novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • อ่านมังงะ
  • โดจิน
  • ซีรีย์วาย
  • PG SLOT
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
boston777
แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล
บาคาร่า 8xbet แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด Empire777 แทงหวย สล็อตเว็บตรง แทงหวยออนไลน์ สมัคร ufabet แทงบอล เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 441 กดดัน

  1. Home
  2. Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]
  3. บทที่ 441 กดดัน
Prev
Next

บทที่ 441 กดดัน

บทที่ 441 กดดัน

“ท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์คะ คุณคิดยังไงกับแมตช์ที่ 2 ของรอบรองชนะเลิศคะ? นี่มันก็ผ่านมาตั้งนาทีนึงแล้วนับตั้งแต่ระบบบอกให้เริ่มประลองได้ แต่ทั้งเจ้าแห่งสงครามและคู่ต่อสู้ของเขาอย่าง อู่ม่า จากเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนนั้น ต่างก็พากันยืนจ้องกันไปจ้องกันมาไม่ยอมขยับไปไหนเลย คุณพอจะรู้อะไรบ้างไหมคะ? นี่มัน…เป็นการต่อสู้แบบไหนกันงั้นเหรอ?”

ชิวเย่ว่านเฟิงหันมองสถานการณ์บนสนามประลองก่อนจะหาหัวข้อมาเปลี่ยนบทสนทนาตามที่เธอถนัด

เซียวเฟิงได้ยินคำถามเช่นนั้นก็หันไปมองยังสนามประลองด้วยเช่นกัน และมันก็เป็นอย่างที่เธอว่าไว้ ถึงแม้ว่าการประลองจะเริ่มมาได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่บนสนามประลองกลับไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ทั้งไทแรนนี่และอู่ม่าต่างยืนอยู่กับที่และจ้องมองกันเอง ไม่มีใครเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน

“ก็ไม่มีอะไรนี่ นี่มันการต่อสู้ระดับยอดฝีมือนะ มันต้องต่างกับการต่อสู้ของผู้เล่นทั่วไปอยู่แล้ว” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เซียวเฟิงก็ตอบพลางลูบคางตนเองไปด้วย

ชิวเย่ว่านเฟิงแสดงให้เห็นว่าเธอตั้งใจฟังในสิ่งที่เซียวเฟิงพูดขนาดไหน เธอรับฟังมันอย่างรอบคอบ ซึ่งคนที่รับชมถ่ายทอดสดของเธออยู่เองก็ไม่ได้พิมพ์อะไรขึ้นมาเช่นกัน

“การต่อสู้ระหว่างผู้เล่นทั่วไปน่ะ จะไม่มีอะไรเลยนอกเสียจากเข้าไปโจมตีใส่กันแล้วก็ผลัดกันสาดสกิลแลกเลือดกันไป เป็นการต่อสู้ที่เน้นกันที่ประสิทธิภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้กับสกิลกันล้วน ๆ บ่อยครั้งที่ถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถหลบสกิลของคู่ต่อสู้ได้หมด คนคนนั้นก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที แต่กับการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือน่ะต่างออกไป”

ด้วยคำพูดที่ดูจริงจังของเซียวเฟิง มันทำให้ชิวเย่ว่านเฟิงก็พลอยจริงจังถามไปด้วย เธอหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาและจดทุกอย่างที่เซียวเฟิงพูดไว้อย่างขะมักเขม้น

“ระหว่างยอดฝีมือด้วยกันเอง ช็อตชี้ผลแพ้ชนะ มันมีอยู่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากยอดฝีมือคนนั้นตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ไวพอสามารถหลบสกิลและการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ จากนั้นพวกเขาก็จะใช้จังหวะที่คู่ต่อสู้ใช้สกิลหมดแล้วสวนกลับให้ราบคาบในการโจมตีเดียว! ดังนั้นตัวแปรสำคัญของการต่อสู้ระดับนี้ก็คือ การคาดเดา! ยิ่งการคาดเดาและอ่านเกมของคนคนนั้นแม่นยำขนาดไหนมันก็ยิ่งช่วยให้เขาสามารถวางแผนการรับมือล่วงหน้าได้ดีมากขึ้น เราจะก้าวนำคู่ต่อสู้หนึ่งก้าวอยู่เสมอ”

