Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 168 ผสานสายเลือดมังกรและพยัคฆ์! (2)
อีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ร่างกายของโจวเหว่ยชิงก็ยังคงอยู่ในสภาพที่
ดูคล้ายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีเพียงขาขวาปีศาจของเขา
เท่านั้นที่เปลี่ยนเป็นตะขอแมงป่องสีดํา และดูเหมือนจะเป็นส่วนเดียวที่
ดูเสถียรที่สุด ในขณะที่ส่วนที่เหลือของร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงอยู่
ตลอดเวลา สลับไปมาระหว่างทั้ง 2 สถานะ
ทันใดนั้น หมอกเลือดก็พุ่งออกมาจากด้านหลังของโจวเหว่ยชิง
อย่างน่าสยดสยอง ทําให้หลงซื่อหยาแตกตื่นขึ้นมาทันที เขาเกือบจะคิด
ว่าในช่วงเวลานั้นโจวเหว่ยชิงไม่สามารถต้านทานพลังสายเลือดจนร่าง
ระเบิดออกมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากําลังจะตอบสนอง ปีกขนาดใหญ่คู่
หนึ่งก็งอกออกมาจากบาดแผลที่เพิ่งเปิดใหม่บนแผ่นหลังของโจวเหว่ย
ชิง คลี่ออกด้วยอาการกระตุก ดูราวกับเด็กน้อยกําลังเรียนรู้วิธีการสยาย
ปีก ในขณะที่เหตุการณ์นี้ดําเนินไป ปีกก็ค่อยๆขยายออกจนเต็มที่
ดวงตาของหลงซื่อหยาเบิกกว้าง เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีพลัง
สายเลือดที่ทําให้มนุษย์สามารถกางปีกได้…ไม่แม้แต่สายเลือดเสือพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ที่
ถือกําเนิดจากอสูรสวรรค์!
พยัคฆ์ดําที่มีปีก 2 คู่?!
ในที่สุดปีกทั้ง 2 คู่ก็กางออกเต็มที่ แต่ละข้างยาวเกือบ 2 เมตร
ม้วนงอไปข้างหลังและขยับกระพือตลอดเวลา ทุกครั้งที่ทําเช่นนั้น พวก
มันก็ดูเหมือนจะสร้างความคุ้นเคยและขยับได้อย่างราบรื่นมากขึ้น แสง
สีแดงเลือดและแสงสีดําอมเทาที่ตัดกันอย่างชัดเจนก็ถูกดึงไปที่ปีก
เหล่านั้นอย่างช้าๆ
เมื่อมาถึงจุดนี้ สีหน้าเจ็บปวดอันเนื่องมาจากติดอยู่ในสภาพนั้นมา
ยาวนานก็ดูเหมือนจะบรรเทาลงในที่สุด และบาดแผลที่ดูน่ากลัวบน
หลังของโจวเหว่ยชิงซึ่งเป็นผลมาจากปีกคู่นั้นก็ดูเหมือนจะหายเป็น
ปกติอย่างรวดเร็ว เหนือบริเวณ บาดแผลเหล่านั้น สีแดงเลือดและสีดํา
อมเทาดูเหมือนจะกําลังพุ่งไปที่นั่น…และหลอมรวมเข้าด้วยกัน ในที่สุด
ก็กลายเป็นเกล็ดสีม่วงที่ดูแปลกประหลาดปกคลุมผิวหนังของโจวเหว่ย
ชิง ณ บริเวณนั้น ก่อนจะค่อยๆลุกลามออกไปทั่วร่างกาย
ชั้นเกล็ดเหล่านี้มีรูปร่างคล้ายกับเกล็ดมังกร โครงสร้างเป็น
ประกายคล้ายเพชรและดูเหมือนจะเป็นเพียงชั้นเกล็ดที่บางมาก ไม่ได้
โผล่ออกมาตะปุ่มตะป�าไม่เท่ากัน ทว่ากลับเนียนละเอียดและกระชับติดผิวหนัง ราวกับผ้าแพรผืนหนึ่งที่ปกคลุมร่างกายของโจวเหว่ยชิงทั่ว
ทุกตารางนิ้ว…ตลอดจนใบหน้าและศีรษะที่ล้านเตียนของเขา
แม้ว่าเกล็ดเหล่านี้จะบางและเนียนละเอียดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่เมื่อมันปกคลุมทุกส่วนตั้งแต่บนจรดปลายเท้า ตลอดจนกระทั่งถึง
