Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 164 เจ้าเล่ห์มากแผนการ! (3)
นับประสาอะไรกับคู่ต่อสู้ของพวกเขา แม้แต่ผู้ชมที่เฝ้าดูการต่อสู้
ของกองพันไร้พ่ายก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย นี่เป็นรูปแบบการต่อสู้ที่
เดิมพันชีวิตและมุ่งเป้าไปยังจุดสําคัญของศัตรูอย่างเห็นได้ชัด! การ
โจมตีหลายครั้งของพวกเขามักอยู่ “ใต้เข็มขัด” เน้นไปที่ “ส่วนสําคัญ”
เป็นหลัก ทําให้ทหารราบหนักจํานวนมากต้องนอนขดตัวอยู่บนพื้น กุม
อวัยวะแสนล�าค่าของพวกเขาอย่างเจ็บปวดจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า
ขึ้น มันเป็นภาพที่น่าอนาถใจอย่างยิ่ง
เหตุการณ์นี้ได้ทิ้งเงาไว้ในจิตใจของทหารราบหนักจํานวนมาก
แม้ว่า ‘พื้นที่สําคัญ’ ของพวกเขาจะได้รับการปกป้องด้วยชุดเกราะ
หนาๆ แต่เมื่อพวกเขาตรวจสอบชุดเกราะก็ต้องพบว่าความเสียหายที่
เกิดขึ้นกับชุดเกราะส่วนมากมักจะเกิดขึ้น ณ พื้นที่ส่วนนั้นเป็นหลัก…
บางทีหากทหารกองพันไร้พ่ายใช้กําลังมากกว่านี้ พวกเขาอาจสูญเสีย
ความสามารถในการสืบเผ่าพันธุ์แล้ว
“ผู้บัญชาการกองพันหัวเฟิง เร็วเข้า บอกให้คนในกองพันไร้พ่าย
หยุดมือ!” เซินจี้กล่าวอย่างโกรธเคืองหัวเฟิงกระพริบตาปริบๆอย่างไร้เดียงสาและกล่าวว่า “โอ้ ผู้
บัญชาการกองพลเซินจี้ คําสั่งของท่านมันเร็วเกินไปน่ะ ทหารของข้ามี
ปฏิกิริยาช้าเกินไปจนตามไม่ทัน ทุกคน…หยุด!” เสียงของหัวเฟิงไม่ดัง
เท่าเซินจี้ และเขาก็ต้องตะโกนอยู่หลายครั้ง ท้ายที่สุดซ่างกวนเฟยเอ๋อร์
ก็ยังตะโกนอยู่กลางสนามรบหลายครั้งเช่นกันกว่าที่พวกทหารกองพัน
ไร้พ่ายจะหยุดมืออย่างไม่เต็มใจ
สําหรับการฝึกกับเพื่อนทหารทั่วๆไป แม้ว่าการต่อสู้จะอุตลุต
วุ่นวายแค่ไหน แต่พวกเขาก็จะต้องยั้งมือไว้เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด
การแก้แค้นในอนาคต! เฉพาะเมื่อพวกเขาต่อสู้กับบุคคลภายนอก
เท่านั้นจึงจะสามารถปลดปล่อยพลังอันแสนร้ายกาจออกมาได้ทั้งหมด
โดยไม่ต้องอดกลั้น
ทั้งสองฝ่ายหยุดมือในที่สุด อย่างไรก็ตาม บางทีอาการบาดเจ็บที่
พบมากที่สุดก็อาจจะเป็นจํานวนขากรรไกรที่ร่วงหลุดออกมาจากปาก
ผู้ชมโดยไม่ทราบสาเหตุ … เจ้าหน้าที่ทหารกองทัพจ้งเทียนภาคเหนือ
เขตตะวันตกทุกคนล้วนมีใบหน้าที่ดําคล�าเป็นก้นหม้อ อ๊ากกก เงินของ
พวกข้า! สูญเงินไปมากเท่าไหร่กันน่ะ!! หลายคนลงเดิมพันด้วย
เงินเดือนหลายเดือน พวกเลวร้ายที่สุดคือทหารราบหนัก พวกเขาไม่
เพียงแต่ถูกทุบตีอย่างหนัก แต่ชุดเกราะบางส่วนของพวกเขาก็ถูก
ทําลายจนไร้รูปทรง… นอกจากนี้ยังเสียเงินเดิมพันจํานวนมากอีกด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อใดก็ตามที่มีการกล่าวถึงกองพันไร้พ่าย ทุกคนก็จะได้ยินเสียงร้องครวญครางอย่างโศกเศร้า “อ๊ากก ไอ้พวกกองพันไร้
พ่ายนั่นไม่ใช่มนุษย์!”
