนี้แต่อย่างใด
พวกของราชันแท้จริงเซิ่นซวงที่หลบอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่ถึงกับหายใจด้วยความโล่งอก ในเวลานี้พวกเขาก็ได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวและแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ได้อย่างแท้จริง
เมื่อหลี่ชิเย่ต้านขวางพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าเอาไว้นั้น ร่างเงาที่อยู่บนเตาหงส์พลันมองมาที่หลี่ชิเย่ เปลวไฟที่พ่นทะลักออกมาจากดวงตาทั้งสองของเขาเหมือนได้พุ่งโจมตีเข้ามาทันที
ลองจินตนาการดู แววตาของผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้าจ้องมองมานั้น พลันสามารถมองทะลุฟ้าดิน สามารถมองและสังหารราชันแท้จริงจำนวนมากในครั้งเดียว ด้วยกำลังความสามารถเช่นนี้ช่างน่าสยองขวัญอะไรอย่างนั้น