ปีกขนาดใหญ่บนแผ่นหลังของเขา โจวเหว่ยชิงก็ดูไม่เหมือนเดิมอีก
ต่อไป ตอนนี้ใบหน้าสีม่วงอมแดงของเขาไม่ได้ดูน่าเกลียดแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่ารูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มเปลี่ยนแปลงไปมากหลังจากผสาน
สายเลือดและร่างกายเกิดการวิวัฒน์ การเปลี่ยนแปลงที่ว่าอาจมีไม่มาก
นัก แต่ภาพลักษณ์ที่ดูไร้เดียงสา/ใสซื่อก่อนหน้านี้ของเขาก็ถูกลดทอน
ลงไปมาก แทนที่ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเย็นชา ทรงพลังและสง่างามมากขึ้น
ม่านตาสีดําและสีแดงถูกแทนที่ด้วยสีม่วงเป็นสิ่งสุดท้าย เป็นสีม่วงที่ล�า
ลึกยิ่งกว่าดวงตาของพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อย่างเทียนเอ๋อร์
เรืองรองออกมาคล้ายกับดวงแสงของปีศาจ
ความเย็นยะเยือก ความมืด ความชั่วร้าย… ความร้อนแผดเผา
ความบ้าคลั่งที่รุนแรง… กลิ่นอายที่แตกต่างกันทุกประเภทระเบิด
ออกมาจากร่างของเขาต่อเนื่องเป็นระยะๆ
ในท้ายที่สุดโจวเหว่ยชิงก็คงสภาพมนุษย์เอาไว้ได้ แม้จะมีการ
เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่อื่นบ้าง แต่ก็อาจเรียกได้ว่านี่เป็นการวิวัฒน์พลังครั้งที่ 3 ของสถานะปีศาจกลายร่างและผลลัพธ์สุดท้ายของการปลุก
วิญญาณมังกรกลายสภาพ
*พรึ่บ**พรึ่บ**พรึ่บ**พรึ่บ* เกิดระเบิดดังขึ้น 4 ครั้งภายใน
ร่างกายของโจวเหว่ยชิง ทันใดนั้นจุดตายใหม่ 4 จุดในร่างกายของเขา
ถูกทะลวงในพริบตาเนื่องจากวิชาเทพอมตะของเขาเลื่อนระดับ 4 ขั้น
เกือบจะพร้อมๆกัน มณียุทธ์และมณีธาตุใหม่ก่อตัวขึ้นรอบข้อมือของ
เขาหลังจากนั้นทันที
การผสานประสบความสําเร็จแล้วหรือ? อนิจจา…ไม่…มันยังไม่
ประสบความสําเร็จอย่างเต็มที่
หัวใจของหลงซื่อหยาเต้นผิดจังหวะในทันที ใบหน้าของเขาเพิ่ง
เริ่มฉายแววยินดี แต่ทันใดนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลอีกครั้ง
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของโจวเหว่ยชิงแสดง
ให้เห็นว่าการหลอมรวมของสายเลือดนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว และพลังที่
น่าสะพรึงกลัวของสายเลือดที่หลอมรวมกันก็ได้รับการยอมรับจาก
ร่างกายของเขาเช่นกัน ทั้งยังสามารถอดทนมาจนถึงจุดเริ่มต้นของการ
ผสานขั้นตอนสุดท้ายครั้งนี้ได้ 36 วันที่ผ่านมาไม่ได้สูญเปล่า และพลัง
อันเป็นเอกลักษณ์ของทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ก็ทํางานประสานกันได้
อย่างแท้จริง ทําให้ร่างกายของโจวเหว่ยชิงสามารถทนต่อพลังอันแข็ง
กล้าของทั้ง 2 สายเลือดได้อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีสิ่งผิดปกติเกิดกับดวงตาของโจวเหว่ยชิง
ความบ้าคลั่งได้ปรากฏขึ้นในแววตาคู่นั้นเมื่อมณีสวรรค์ชุดที่ 6 ของเขา