“ผู้บัญชาการกองพลเซินจี้ เกี่ยวกับการเดิมพันครั้งก่อนของ
เรา…” หัวเฟิงถามย�าอย่างละเอียดเพื่อเตือนความจํา
ตอนนี้เซินจี้สงบลงแล้ว แม้ว่าในทางทฤษฎีเขาจะแพ้และยังเสีย
หน้าอีกด้วย แต่เมื่อสงบลงใจได้ ชายหนุ่มก็พบว่าตนเองอารมณ์ดีเป็น
พิเศษอย่างน่าเหลือเชื่อ บางทีนั่นอาจจะเป็นเพราะกองทหารที่ยอด
เยี่ยมที่สุดของกองพลที่ 7 พ่ายแพ้ แต่อย่าลืมว่าในทางทฤษฎีแล้ว กอง
พันไร้พ่ายก็เป็นของกองพลที่ 7 เช่นกัน ที่สําคัญไปกว่านั้นคือคราวนี้
พวกเขาจะออกไปช่วยกองพลที่ 7 ในสนามรบ สําหรับกองพันไร้พ่าย
และกรมทหารราบหนัก นี่จะกลายเป็นความร่วมมือที่มีแต่ได้กับได้ใน
ระหว่างที่ปะทะกับยอดฝีมือ…และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสําหรับเซินจี้
อย่างแน่นอน
“ข้าแพ้แล้ว เราจะดําเนินการตามเงื่อนไขการเดิมพันที่เคยตกลง
กัน อย่างไรก็ตาม ข้ายังคงต้องพูดคุยหารือและจัดการเรื่องราวต่างๆ
ของกรมทหารราบหนักก่อน”
หัวเฟิงยิ้มอย่างสง่างามและกล่าวว่า “ข้าคงต้องรบกวนผู้
บัญชาการกองพลเซินจี้แล้ว ท่านไม่ต้องกังวลไป ในสนามรบกองพันไร้
พ่ายของเราจะไม่ทําให้ท่านผิดหวังแน่นอน”เซินจี้มองไปที่หัวเฟิงอย่างมีความหมายลึกล�าครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ย
ขึ้นในที่สุด “ข้าก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน”
หลังจากพูดจบ เขาก็ผินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง การต่อรอง
กับนักเลงเหล่านี้ไม่ใช่งานน่าสนุกอย่างแน่นอน ผู้บัญชาการชั่วคราว
หัวเฟิงคนนี้จัดการยากกว่าโจวเหว่ยชิงเสียอีก อย่างน้อยปกติโจวเหว่ย
ชิงก็เป็นเด็กหนุ่มอัธยาศัยดี มีไมตรีและเข้ากับคนง่าย แต่หัวเฟิงคนนี้
กลับมีไหวพริบเฉียบคมและเจ้าเล่ห์มาก หากเขายังคงอยู่ที่นี่ต่อไป บาง
ทีหัวเฟิงอาจคิดแผนการบางอย่างเพื่อหลอกล่อเขาให้ติดกับอีกครั้งก็
เป็นได้
หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น ชื่อเสียงของกองพันไร้พ่ายก็กระจายไป
ทั่วกองทัพจ้งเทียนภาคเหนือเขตตะวันตก แม้ว่าพวกเขาจะไปดึงดูด
ความเป็นศัตรูจากกองทัพอื่นๆเกือบทั้งหมดในเวลาเดียวกันด้วยก็ตาม
แต่สุดท้ายก็ยังเป็นที่แน่นอนว่าไม่มีใครหาญกล้ามาท้าทายกองพันไร้
พ่ายอยู่ดี
หลังจากที่เซินจี้เอ่ยกับเขาอย่างยืดยาว โอนิที่ได้รับบาดเจ็บก็ตกลง
ที่จะนําหน่วยทหารราบหนักของเขาไปช่วยเหลือและคุ้มกันกองพันไร้
พ่าย อนิจจา เซินจี้ไม่รู้ว่าในอนาคตอันใกล้ ‘ความช่วยเหลือ’ นี้จะ
นําไปสู่การขายกรมทหารที่ดีที่สุดและยอดเยี่ยมที่สุดของเขาให้แก่กอง
