novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • อ่านมังงะ
  • โดจิน
  • ซีรีย์วาย
  • PG SLOT
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
boston777
แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล
บาคาร่า 8xbet แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด Empire777 แทงหวย สล็อตเว็บตรง แทงหวยออนไลน์ สมัคร ufabet แทงบอล เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1158 สงครามล่อเหยื่อด้วยเนื้อมนุษย์

  1. Home
  2. แฟนผมกลายเป็นซอมบี้
  3. บทที่ 1158 สงครามล่อเหยื่อด้วยเนื้อมนุษย์
Prev
Next

สถานการณ์ตรงหน้าหยุดนิ่งชะงักไปชั่วขณะ…

หากเป็นอย่างนี้ต่อไปแล้วล่ะก็…

“เป้าหมายที่ฝ่ายตรงข้ามตั้งใจถ่วงเวลาก็จะสำเร็จ” นัยน์ตาของเฮยซือกลอกไปมาด้วยความร้อนใจ “ตะ…ต้องรีบหาตัวศัตรูให้เจอ!”

“แกซ่อนตัวอยู่ตรงไหนกันแน่!”

กึก…

อยู่ๆ เส้นไหมสีเงินหนึ่งเส้นก็สั่นสะเทือน

ดวงตาของเฮยซือเบิกโพลง รีบแหงนหน้ามองไปยังข้างบนทันที

“เขาอยู่บนนั้น!”

สวบ!

เส้นไหมสีเงินกลุ่มหนึ่งทะลวงออกจากเส้นผมของเฮยซือ พุ่งตรงไปยังฝ้าเพดานด้วยพลังรุนแรงถึงขีดสุด

“ใช่แล้ว ตรงนั้นล่ะ!”

ถึงแม้การสับมือจะไม่สามารถหยุดศัตรูได้ แต่เลือดสดสีแดงฉ่านที่ไหลออกมาก็ทำให้รู้ถึงตำแหน่งที่อยู่ของเขา

หยดเลือดที่ตกแหมะลงพื้นทำให้เกิดความสั่นไหวเล็กน้อย

ความเคลื่อนไหวที่มนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้นี้ แน่นอนว่าไม่สามารถหลุดการตรวจจับของเส้นไหมสีเงินไปได้

“แม้ว่าเส้นไหมสีเงินจะจัดการกับจุดสำคัญของเขาได้อย่างแม่นยำไม่ได้ แต่ว่า…”

หลังจากที่เส้นไหมสีเงินปักลงฝ้าเพดาน เฮยซือไม่ได้รีบร้อนดึงเส้นไหมสีเงินพวกนั้นออกมา กลับร้องตะโกนอยู่ในความคิดแทน ‘ซือหราน! เร็วเข้า!’

“หา!”

อวี๋ซือหรานที่กำลังถอยหลังรีบเปลี่ยนเป็นกางแขนออกไปกดกำแพงข้างตัว

คล้อยหลังเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ผงปูนขาวกลุ่มใหญ่ก็ปลิวว่อนออกมา

อาศัยร่องรอยกรงเล็บที่ทิ้งไว้บนผนัง อวี๋ซือหรานหยุดแล้วแฉลบเปลี่ยนทิศทาง รีบพุ่งตัวไปทางเชิงกำแพงอย่างดุดันและรวดเร็ว

นี่เป็นทางผ่านที่เฮยซือเตรียมไว้ให้เธอ

พรึบ! พรึบ! พรึบ!

จู่ๆ เส้นไหมสีเงินก็ถูกดึงออก

สวบ!

อวี๋ซือหรานพุ่งพรวดขึ้นพร้อมกับสองมือที่ไขว้กันอยู่เหนือศีรษะ แล้วจึงหยุดลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา

ตูม…

เส้นไหมสีเงินกว่าร้อยเส้นบนพื้นสั่นสะเทือนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

“ตกลงมาแล้ว”

เฮยซือมองพื้นที่ว่างเปล่าตรงนั้นพลางถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา

เลือดสดหนึ่งหยดทำให้เธอระบุตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ ถ้าอย่างนั้นเลือดสดจำนวนมากที่พุ่งพรวดออกมา ก็ทำให้อวี๋ซือหรานกดล็อคร่างกายของอีกฝ่ายได้ทันที

เส้นไหมสีเงินนับไม่ถ้วนที่ทิ่มแทงร่างกาย ถ้าหากไม่ได้แทงโดนตำแหน่งสำคัญก็คงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต

แต่การโจมตีของอวี๋ซือหรานกลับเป็นการฉีกอีกฝ่ายออก

ถ้าตอนนี้พวกเธอมองเห็นได้แล้วล่ะก็…ที่เกิดเหตุนี้คงจะสยดสยองน่าดู

แต่จะว่าไป…

“ฉันมีเรื่องที่ยังไม่เข้าใจอยู่…หมอนี่ดูไม่เหมือนมนุษย์ แต่ถ้าเป็นซอมบี้ทำไมระบบการแข็งตัวของเลือดถึงแย่ขนาดนี้ล่ะ?” อวี๋ซือหรานถามขึ้นหลังจากที่มองไปที่พื้น

เฮยซือดึงเอาเส้นไหมสีเงินที่ปักอยู่บนพื้นออกมาทั้งหมด พวกมันจับกลุ่มกันแน่นและหดตัวลงหายไปในเส้นผมอย่างรวดเร็ว เธอเหยียดมือเล็กๆ ขึ้นตบเหนือศีรษะให้เส้นผมเข้ากันแหมะๆ ก่อนเอ่ยว่า “นี่เป็นสิ่งที่ฉันก็ยังหาคำตอบไม่ได้”

“พี่ฉีเหรอ? นี่จะเกี่ยวข้องกับพี่เขาหรือเปล่า?” อวี่ซือหรานถามด้วยความสงสัย

“ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด…”

เฮยซือขมวดคิ้วมองไปที่ออฟฟิศเหล่านั้นพร้อมเอ่ย “ดูจากแผนการของอีกฝ่าย เขาคงเป็นศัตรูคนเดียวที่ถูกส่งมาให้ซุ่มโจมตีเรา แต่ตอนนี้ศัตรูตายไปแล้ว เป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนถูกส่งมาอีก ตอนแรกฉันคิดจะรีบออกไปจากที่นี่เพื่อไปช่วยสบทบหลิงม่อ แต่การต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้ฉันเปลี่ยนใจ”

“เธอจะนั่งแอบลอบดูเสือกัดกันอย่างนั้นเหรอ?” เสียงอวี๋ซือหรานเปล่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้น

“มองอะไรไม่เห็นสักอย่างจะลอบดูอะไรล่ะ?” เฮยซือตอบด้วยน้ำเสียงสุดจะทน “ฉันหมายความว่า ในเมื่อการกำจัดศัตรูไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าเราทำอะไรแบบไม่วางแผนก็เสี่ยงแต่จะมีอันตราย แบบนี้ไม่เพียงจะช่วยอะไรหลิงม่อไม่ได้ มิหนำซ้ำยังจะเพิ่มภาระให้เขาอีก อีกอย่าง…ใช่ว่าการไปรวมตัวเป็นทางเดียวที่ช่วยเขาได้ ที่เราต่อสู้กับศัตรูเมื่อครู่ก็เป็นหนึ่งในโอกาสสร้างความวุ่นวายให้ศัตรูสับสนเหมือนกัน ถือเป็นการช่วยเหลืออีกทางหนึ่งแล้วล่ะ”

“ฮู่ว์… ฉันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี”

“ไม่ใช่เรื่องแปลก ดูจากรอยหยักในสมองเธอแล้วล่ะก็ การต่อสู้เมื่อครู่คงสุดความสามารถที่มีอยู่ของเธอแล้ว การสรุปให้ฟังหลังจบเรื่องไม่เหมาะกับเธอสักเท่าไหร่” เฮยซือเอ่ย

“นี่…แล้วมันใครกันที่ยึดสมองอีกซีกของฉันไปหน้าตาเฉยน่ะ…”

“ยังไงก็ตาม พวกเราใช้แผนนี้ต่อไปได้”

เฮยซือเอ่ยต่อว่า “ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเรามีแผนออกไปช่วยหลิงม่อ พวกเขาก็จะส่งคนมาขัดขวางเรา แล้วเราจะทำยังไงน่ะเหรอ? มาหนึ่งก็กำจัดหนึ่งไง! แบบนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดภาระให้หลิงม่อ แถมยังเป็นการปกป้องมนุษย์พวกนี้ไปในตัวอีกด้วย”