กําเนิดขึ้น ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความดุร้าย กระหายเลือด เกรี้ยวกราด
… ‘ร่างกายส่วนล่าง’ ของเขาพลันค่อยๆขยายตัวขึ้น…และตั้งชัน…
“ นี่…นี่…”
เครื่องสังเวย…เขาต้องการเครื่องสังเวย! วิถีหลอมรวมที่แปลก
ประหลาดนี้ต้องการ ‘เครื่องสังเวย’ เพื่อให้การผสานและการตื่นของ
พลังเสร็จสมบูรณ์… เพื่อปลุกจิตใต้สํานึกที่ถูกผนึกไว้ของเขา
หลงซื่อหยาคือใคร? มองเพียงปราดเดียว เขาก็สามารถบอกได้
แล้วว่าโจวเหว่ยชิงต้องการอะไร
ข้าจะต้องทําอย่างไร? ข้าจะพุ่งไปที่ภูเขาหิมะสวรรค์ คว้าตัวเทียน
เอ๋อร์มาที่นี่เพื่อเป็น ‘เครื่องสังเวย’ สําหรับการปลุกพลังของอ้วนน้อย
หรือ? แต่… นั่นเป็นไปไม่ได้เลย! ระยะทางไม่ใช่ปัญหา แต่ไม่ว่าหลง
ซื่อหยาจะอวดดีแค่ไหน เขาก็ไม่คิดว่าจะสามารถคว้าใครสักคนมาจาก
เงื้อมมือของเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ได้
“เอาล่ะ ข้าไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว!”หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
หลงซื่อหยาก็ตัดสินใจได้ในที่สุด ไม่ว่าจะต้องทําอย่างไร เขาก็จะต้อง
ออกไปตามหา ‘เครื่องสังเวย’ มาให้อ้วนน้อยก่อนคิดถึงเรื่องอื่น ยังมีเวลาอีกพอสมควรก่อนที่การหลอมรวมครั้งสุดท้ายของโจวเหว่ยชิงจะ
เสร็จสมบูรณ์ และเขาจึงจําเป็นต้องหา ‘เครื่องสังเวย’ ให้ได้ในช่วงเวลา
สั้นๆเพื่อให้การปลุกพลังเสร็จสิ้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ที่เลวร้ายที่สุด
คือเขาจะต้องหาทางตอบแทนหญิงสาวคนใดก็ตามที่เขาคว้าตัวมาให้ดี
ที่สุด
ในขณะที่คิดเช่นนั้น หลงซื่อหยาก็ลงมือทันที พลังปราณสวรรค์
ของโจวเหว่ยชิงพังทลายลงอย่างกะทันหันในขณะทะลวงผ่านพลัง
ปราณ 4 ระดับเพื่อสร้างมณีสวรรค์ชุดที่ 6 ของเขา และหลงซื่อหยาก็มี
เวลาตามหา ‘เครื่องสังเวย’ ที่สมบูรณ์แบบเพื่อช่วยโจวเหว่ยชิงปลุกพลัง
ไม่นานนัก
แสงสีเขียวโอบล้อมรอบร่างของหลงซื่อหยาในขณะที่ทะยานขึ้น
ไปบนอากาศก่อนจะหายตัวไปในระยะไกลๆ เขาแผ่พลังวิญญาณ
ออกไปให้กว้างที่สุด อาศัยพลังปราณระดับสูงของตนตรวจจับสัญญาณ
ชีวิตรอบตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่เขามองไปรอบๆ หลงซื่อหยาก็อดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเองว่า
อ้วนน้อย เจ้าควรอธิษฐานให้อ้วนใหญ่คนนี้พบหญิงงามเพื่อนํามามอบ
ให้เจ้า… มิฉะนั้น ถ้าโชคของเจ้าแย่จริงๆ หากข้าหาผู้หญิงไม่เจอ บางที
ข้าอาจจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนําอสูรสวรรค์เพศเมียกลับไป
หึ อ้วนน้อย…ช่างเป็นเด็กเหลือขอตัวน้อยที่ ‘เจ้านั่น’ ไม่น้อยเท่าไหร่…อาจจะเป็นเพราะการหลอมรวมสายเลือดและการวิวัฒน์พลังครั้งนี้ที่
ทําให้ ‘ของตรงนั้น’ ใหญ่โตขึ้น?