พันไร้พ่ายเซินจี้พูดถูกเรื่องที่หัวเฟิงเป็นคนเจ้าเล่ห์มากแผนการ แต่เขาก็
ประเมินฝ่ายนั้นต�าเกินไปมาก… โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหัวเฟิงมีที่
ปรึกษาแสนชั่วร้ายเช่นมู่เอินอยู่เคียงข้าง นั่นจึงยิ่งทําให้เรื่องเลวร้ายไป
มากกว่าเดิมเสียอีก
ในที่สุดมู่เอินและหงหยูก็ได้พบกันในที่สุด แม้ว่ามู่เอินจะได้รับ
ดวงตาแพนด้ามาทั้งสองข้าง แต่สุดท้ายหงหยูก็ไม่ได้ทุบตีเขาอย่าง
โหดเหี้ยมจนเกินไป
ปรากฎว่าเมื่อพวกเขายังเด็กกว่านี้มาก มู่เอินและหงหยูเคยพบกัน
มาก่อน ภายใต้ความบังเอิญและสถานการณ์ไม่เหมือนใคร มู่เอินได้รับ
ความทุกข์ทรมานจากพิษยากระตุ้นกําหนัดโดยไม่ได้ตั้งใจ และหงหยูก็
ยอมเสียสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเขา… นั่นจึงเริ่มจุดเริ่มต้นของความรัก
ที่แสนแปลกประหลาดครั้งนี้ มู่เอินไม่สามารถทําใจยอมรับเรื่องนี้ได้ใน
ตอนแรก… ปกติผู้ที่พบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มักจะได้รับความ
ช่วยเหลือจากหญิงงามล่มเมืองนี่นา แต่ของเขาทําไมกลับกลายเป็น
ผู้หญิงที่ตัวสูงและล�าบึ้กกว่าตัวเองไปได้เล่า! ด้วยเหตุนี้หลังจากเป็น
เจ้าบ่าวได้ไม่กี่วัน เขาก็หลบหนีไป
ใครจะรู้ว่าตอนนั้นหงหยูตั้งท้องอู่หยาแล้ว ตามที่หงหยูกล่าว
สาเหตุที่อู่หยาตัวเตี้ยกว่าตัวเองก็เป็นเพราะมู่เอินเตี้ยเกินไปนั่นแหละเมื่อได้พบกับอู่หยาครั้งแรก มู่เอินก็รู้สึกค่อนข้างอึดอัดและ
กลายเป็นผู้ใหญ่จริงจังขึ้นมาในช่วงเวลาหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอู่หยา
เป็นลูกสาวของตนเอง แต่เธอก็ทําให้เขานึกถึงหงหยู และเขาก็รู้สึกผิด
และละอายใจกับหงหยูอย่างแท้จริง
คราวนี้เมื่อชนเผ่าอีกาทองทั้งหมดอพยพมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมกับกอง
พันไร้พ่าย เขาจึงได้พบกับหงหยูอีกครั้ง ความรู้สึกหลากหลายพลันตี
กันอยู่ในสมองของมู่เอิน กระนั้น เขาก็ไม่กล้าบอกใครและไม่รู้ว่าจะทํา
เช่นไรดี สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะไปแอบดูเธอ ใครจะรู้ว่าตอนนั้นหงห
ยูกําลังอาบน�าอยู่และเขาก็ถูกจับได้ในที่สุด
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอกันมาหลายปี แต่หงหยูก็ยังจําผู้ชายคน
แรกและคนเดียวในชีวิตของเธอได้อย่างง่ายดายแม้ว่าเขาจะสวม
หน้ากาก หลังจากวิ่งไล่กันไปสักพัก ในที่สุดมู่เอินก็ถูกหงหยูจับตัวไว้ได้
การถูกตบตีสั่งสอนเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่วิธีที่มู่เอิน
สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ในตอนสุดท้ายก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครในกองพัน
ไร้พ่าย แม้แต่สมาชิกหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์เดาออกแม้แต่คนเดียว ไม่
ว่าจะเป็นอย่างไร แม้ว่าเขาจะถูกตีจนตาย มู่เอินก็จะไม่มีวันเปิดเผย
เรื่องนี้เด็ดขาด ปัจจุบันหงหยูไล่ติดตามเขาทุกวัน ราวกับกลัวว่าสามีที่
เธอเพิ่งหาตัวพบผู้นี้จะหนีหน้าไปอีกครั้ง ความจริงมู่เอินยอมรับความ
จริงได้แล้ว และถึงอย่างไรหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดความอับอาย และความเสียใจในตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมื่อได้พบกัน
อีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายปี เขาก็ไม่ใช่ชายหนุ่มในอดีตอีกต่อไปแล้ว
มู่เอินในตอนนี้เติบโตและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เขามีภรรยาและลูกสาว
พวกเธออาจจะมีรูปร่างใหญ่โตและกล้าหาญมากกว่าที่คิด แต่อย่าง
น้อยเขาก็มีครอบครัวที่แท้จริงเป็นของตัวเอง
“ตาแก่อันธพาล เจ้าช่างไร้ยางอายและหยาบช้าจริงๆ” หัวเฟิง
มองไปด้านข้างของเขาและพูดอย่างโกรธเคือง มู่เอินยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่
สวมหน้ากากอีกต่อไป เผยให้เห็นใบหน้าที่ใสสะอาดและไม่น่าเกลียด
แม้แต่น้อย
มู่เอินส่งเสียงหึในลําคอและพูดว่า “ไร้ยางอาย? นั่นหมายความว่า
อย่างไร? ทั้งหมดนี้ก็มีไว้เพื่อลูกศิษย์แสนล�าค่าของข้าทั้งนั้น กําลังพล
ของเรามีน้อยเกินไป…เนื่องจากกรมทหารราบหนักทั้งหมดมาเคาะถึง
ประตูบ้านแล้ว ทําไมเราไม่เก็บพวกเขาไว้ล่ะ?”
หัวเฟิงขมวดคิ้วและเขาพูดอย่างลังเล “แต่…ในอนาคต…เราจะพา
พวกเขาออกไปได้สําเร็จหรือ?”
มู่เอินแสยะยิ้มและกล่าวว่า “หึ ไม่มีปัญหา…นั่นเป็นทหารเพียง
หมื่นนายเท่านั้น อย่าลืมว่าแม่นางน้อยเฟยเอ๋อร์ของเราอยู่ในสถานะ
อะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะภูมิหลังของวังสวรรค์ไพศาล เจ้าคิดว่าเด็กน้อย
เหว่ยชิงจะเติบโตและก้าวหน้าได้ขนาดนี้ในเวลาสั้นๆอย่างนั้นหรือ?”หัวเฟิงยิ้มน้อยๆและกล่าวว่า “เอาล่ะ เรื่องนี้ถือว่าได้ข้อตกลงแล้ว
เจ้ารับผิดชอบและจัดการตามที่ต้องการเสีย แต่ยังไงก็เถอะ! มู่เอิน
พี่สะใภ้กําลังรอเจ้าอยู่ที่ประตู ถึงเวลากลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ? นี่มันสาย
แล้วนะ”
ทันใดนั้น ใบหน้าของมู่เอินก็คล�าลง “หัวหน้า ขอข้าพักสักหน่อย…
ข้าอายุมากแล้ว ไม่สามารถทนต่อความรุนแรงได้ อย่างที่ทราบกันดีว่า
น�าหนักของนาง…มันน่ากลัวเกินไป”
หัวเฟิงกลอกตาของเขาและพูดว่า “เจ้าโง่ เจ้าก็แค่ขึ้นไปอยู่ข้างบน
ไม่ได้หรือไง?”