“ถ้างั้น ท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์คะ ความสามารถในการคาดเดาที่แม่นยำนี่ มันติดตัวมาแต่กำเนิดหรือเปล่าคะ? แล้วต้องเป็นคนที่มีความสามารถในการคาดเดาแม่นยำเท่านั้นเหรอคะ ถึงจะเป็นยอดฝีมือได้?” นักข่าวสาวถามอย่างต่อเนื่อง

“เป็นคำถามที่ดี ความสามารถในการคาดเดาที่แม่นยำนั้นไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ทุกคนสามารถขวนขวายหามันได้ แต่จะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะพัฒนาให้มันแม่นยำขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น เธอเห็นใบไม้กำลังจะตกลงมาช้า ๆ ก็จริง เธอรู้ว่ามันจะตกลงมาบนพื้น แต่เธอสามารถรู้ได้หรือเปล่าว่า ในเวลาสั้น ๆ วินาทีไหน ใบไม้อยู่จุดไหนบ้าง? เธอสามารถเอามือไปรอรับมันก่อนที่มันจะตกถึงพื้นได้ไหม? ถ้าทำได้ นั่นก็ถือเป็นการคาดเดาที่แม่นยำ เพราะงั้นอย่างที่ฉันบอก ทุกคนมีความสามารถนี้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้มันได้อย่างแม่นยำ”

เซียวเฟิงอธิบายสิ่งที่อีกฝ่ายถามให้เข้าใจง่ายที่สุด

ใบหน้าละมุนละไมของชิวเย่ว่านเฟิงนั้นเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่แล้วมันก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความไม่เข้าใจ เช่นเดียวกับผู้ชมที่กำลังรับชมการถ่ายทอดสดของเธออยู่ พวกเขาแทบจะไม่ได้คอมเมนต์อะไรกันเลย และแม้ว่ายอดผู้ชมของเธอจะลดลงไปบ้าง แต่ตอนนี้มันก็ทะลุร้อยล้านคนไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มันควรจะคึกคักกว่านี้แท้ ๆ แต่ผู้ชมกลับไม่ได้พูดอะไรกัน แถมพวกเขายังทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรกันบางอย่างอีกด้วย

นั่นก็เพราะตอนนี้น่ะ บุคคลอันดับ 1 แห่งเขตฮัวเซีย…ไม่สิ บุคคลอันดับ 1 ของเซิร์ฟเวอร์กำลังพูดอยู่เชียวนะ! ดังนั้นแล้วทุกถ้อยคำของเขาจึงล้ำค่ามาก ๆ!

แล้วยิ่งสิ่งที่เซียวเฟิงพูดเองก็เปรียบเสมือนการชี้โพรงให้กระรอกด้วย เพราะแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือคนอื่นหรือมือใหม่ ต่างก็คิดตามกันไปทั้งหมด!

“ถ้างั้นแล้วเราจะสามารถพัฒนาและเสริมสร้างความสามารถในการคาดเดาให้แม่นยำมากขึ้นได้ยังไงเหรอคะ?”

ชิวเย่ว่านเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่หลังจากที่เธอเข้าใจได้ว่า ตนไม่ได้เข้าใจสิ่งที่เซียวเฟิงพูดเลย เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่พยายามทำความเข้าใจสิ่งนั้นต่อและเปลี่ยนหัวข้อถามในทันที

“สิ่งนี้…มันมีวิธีพัฒนาหลากหลายวิธีอยู่ แต่ละวิธีก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละสภาพแวดล้อม ซึ่งหลัก ๆ ก็มาจากความถี่ในการฝึกฝนด้วย สิ่งเหล่านี้ต้องใช้การกระทำซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน อย่างเช่น นักกีฬาเทนนิสที่ต้องฝึกฝนการตีลูก หวดลูกนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อที่จะให้ร่างกายจดจำรูปแบบการเคลื่อนไหวได้ เวลาเจอกับคู่ต่อสู้ นักเทนนิสที่คุ้นเคยกับท่าทางการหวดลูกแบบต่าง ๆ แล้วก็จะพอคาดเดาได้ว่าคู่แข่งกำลังจะใช้การหวดแบบไหนแล้วหาวิธีรับมือไว้ล่วงหน้า” เซียวเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “การฝึกทุกวิธีนั้นให้ผลลัพธ์ต่างกันบ้างก็ให้ผลชัดเจน บ้างก็ไม่ให้ผลอะไรเลย แต่ก็อย่างที่บอกว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะใช้วิธีฝึกฝนแบบเดียวกันได้ หากร่างกายไม่สามารถนำการฝึกฝนนั้นมาปรับใช้ได้ นั่นก็หมายถึงไร้ค่า เพราะงั้นแล้ว การจะฝึกให้ความสามารถในการคาดเดาแม่นยำนั้น ฉันคงให้คำตอบอะไรไม่ได้หรอก แต่ละคนต้องไปหาวิธีฝึกที่เข้ากับร่างกายตนเองให้ได้”