แม้ว่าสมองของเขาจะเต็มไปด้วยความคิดเพี้ยนๆและแปลก
ประหลาด แต่ความเร็วของหลงซื่อหยาก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย และเขาก็
บินจากไปในระยะไกลอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปไม่นาน ทันใดนั้นดวงตาของหลงซื่อหยาก็เกิดแสง
กระพริบวาบ เขามองเห็นเป้าหมายภายในระยะสัมผัสพลังวิญญาณ
ห่างออกไปเพียงไม่กี่ลี้ … มี 3 คนมุ่งกําลังหน้าไปยังสวรรค์หมื่นอสูร
ด้วยความเร็วอยู่เช่นกัน ในบรรดาพวกเขา 3 คน เขาสัมผัสได้ว่าคนหนึ่ง
มีลมหายใจละเอียด รูปร่างเล็ก และบอบบางกว่า เห็นได้ชัดว่าเป็น
ผู้หญิง และมากกว่านั้นคือ เป็นหญิงสาว
อ้วนน้อย ดูเหมือนโชคของเจ้าไม่เลวเลย! อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องไป
งมหาอสูรสวรรค์ตัวเมียให้เจ้าแล้ว
ถ้าโจวเหว่ยชิงรู้ว่าอาจารย์ของเขาคิดอย่างไร บางทีเขาอาจจะไม่
อยากถูกปลุกด้วย ‘ทางเลือก’ ที่ว่านั้นก็ได้
“โอ้ ระดับราชาสวรรค์จริงๆ…” เมื่อเขาเข้าไปใกล้ หลงซื่อหยาก็
สามารถสัมผัสกลิ่นอายของทั้ง 3 ได้อย่างชัดเจน เขารู้สึกประหลาดใจที่พบว่าในบรรดากลุ่มคนเหล่านี้ ผู้ชาย 2 ใน 3 คนนั้นเป็นระดับราชา
สวรรค์ทั้งคู่
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นระดับราชาสวรรค์แล้วอย่างไรล่ะ? นั่น
ไม่ได้ทําให้แผนของหลงซื่อหยาเปลี่ยนไปเลย เวลาไม่รอท่าผู้ใด และ
แน่นอนว่ามันมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อโจวเหว่ยชิง หลงซื่อหยาไม่อาจ
ปล่อยพวกเขาไปและตามหาเป้าหมายอื่นเพียงเพราะมีระดับราชา
สวรรค์อยู่ในกลุ่มนั้น 2 คน
ในระยะไกลๆ ร่างทั้ง 3 ปรากฏขึ้นในสายตาของหลงซื่อหยา วิ่ง
ทะยานและกระโดดเหนือยอดไม้ด้วยความเร็วสูง
ก่อนที่หลงซื่อหยาจะไปถึงตัวพวกเขา กลิ่นอายอันทรงพลังก็ได้แผ่
ออกมากดดันพวกเขาทั้ง 3 คนแล้ว การปรากฏตัวที่น่าสะพรึงกลัวทํา
ให้พวกเขาทั้ง 3 หยุดเท้าลงอย่างกะทันหัน ก่อนจะฉายแววตื่นตระหนก
บนใบหน้า
พวกเขาเป็นกลุ่มชาย 2 และหญิง 1 คน ชาย 2 คนนั้นมีอายุราวๆ
60 ปี เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือราชาสวรรค์ที่หลงซื่อหยาสัมผัสได้จาก