มู่เอินยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “นั่นก็ไม่ได้ผลเช่นกัน! อย่างที่
เจ้าก็รู้ คําพูดที่ผู้ชายหวังจะได้ยินผู้หญิงตะโกนออกมามากที่สุดคือ ‘ข้า
ต้องการ!’ แต่ที่ผู้ชายเหล่านั้นกลัวผู้หญิงจะตะโกนออกมามากที่สุดก็คือ
‘ข้ายังต้องการอีก!’ ต่างหาก… ตอนนี้ช่วงอายุของนางเป็นเวลาที่มีความ
ต้องการมากที่สุดพอดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากไม่ได้พบกันหลายปี
อ๊ากกก เอวแก่ๆที่น่าสงสารของข้า!”
“ฮ่าๆๆๆๆ…” หัวเฟิงหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อมองไป
ที่การแสดงออกราวกับทําอะไรไม่ถูกของมู่เอิน เขาก็แทบจะล้มลงไป
นอนกับพื้นแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา“หัวเราะบ้านเจ้าสิ! หากเจ้ายังคงยั่วยุชายชราคนนี้อยู่ รอดูเถอะ…
สักวันข้าจะปล่อย ‘พิษ’ บางอย่างใส่เจ้าตอนเผลอและให้สุ่ยเฉาช่วยเจ้า
‘แก้พิษ’ ฮึ่ม! รอดูเถอะ!” มู่เอินรีบกระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเอว
และหลังของเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหน หรือหงหยูจะสงสารเขาหรือไม่
เรื่องทั้งหมดนั้นย่อมไม่มีใครบอกได้
…
ภูเขาวิญญาณอัคคี
ภูเขาวิญญาณอัคคีอยู่ลึกเข้าไปในอาณาจักรวั่นโซ่ว ค่อนข้างใกล้
กับสวรรค์หมื่นอสูร โดยพื้นฐานแล้วย่อมไม่มีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่ในรัศมี
500 ลี้ของภูเขาวิญญาณอัคคีนี้ แม้ว่าอุณหภูมิจะเหมาะสมสําหรับการ
ดํารงชีวิต แต่ภูเขาไฟที่น่าสะพรึงกลัวนี้ก็มักจะปะทุขึ้นมาอย่างผิดปกติ
และคร่าชีวิตมนุษย์สัตว์จํานวนมากก่อนที่พวกเขาจะทันได้ใช้ชีวิตที่นี่
ด้วยซ�า นั่นเป็นเหตุผลว่าแม้ราชวงศ์อาณาจักรวั่นโซ่วจะไม่ได้สั่งห้าม
ไม่ให้พวกเขาเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่โดยตรง แต่ชนเผ่าต่างๆก็ไม่มีใครกล้า
มาตั้งรกรากจริงๆอยู่ดี ไม่ว่ามนุษย์สัตว์จะแข็งแกร่งและผิวหนังทนทาน
เพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานพลังแห่งธรรมชาติได้
แสงสีเขียวพุ่งลงมาจากบนท้องฟ้าก่อนจะลงจอดที่เชิงเขา
วิญญาณอัคคี แสงสีเขียวค่อยๆสลายไป เผยให้เห็นร่างสองร่าง นั่นก็คือ
คู่หูศิษย์อาจารย์ หลงซื่อหยาและโจวเหว่ยชิงเป็นเวลา 2 วัน ช่วงเวลาสั้นๆ 2 วันหลังออกมาจากค่ายที่ชายแดน
ทางเหนือ พวกเขาก็มาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว ความเร็วดังกล่าวเรียกได้
ว่าน่าตกใจจริงๆ
ใน 2 วันที่ผ่านมานี้ โจวเหว่ยชิงมีความสุขกับการได้โบยบินอย่าง
แท้จริง ในระหว่างที่บินอยู่ ร่างกายของเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยชั้นพลัง
ปราณธาตุลมหนาทึบ และด้วยคําแนะนําของหลงซื่อหยา เขาจึง
สามารถควบคุมพลังปราณสวรรค์ธาตุลมได้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เมื่อได้บินเป็นเวลานานเช่นนี้ โจวเหว่ยชิงก็เต็มไปด้วยความอิจฉา
ริษยา… 2 วันเต็ม! ระยะทางหลายพันลี้ได้หายวับไปในพริบตาด้วย
เหตุผลเช่นนี้…ถ้าเพียงเขามีความสามารถแบบเดียวกัน นั่นไม่ได้
หมายความว่าเขาจะไปที่ไหนก็ได้หรอกหรือ?