“อย่างงั้นสินะคะ! ถ้างั้นกลับมาที่การประลองรอบนี้ต่อ ตอนนี้เวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านไปถึง 2 นาทีแล้ว แต่ไม่ว่าเจ้าแห่งสงครามหรืออู่ม่า ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างก็ยังไม่ขยับกันเหมือนเดิมเลย อย่างนี้จะเกี่ยวข้องกับการคาดเดาอย่างที่ว่าไว้หรือเปล่าคะ?” นักข่าวสาวรีบตามสถานการณ์ต่ออย่างรวดเร็ว

“ใช่แล้ว ยิ่งผู้เล่นคนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน การคาดเดาก็จะแม่นยำขึ้นด้วย ในเมื่อไทแรนนี่กับคู่ต่อสู้ของเขาสามารถฝ่าฟันจนเข้ามาสู่รอบรองชนะเลิศของอีเวนต์เซิร์ฟครั้งนี้ได้ นั่นก็หมายถึง ทั้งคู่เป็นผู้เล่นชั้นยอดท่ามกลางผู้เล่นกว่าพันล้านคนทั้งเซิร์ฟเวอร์ และด้วยการที่พวกเขาอยู่ในระดับยอดฝีมือ ดังนั้นการคาดเดาของพวกเขาก็จะอยู่ในระดับที่น่ากลัวมาก ๆ ด้วยเช่นกัน”

เซียวเฟิงพูดต่อด้วยน้ำเสียงขรึม “ดูนั่น สถานการณ์การเผชิญหน้าโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็พร้อมสู้ซึ่งกันและกันแต่ไม่มีใครกล้าเปิดฉากก่อนก็ถือว่าอธิบายได้ชัดเจนแล้ว”

“ถ้างั้น ท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์พอจะช่วยอธิบายเพิ่มได้ไหมคะ?” ชิวเย่ว่านเฟิงมองไปยังสนามประลองที่นิ่งสงัดมาพักใหญ่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามเช่นนี้ เธอไม่เข้าใจจริง ๆ นี่มันเกือบจะ 3 นาทีแล้ว แต่การต่อสู้กลับไม่มีท่าทีว่าจะเริ่มต้นขึ้นเลย อันที่จริงก็ไม่เพียงแค่เธอ หากแต่ทุกคนที่กำลังชมการถ่ายทอดสดอยู่ทั้งร้อยกว่าล้านคนเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

“ง่ายมาก การที่ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าจู่โจมใส่กันก่อนน่ะ มีเหตุผลเดียวเท่านั้นแหละที่จะพูดถึงได้” เซียวเฟิงพูดเกริ่น

“เหตุผลเดียว…เหรอคะ?”

“สไตล์การต่อสู้ยังไงล่ะ ก่อนหน้านี้ทุกคนก็น่าจะเห็นกันแล้ว ถึงวิธีการต่อสู้ของไทแรนนี่ เขาเป็นคนที่ใช้การโจมตีระยะประชิด โดยส่วนมากแล้วเจ้าตัวจะเน้นหนักไปที่การโต้กลับ ดังนั้นแล้วการประลองรอบนี้น่ะ อู่ม่าต้องเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อนเท่านั้น” ชายหนุ่มขยายความ

“ถ้าอย่างงั้นทำไมอู่ม่าถึงยังไม่เริ่มโจมตีล่ะคะ?” ทว่ายิ่งได้ฝั่ง หญิงสาวกลับเป็นฝ่ายที่ไม่เข้าใจอะไรมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ก็เพราะไทแรนนี่อีกนั่นแหละ ไทแรนนี่น่ะคาดเดาการโจมตีของอู่ม่าไว้แล้ว เขาพร้อมจะโต้กลับได้ทันที ซึ่งอู่ม่าเองก็เข้าใจเรื่องนี้ จึงยังไม่เริ่มโจมตีเสียที” เซียวเฟิงอธิบาย

“เพราะแบบนี้เหรอคะ อู่ม่าถึงยังไม่เปิดฉากซักที?” แม้จะเหมือนว่าเข้าใจได้ แต่เธอกลับไม่ได้อะไรกลับมาจากการยืนฟังเซียวเฟิงเลย

“แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจง่ายมากนักหรอก อย่างที่ฉันพูดมาก่อนหน้านั่นแหละ นี่น่ะเป็นการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือระดับสูงเลยนะ ความสามารถในการคาดเดาของพวกเขาน่ะ อยู่เหนือเกิดกว่าที่เธอคิดเอาไว้เยอะ ต่างฝ่ายต่างก็คาดเดากันเอง ไทแรนนี่คาดเดาอู่ม่า ในขณะที่อู่ม่าก็คาดเดาไทแรนนี่ไว้ สลับกันไปมา การโจ…เอ้ย”

“โทษที”

“ไทแรนนี่กำลังคาดเดาว่าอู่ม่าจะโจมตีออกมาแบบไหน ส่วนอู่ม่าก็คาดเดาว่าโจมตีแบบไหนแล้วไทแรนนี่จะรับมือไม่ได้ สลับกันคาดเดาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ วนไปวนมา” จังหวะหนึ่งที่เซียวเฟิงพูดวกไปวนมา เขาก็เผลอกัดลิ้นตัวเองไปเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อให้จบ

“ทำไมฉันไม่เข้าใจอะไรเลยล่ะคะ!!” ชิวเย่ว่านเฟิงไม่สามารถทำความเข้าใจได้จริง ๆ แล้ว เธองงเป็นไก่ตาแตกแล้วในตอนนี้

“บอกแล้วว่ามันล้ำลึกเกินกว่าจะเข้าใจได้ ต่อให้ฉันจะอธิบายให้เธอฟังก็ตาม ดังนั้นตอนนี้เธอน่ะ ให้มองภาพการเดินหมากรุกไว้ก่อนก็พอ ใครที่สามารถเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะเดินหมากแบบไหนได้และจัดการได้ก่อน ฝ่ายนั้นก็ชนะ แค่นั้นแหละ”

การที่ต้องมาพยายามอธิบายนั้น มันทำให้เซียวเฟิงรู้สึกผิดหวังในตัวเธอคนนี้ขึ้นมาเสียแล้ว เขาส่ายหน้าให้กับชิวเย่ว่านเฟิงก่อนจะงัดไม้เด็ดมาอธิบาย แต่ยังไม่ทันที่เสียงของเซียวเฟิงจะเงียบสนิทลง เสียงประกาศจากระบบก็ดังขึ้น

[ประกาศจากระบบ! เนื่องจากผู้เล่น อู่ม่า จากเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออฟไลน์เป็นเวลากว่า 3 นาทีแล้ว และยังไม่ออนไลน์กลับมา ดังนั้นแมตช์ที่ 2 ในการประลองรอบรองชนะเลิศประจำอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัยครั้งนี้ ผู้ชนะ ได้แก่ ผู้เล่น ไทแรนนี่ จากเขตฮัวเซีย! ยินดีด้วย ท่านได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ!]

ออฟไลน์? ไม่กลับมาออนไลน์?

ออฟไลน์เกินกว่า 3 นาที ทั้ง ๆ ที่เกมก็เพิ่งดำเนินมาได้ 3 นาที นั่นหมายความว่า ที่อู่ม่ายืนนิ่ง ๆ มาตั้งแต่ต้นนั้นคือเขาออฟไลน์อยู่งั้นเหรอ!?

“…”

ได้ยินเสียงประกาศจากระบบ ชิวเย่ว่านเฟิงก็อ้ำอึ้งไป ส่วนเซียวเฟิงก็พูดอะไรไม่ออก ทั้งสองหันมองซึ่งกันและกัน ด้วยบรรยากาศที่น่าอึดอัดยิ่งนัก

ขณะเดียวกันกับภายในถ่ายทอดสดของชิวเย่ว่านเฟิง ผู้ชมกว่าร้อยล้านคนที่ตั้งใจฟังสิ่งที่เซียวเฟิงพูดก่อนหน้าต่างก็ไม่ได้พูดอะไรกันออกมา พวกเขานิ่งสงัดไร้ซึ่งเสียงใด ๆ จนสามารถมั่นใจได้ว่า หากมีเข็มตกล่ะก็ จะต้องได้ยินอย่างแน่นอน

“แค่ก…แค่ก! ฉันจะไปรอบไฟนอลแล้ว เธอจะป้วนเปี้ยนรออะไรอีก?” เซียวเฟิงกระแอมไอ จากนั้นก็เริ่มขับไล่อีกฝ่ายออกจากเขตพักผ่อนไป