ระยะไกลๆ สําหรับหญิงสาวที่อยู่ตรงกลาง เธอสวมชุดสีดํา ศีรษะ
ประดับด้วยเส้นผมสีดําสยายอยู่ด้านหลังท่ามกลางสายลม ระดับพลัง
ปราณของเธอต�ากว่าพวกเขามาก ราวๆระดับ 6-7 มณี แม้พลังนั่นจะ
ถือว่าค่อนข้างดีในระดับอายุของเธอ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์ ใบหน้าของหญิงสาวก็ต้องซีด
เผือกไปในทันที
เมื่อเห็นชายร่างอ้วนกําลังร่อนลงมาจากท้องฟ้า ราชาสวรรค์ทั้ง 2
ก็ไม่ลังเลที่จะก้าวไปบังด้านหน้าหญิงสาวที่สวมชุดดํา สีหน้าของพวก
เขาจริงจังขณะที่จ้องมองไปที่หลงซื่อหยา
หลงซื่อหยามักจะทําสิ่งต่างๆตามใจชอบอยู่แล้ว และตอนนี้มันก็
เกี่ยวข้องกับชีวิตและความปลอดภัยของลูกศิษย์แสนล�าค่าของตน เขา
จึงไม่ต้องการเสียเวลาไปกับการพูดคุยเล็กๆน้อยๆ หลงซื่อหยาพูดด้วย
น�าเสียงเคร่งขรึม “ไสหัวไปซะ ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้าทั้งคู่”
ชายชราทางซ้ายมีสีหน้าเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “ผู้อาวุโส…ข้า
ต้องขอโทษด้วย…พวกเราทําสิ่งใดให้ท่านขุ่นเคืองหรือ? ท่านต้องการ
อะไรจากเรา?”
หลงซื่อหยาพูดอย่างเย็นชา “ข้าจะพาเด็กสาวคนนี้ไป และถ้าเจ้ารู้
ว่าควรทําอะไรก็ไสหัวไปซะ…ไม่เช่นนั้นก็อย่าโทษชายชราคนนี้ว่าไร้
ความปรานี” หลังหลงซื่อหยาเอ่ยจบก็เกิดภาพแปลกประหลาดขึ้น
ทันที
สิ่งที่พวกเขาเห็นต่อมาก็คือหลงซื่อหยาโบกมือขึ้นและไพฑูรย์ตา
แมวสองสีที่ส่องประกายแวววาว 11 ดวงก็โผล่ออกมาหมุนวนรอบข้อมือของเขา หละงจากพวกมันหมุนวนครบหนึ่งรอบ มณี 6 ดวงก็ร่อน
ลงรอบเท้าของหลงซื่อหยา ก่อตัวเป็นรูปหกเหลี่ยม อีก 5 ดวงลอยอยู่
เหนือศีรษะของหลงซื่อหยาเป็นรูปห้าเหลี่ยม ในขณะที่พวกมันกําลัง
หมุนวน รูปหกเหลี่ยมที่เท้าของหลงซื่อหยาก็เริ่มเปลี่ยนสี โดยแต่ละ
ดวงเปล่งประกายเป็นสีของธาตุน�า ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุแสง
และธาตุมืด ก่อตัวเป็นชั้นแสงที่ค่อยๆลอยขึ้นจากพื้น ครอบคลุมทั่ว
ร่างกายขนาดใหญ่ทั้งหมดของเขาเอาไว้
ระดับราชาสวรรค์ทั้ง 2 ส่งเสียงร้องออกมาเกือบจะพร้อมกันโดย
ไม่ได้ตั้งใจ “ปราการควบคุมหก…หกสุดยอดทักษะสวรรค์…นั่นคือหก
สุดยอดมหาราชาสวรรค์…!!!”