“จะว่าไปก็ฟังดูมีเหตุผลดี” อวี๋ซือหรานพยักหน้าหงึกๆ เธอที่เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “แล้วเราจะทำยังไงดี? เธอพูดเองว่าอาจมีคนถูกส่งมาอีก ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเราจะหยุดเขายังไง? หากเรายังต่อสู้โดยที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบแบบนี้ต่อไป อีกไม่ช้าเราต้องตกอยู่ในวิกฤตแน่”

แม้ว่าชัยชนะของพวกเธอจะไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ระหว่างการปะทะกันพวกเธอก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างต่อเนื่อง

จุดนี้อวี๋ซือหรานที่รับผิดชอบการต่อสู้ระยะประชิดรู้ซึ้งดี แต่ถึงกระนั้นน้ำเสียงที่เปล่งออกมาของเธอก็ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวเจือปนอยู่เลยสักนิด

“หืม… ดูเหมือนว่าสมองซีกที่เหลือครึ่งหนึ่งยังไม่หดเหี่ยวเฉาตายนี่ ถึงจะเหลือครึ่งซีกแต่ก็ยังพัฒนาอยู่สินะ…” เฮยซือตอบพร้อมกับเสียงหัวเราะ “แผนการสู้รบที่ดีที่สุดสำหรับเรา… แน่นอนว่าเราต้องเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน!”

“หา? จะทำแบบนั้นได้ยังไง?” อวี๋ซือหรานถามออกไปด้วยความงุนงง ในสถานการณ์ที่ศัตรูยังคงวางกับดักป้องกันแบบนี้ พวกเธอจะเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อนได้อย่างไร แค่ต้องป้องกันการซุ่มโจมตีของอีกฝ่ายก็เกินกำลังแล้ว…

ซอมบี้โลลิแม้จะไม่มีความเกรงกลัว แต่เธอก็มองเห็นข้อเสียเปรียบได้อย่างชัดเจน

“ใช่ ดูผิวเผินแล้วเราไร้ซึ่งหนทาง หลังการต่อสู้เมื่อครู่ก็คงทำให้ศัตรูคิดอย่างนี้ ดังนั้นยิ่งเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายก็จะยิ่งใช้แผนการซุ่มโจมตี แต่การจะฆ่าเราไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าเป็นเธอ…เธอจะทำยังไงล่ะ?” เฮยซือถามกลับ

อวี๋ซือหรานโพล่งตอบโดยทันที “ทิ้งแผนการนั่งรอปลางับเหยื่อที่ชั้นสอง แล้วเปลี่ยนไปใช้แผนซุ่มโจมตีคนที่อยู่ชั้นหนึ่งแทน…” เธอที่เริ่มเข้าใจสถานการณ์รีบซักไซ้ต่อ “นี่…ยัยหมาน้อย เธอคงไม่ได้จะ…”

“ใช่แล้ว! แผนของฉันก็คือ…” เฮยซือพยักหน้าหงึกหงักด้วยความภาคภูมิใจ แต่แล้วจู่ๆ ก็ตะโกนเสียงดังด้วยสีหน้าแววตาขุ่นเคือง “เรียกใครว่าหมาน้อยน่ะหา!”

“เธอไม่ใช่หมาเหรอ?” อวี๋ซือหรานถามอย่างไร้เดียงสา

เฮยซือเสียศูนย์ไปแวบหนึ่ง “นั่นมันก็…ชะ ใช่…”

“แล้วทำไมฉันถึงเรียกเธอว่าหมาน้อยไม่ได้ล่ะ?”

“เพราะไม่ชอบไง!”

“งั้นเอาแบบนี้…ยอมความคนละครึ่งทาง จะเรียกเธอว่าเจ้าโฮ่งโฮ่งแทนแล้วกันนะ” อวี๋ซือหรานพูดพลางพยักหน้าหงึกๆ

“อย่าพูดเองเออเองสิ! นึกไม่ถึงเลยนะ…ที่เธออุตส่าห์อดทนโดนรังแกข่มเหงมาตั้งนานก็เพราะจะมาเอาคืนตอนฉันไม่ทันตั้งตัวแบบนี้งั้นเหรอ…”

“ฮิๆ…กลัวหรือยังล่ะเจ้าโฮ่งโฮ่ง?”

“นะ นี่…ช่างเถอะ! มีเรื่องสำคัญกว่าให้ทำ” เฮยซือกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน “แผนของฉันก็คือ…สงครามล่อเหยื่อด้วยเนื้อมนุษย์!”

……………………………………….