ชิวเย่ว่านเฟิงจำเป็นต้องออกไปด้วยความเขินอาย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้เข้ามาพูดคุยกับอันดับ 1 ของเซิร์ฟเวอร์เช่นนี้ แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันทำให้ภาพของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเกมที่ถูกวาดฝันไว้ในใจของเธอถูกทำลายไปหมดสิ้น หญิงสาวออกจากเขตพักผ่อนไปโดยไม่ได้พูดอะไร

[ประกาศจากอีเวนต์! รอบชิงชนะเลิศของอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัยกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว! ผู้เล่น ไทแรนนี่ จากเขตฮัวเซีย! ปะทะ! ผู้เล่น xxx จากเขตฮันกึล! การประลอง เริ่มต้นขึ้นได้!]

ทั้งเซียวเฟิงและไทแรนนี่ต่างถูกเทเลพอร์ตขึ้นไปบนสนามประลองที่ยังมีร่องรอยจากการต่อสู้เหลืออยู่ สิ้นเสียงประกาศจากระบบ นาฬิกานับถอยหลังก่อนเริ่มการประลองก็เริ่มนับถอยหลังทันที

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ โปรดเมตตาด้วย” ไทแรนนี่เป็นฝ่ายเปิดฉากพูดคุยกับเซียวเฟิงก่อน

“ทำไมนายถึงไม่เปิดฉากโจมตีคนของเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั่นก่อน?”เซียวเฟิงถามกลับ คนคนนี้รู้เหรอว่าอู่ม่าจะขาดการเชื่อมต่อ ถึงอย่างนั้นก็ยังตั้งท่าจะสู้อยู่เพื่ออะไรกันน่ะ? ไม่รู้หรือไงว่าการทำแบบนั้นมันทำให้คนที่พูดไว้ซะเยอะอย่างเซียวเฟิงเสียหน้าขนาดไหน

“ฉันกำลังคาดเดาการโจมตีของเขาอยู่” สีหน้าของไทแรนนี่กระตุกก่อนจะกลายเป็นสีหน้าจริงจังขณะตอบ

“นี่แก…ดูไลฟ์นั่นระหว่างประลองรอบก่อนเหรอ!?” ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็หน้าเครียดกว่าเดิม มันเปรียบเสมือนความอัปยศของเขาเลย

“ล้อเล่นน่ะ จริง ๆ ฉันรู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าที่อีกฝ่ายไม่ขยับก็น่าจะเพราะออฟไลน์อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็หวังนะว่าเขาจะกลับมาออนไลน์ แต่ไป ๆ มา ๆ เจ้าตัวก็ไม่ยอมออนไลน์ ภายหลังจาก 3 นาที ฉันก็เป็นฝ่ายชนะโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ระหว่างที่รอก็เลยมีเวลาว่างดูไลฟ์นิดหน่อย” ชายวัยกลางคนรีบพูดเสริมอย่างรวดเร็ว

“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว มาเริ่มกันดีกว่า” หลังจากสลัดความอับอายทิ้งไปหมดแล้ว เซียวเฟิงก็บิดคอไปมาจนเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บน่าเกรงขาม

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ตอนนี้นายกำลังแบกชื่อของเขตฮันกึลไว้บนหัว นายอยากจะชนะเพื่อให้เขตฮันกึลได้แต้มจากอีเวนต์ในครั้งนี้ไปงั้นเหรอ?” ไทแรนนี่กล่าวถาม

“สิ่งที่ฉันอยากได้น่ะ คือเครื่องประดับอาร์ติแฟกต์นั่นต่างหาก” จากคอก็มาต่อด้วยข้อมือ เซียวเฟิงบิดข้อมือไปมาขณะตอบไปด้วย

“ถ้าเป็นแค่อาร์ติแฟกต์ชิ้นนั้นล่ะก็ ฉันยกมันให้นายก็ได้นะ เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ยังไงซะนายกับฉันก็เป็นคนจากเขตฮัวเซียเหมือนกัน ทำไมเราถึงต้องยอมเสียแต้มเกียรติยศให้กับเขตอื่นกัน?”