แท้จริงแล้ว สิ่งที่อยู่ใต้เท้าของหลงซื่อหยาคือปราการควบคุมหก
สุดยอดทักษะสวรรค์ที่มีชื่อเสียงของเขา นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึง
บอกโจวเหว่ยชิงว่าศาสตร์การควบคุมทักษะขั้นสูงสุดทั้ง 6 สามารถ
ใช้ได้อย่างถูกต้องก็ต่อเมื่อมีมณี 6 ชุดเป็นฐาน เมื่อคนอย่างพวกเขามี
มณีสวรรค์ 6 ชุดก็จะทําให้สามารถใช้ปราการควบคุมหกสุดยอดทักษะ
สวรรค์ ศาสตร์การควบคุมทักษะขั้นสูงสุดทั้ง 6 ให้เกิดผลที่แท้จริงได้
เมื่อเผชิญหน้ากับราชาสวรรค์ทั้ง 2 หลงซื่อหยาจึงปลดปล่อย
ปราการควบคุมหกสุดยอดทักษะสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาโดยไม่
ลังเลเพื่อประหยัดเวลาใบหน้าของระดับราชาสวรรค์ทั้ง 2 เต็มไปด้วยความตกใจและ
ความกลัว โดยธรรมชาติแล้วพวกเขารู้จักปราการควบคุมหกสุดยอด
ทักษะสวรรค์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังนี้เป็นอย่างดี ทั้งยังรู้ว่าหกสุดยอดมหา
ราชาสวรรค์คือใคร และนั่นหมายถึงอะไร
“อย่างที่บอก ถ้าเจ้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควรก็ไสหัวไปซะ อย่าทําให้
ชายชราคนนี้ต้องลงมือ ตั้งแต่ปราการควบคุมหกสุดยอดทักษะสวรรค์
ของข้าก่อตัวเสร็จสมบูรณ์ ข้าก็ไม่เคยใช้มันกับศัตรูที่มีระดับกว่ามหา
ราชาสวรรค์มาก่อน แต่แล้วอย่างไรล่ะ? วันนี้เจ้าสองคนอยากทดลอง
ข้อยกเว้นอันแสนมีเกียรตินี้หรือไม่?”
ราชาสวรรค์ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตาซึ่งกันและกัน ทั้งคู่รู้ดีว่า
ด้วยระดับพลังของตน ไม่ว่าจะพยายามอย่างหนักแค่ไหน พวกเขาก็ไม่
สามารถทําอะไรหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์ได้ คนที่อยู่ทางซ้ายกลืน
น�าลายอย่างยากลําบากและกลั้นใจพูดว่า “มหาราชาสวรรค์ พวกเรา
มาจากนิกายปีศาจสวรรค์ ได้โปรด เห็นแก่หัวหน้านิกาย เราขอร้องให้
ท่านโปรดแสดงความเมตตา นี่คือเจ้าหญิงน้อยของเรา หากท่านมหา
ราชาสวรรค์ต้องการผู้หญิง เราสามารถไปจับตัวพวกนางมาให้ได้ใน
เวลานี้เช่นกัน เราจะจัดหามาให้มากที่สุดเท่าที่ท่านต้องการ” ในขณะที่
เขาพูดอย่างนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเอง ข้าไม่เห็นเคยได้ยินว่า
หกสุดยอดมหาราชาสวรรค์คนนี้ชอบหมกหมุ่นกับอิสตรีมาก่อน!หลงซื่อหยาคํารามอย่างโกรธเกรี้ยว “ไอ้พวกโง่เง่า! บัดซบ
เหลวไหล ชายชราคนนี้มีชีวิตมากว่าร้อยปีและยังเป็นหนุ่มบริสุทธิ์ ทุก
ค�าเช้า ‘เสายังคงค�าสวรรค์'[1] ทําไมข้าถึงจะยังต้องการผู้หญิงอีก? ไส
หัวไปให้พ้น!”
………………………….
[1] เสาค�าสวรรค์ ใช้เพื่ออธิบายการเป็นเสาหลักของสังคม / ชาติ
หรือคนที่มีความสามารถมาก แต่ในที่นี่หลงซื่อหยาใช้เปรียบเทียบกับ
‘สิ่งนั้น’ ของตัวเอง