หลงซื่อหยาใช้ชีวิตสมฐานะมหาราชาสวรรค์อันดับหนึ่งโดยไม่
อาศัยมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใดเป็นภูมิหลังอย่างแท้จริง ในขณะที่บิน
เป็นเวลา 2 วันนี้ หลงซื่อหยาก็แบกโจวเหว่ยชิงไปด้วย แต่เด็กหนุ่มกลับ
ไม่เห็นร่องรอยความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของอาจารย์แม้แต่น้อย นี่เป็น
ระดับพลังที่ท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง!
เมื่อมองไปที่ภูเขาวิญญาณอัคคีตรงหน้าก็เห็นได้ชัดว่ามันสามารถ
สร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นได้อย่างง่ายดาย ก่อนหน้านี้เขา
มองดูจากที่สูงเหนือพื้นดิน และแม้ว่ามันจะเป็นเพียงภูเขาลูกหนึ่ง แต่ก็ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ไว้ ไหล่เขาทั้งหมดล้วนเป็นดินสีแดงเข้ม แม้
จากระยะไกลๆ พวกเขาก็เริ่มสัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อนที่แผ่ออกมาได้
แล้ว ช่วงเวลานี้ของปีอาจยังไม่เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มที่ แต่อุณหภูมิ
ดังกล่าวทางตอนเหนือ…อาจเกิดขึ้นเพียงสถานที่แห่งนี้เท่านั้น
กลุ่มควันลอยออกมาจากด้านบนปล่องภูเขาวิญญาณอัคคีอย่าง
ต่อเนื่อง กระทั่งถึงจุดที่สามารถมองเห็นระลอกไอน�าขนาดใหญ่ได้
เช่นนี้ทุกคนย่อมจินตนาการถึงอุณหภูมิที่แท้จริงของมันได้แล้ว
หลงซื่อหยามองโจวเหว่ยชิงและพูดอย่างจริงจัง “เหว่ยชิง นี่เป็น
โอกาสสุดท้ายของเจ้า ตอนนี้จงคิดให้ดี เมื่อเจ้าเริ่มแล้วจะไม่มีโอกาส
หยุด และแม้แต่ตัวข้าเองก็ช่วยไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะทําต่อหรือยอม
ตาย ความจริงแล้วสําหรับตัวข้า ข้าไม่ต้องการให้เจ้าแบกรับความเสี่ยง
มากขนาดนี้ ในการฝึกปราณ สิ่งที่ดีที่สุดคือพัฒนาไปทีละขั้นตอนอย่าง
เหมาะสมและไม่รีบร้อน และข้าก็รู้ว่าหากทําเช่นนั้น ในอนาคตเจ้า
จะต้องเหนือกว่าข้า อาจารย์ของเจ้าอย่างแน่นอน…”
โจวเหว่ยชิงยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “อาจารย์ ข้าย่อมรู้เรื่องนั้นดี
แต่เวลาก็ไม่คอยท่า! ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ลูกผู้ชายที่แท้จริงต้อง
ยอมเสียสละบางสิ่งเพื่อผู้อื่นบ้าง แต่ถ้าข้าไม่มีความสามารถแม้แต่จะ
ปกป้องผู้หญิงของตัวเอง เช่นนั้นข้าจะฝึกฝนอย่างหนักไปทําไมกัน?
อาจารย์ไม่ต้องกังวลไป ข้ายังมีหลายสิ่งให้ต้องทําอีก ข้าจะไม่ยอมตายง่ายๆแน่นอน ท่านก็รู้ว่าข้ากลัวตายแค่ไหน ไม่ว่ามันจะเจ็บปวดเพียงใด
ข้าก็จะไม่ยอมแพ้ ข้าจะยอมแพ้ได้อย่างไรเล่า!?”
หลงซื่อหยาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะพูดว่า “เจ้าเด็กเหลือขอ
นี่! เอาล่ะ เพราะเจ้าได้เลือกแล้ว เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ พึงระลึกไว้เสมอ
ว่าตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ ชีวิตของเจ้าจะไม่ตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ไม่ว่า
ความเจ็บปวดจะมากเพียงใด เจ้าก็ต้องอดทนต่อไป”
…………………………………………