บุคคลิกของไทแรนนี่นั้นเป็นคนที่ใจเย็นมาก ๆ ตามปกติแล้วก็จะเป็นคนพูดน้อยด้วย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาพูดมากขนาดนี้ แต่ก็เพราะความจำเป็น ตัวเขาน่ะไม่มั่นใจมาก ๆ ว่าจะสามารถเอาชนะเซียวเฟิงได้ ดังนั้นถ้าสามารถใช้การต่อรองได้ มันย่อมดีกว่าต้องมาห้ำหั่นกันเองอยู่แล้ว สิ่งนี้คือสิ่งที่คราวน์ปรินซ์แนะนำเขาไว้ผ่านแชตลับก่อนหน้าด้วย

เมื่อครั้งที่ระบบได้ปล่อยการจัดอันดับแบบใหม่ออกมาอย่าง กำลังรบ ระบบได้คำนวณกำลังรบของผู้เล่นแต่ละคนไปแล้วด้วยสมการที่ไม่เปิดเผยออกมาโดยตรง ผู้เล่นทั่วไปย่อมไม่เข้าใจว่ากำลังรบนี้ได้มาจากอะไร พวกเขาตีความไปว่ามันเกี่ยวข้องกับ สัตว์เลี้ยง สกิล อาวุธอุปกรณ์ต่าง ๆ และการที่จะเพิ่มกำลังรบได้นั้นก็ต้องเก็บค่าประสบการณ์ให้มากขึ้นรวมไปถึงเข้าสนามประลองบ่อย ๆ ด้วย

หลาย ๆ คนเลือกที่จะตั้งคำถามกับการคำนวณกำลังรบของระบบ พวกเขาเชื่อว่าการคำนวณนี้ต้องมีผิดพลาดแน่ ๆ แต่ไทแรนนี่ที่เป็นหนึ่งในคนในนั้น ตระหนักเรื่องนี้ได้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า การคำนวณกำลังรบของระบบนั้น ไม่ได้มีความผิดพลาดแต่อย่างใด!

ครั้นเมื่ออันดับกำลังรบถูกเปิดใช้งาน ไทแรนนี่เองก็สนใจมาก ๆ ว่าตนจะไปอยู่อันดับที่เท่าไหร่ และด้วยกำลังรบที่ทะลุ 10,000 แต้มของเขา มันทำให้เขาสามารถติดท็อป 5 ของเขตฮัวเซียได้อย่างง่ายดาย แต่แม้ว่าพลังระดับนี้จะถือว่าวิเศษมากแล้ว ณ ตอนนี้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไทแรนนี่รู้สึกหวาดหวั่นบนอันดับกำลังรบนั่นก็คือ พลังของเซียวเฟิง

กำลังรบของเซียวเฟิงนั้น สูงกว่าท็อป 2 – 5 ไปอีกหลายเท่านัก!

การทิ้งห่างระดับนี้ มันบ่งบอกได้ชัดเจนแล้วว่าเจ้าของกำลังรบหลักแสนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน! ในเมื่อระบบไม่มีทางผิดพลาด นั่นก็หมายถึงเจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้น สามารถกำจัดเขาได้ง่าย ๆ เลย!

การประลองทุกรอบภายในอีเวนต์นี้ก็ช่วยยืนยันอีกด้วยว่า เขาไม่สามารถรับมือกับสกิลระดับตำนานนั้นได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงสัตว์เลี้ยงของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่เขาคอยระแวดระวังมาตลอดด้วย อย่างที่ทุกท่านรู้ว่าสัตว์เลี้ยงของเจ้าแห่งฮีลเลอร์เองก็เป็นสัตว์เลี้ยงระดับตำนานด้วย สกิลพื้นที่อันรุนแรงจนเป็นที่กล่าวขานนั้นแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังหวาดหวั่น ตลอดการแข่งขันมาทุกรอบเขายังไม่เห็นนางฟ้าตัวน้อยคนนั้นถูกอัญเชิญออกมา เป็นไปได้ว่ายังไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์คิดว่าคู่ควรกับการเรียกใช้เธอก็ได้

ดังนั้นแล้ว ไทแรนนี่ไม่อยากพบเจอกับฝันร้ายเหล่านั้น เขาไม่อยากถูกอัดจนกระอักเลือดอย่างเทพเจ้าสายฟ้า แม้ตอนนี้ต่างฝ่ายจะยังไม่ได้เปิดฉากใส่กันและกัน แต่เขาก็เห็นแล้วว่าใครจะเป็นผู้ชนะ แถมยังไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้เจ้าแห่งฮีลเลอร์อยู่ในอารมณ์ไหน ถ้าเจ้าตัวยังสติแตกอยู่ บางทีเขาคงจะเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้จริง ๆ