novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • อ่านมังงะ
  • โดจิน
  • ซีรีย์วาย
  • PG SLOT
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
boston777
แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล
บาคาร่า 8xbet แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด Empire777 แทงหวย สล็อตเว็บตรง แทงหวยออนไลน์ สมัคร ufabet แทงบอล เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 531 เทวทูตสองหมื่นปี

  1. Home
  2. Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]
  3. บทที่ 531 เทวทูตสองหมื่นปี
Prev
Next

บทที่ 531 เทวทูตสองหมื่นปี

บทที่ 531 เทวทูตสองหมื่นปี

ที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นภูเขาแห่งวิญญาณ เพราะมันมีหลุมศพมากมายปรากฏให้เห็น ทว่าหลุมศพเหล่านี้กลับไม่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุมศพทั่วไป มันดูเหมือนรูปปั้นขนาดเท่าตัวจริงเสียมากกว่า!

อีกทั้งรูปปั้นเหล่านี้ยังเป็นออร์คทั้งหมดเลยด้วย! คาดเดาเอาจากรูปร่างภายนอก เป็นไปได้ว่าพวกเขาทั้งหมดน่าจะเป็นพวกบอสระดับสูง เพราะรูปปั้นพวกนี้ถูกปั้นออกมาได้ดูเหมือนจริงมาก ๆ ที่สังเกตได้ชัดที่สุดเห็นจะเห็นสีหน้าที่รูปปั้นพวกนี้แสดงออกมา พวกเขามีทั้งอารมณ์หวาดกลัว โกรธ จนตรอก และไร้หนทาง

เพราะงั้นหากมองในทางกลับกัน รูปปั้นเหล่านี้ เหมือนสิ่งมีชีวิตที่ถูกสาปให้เป็นหินทันทีเสียมากกว่า พวกเขาทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวกัน คือการวิ่งสู่ยอดเขา ซึ่งท่าทางของรูปปั้นมันบอกไว้เช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงประหลาดใจจริง ๆ กลับไม่ใช่รูปปั้นที่ดูเหมือนจริงเหล่านี้ หากแต่เป็นสิ่งที่อยู่บนยอด ณ ยอดเขาแห่งนี้ ที่เขาต้องไปมากกว่า

ที่นั่น มีรูปปั้นหินขนาดใหญ่อยู่! มันสูงกว่าสิบเมตร!

และที่สำคัญ… รูปปั้นนั้น เป็นรูปปั้นเทวทูต!

เทวทูตที่มีปีกมากถึงแปดข้าง…ระดับเดียวกับทูตสวรรค์!

ไม่…นั่นยังไม่เพียงพอให้ตกใจได้เท่ากับสิ่งที่อยู่เหนือหัวรูปปั้นเทวทูตยักษ์ตนนี้ ที่เหนือหัวมัน…มีหลอดพลังชีวิตปรากฏอยู่!

นั่นหมายความว่า รูปปั้นตนนี้มีชีวิต!

และเมื่อนำรูปปั้นรอบ ๆ มาใช้ร่วมกับการคาดเดา เซียวเฟิงก็พอจะเชื่อมโยงเรื่องราวได้คร่าว ๆ บางทีที่แห่งนี้อาจจะเคยเกิดสงครามครั้งรุนแรงขึ้นมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว บอสระดับสูงของออร์คมากมายนับไม่ถ้วนได้เข้าล้อมเทวทูตตนนี้ไว้ ทว่าจุดจบกลับไม่เป็นใจ พวกเขาถูกสาปให้เป็นหินพร้อมกับเทวทูต และเมื่อกาลเวลาผ่านไป ฝ่ายออร์คที่เป็นหินก็หมดอายุขัยไปก่อน เหลือเพียงเทวทูตตนเดียวที่ยังรอดชีวิต!

เซียวเฟิงลังเลอยู่

ณ ขณะนั้น เขาไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่ตนเองคิดนัก ท้ายสุดจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้รูปปั้นเทวทูตตนดังกล่าวและมองไปรอบ ๆ ถึงแม้ว่าหลอดพลังชีวิตจะแสดงให้เห็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่น่าจะหลุดจากการจองจำได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน

ไม่อย่างนั้น ชายหนุ่มอาจจะออกจากตรงนี้ไปตั้งนานแล้ว เป็นไปได้ว่าตัวเขาเองก็อาจจะติดกับและติดอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน

ร่างดั้งเดิมของมันเป็นเทวทูตเพศชายที่มีร่างสูงใหญ่ เพียงกำมือเดียวก็สามารถกำร่างของเซียวเฟิงได้ทั้งตัวแล้ว ลักษณะทางกายภาพของมันดูรวม ๆ แล้วเหมือนทูตสวรรค์ที่ขยายตัวให้ใหญ่ขึ้น จะต่างกันก็ตรงอาวุธของเทวทูตตนนี้ที่เป็นเคียว ในขณะที่ทูตสวรรค์ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์

สีของหลอดพลังชีวิตยังคงเป็นสีเหลือง เทวทูตตนนี้ยังเป็นกลางอยู่ นั่นหมายถึงผู้เล่นสามารถเข้าไปคุยเพื่อรับเควสต์มาทำ หรืออาจจะต้องเผชิญหน้ากันในฐานะศัตรูก็ได้

เซียวเฟิงครุ่นคิดเรื่องนี้ ก่อนจะตัดสินใจใช้ทักษะการตรวจสอบของเขาลองตรวจสอบรูปปั้นตนนี้ดู

เทวทูตแห่งพลัง

ระดับ : บอสศักดิ์สิทธิ์

ธาตุ : ศักดิ์สิทธิ์

เลเวล : ???

พลังชีวิต : ??? / ??? หน่วย

มานา : ??? / ??? หน่วย

พลังโจมตีกายภาพ : ??? / ??? หน่วย

พลังโจมตีเวทมนตร์ : ??? / ??? หน่วย

พลังป้องกันกายภาพ : ??? / ??? หน่วย

พลังป้องกันเวทมนตร์ : ??? / ??? หน่วย

สกิล : ???

ทั้ง ๆ ที่ทักษะการตรวจสอบของเซียวเฟิงนั้นจัดว่าเลเวลสูงมาก ๆ แล้วเพราะมีชุดเกราะมังกรช่วยเสริมเลเวลทักษะให้อีก มันควรจะมีมอนสเตอร์เพียงจำนวนน้อยที่จะไม่สามารถถูกตรวจสอบด้วยทักษะนี้ได้

และรูปปั้นเทวทูตนั้นกลับอยู่ในกลุ่มมอนสเตอร์จำนวนน้อยพวกนั้นด้วยเสียได้ นอกจากชื่อและระดับของมันแล้ว ค่าสถานะอื่น ๆ ก็ถูกแทนที่ด้วยเครื่องหมายคำถามหมดเลย

แต่ถึงอย่างการที่ทักษะของเขาก็ยังพอเปิดเผยได้ว่ามันเป็นบอสระดับไหน ก็นับว่าคุ้มค่ามากแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเฟิงได้เจอกับบอสระดับศักดิ์สิทธิ์ ชายหนุ่มไม่อยากจะคิดไปเองว่าระดับของมันสูงกว่าระดับตำนาน แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันช่างละม้ายคล้ายคลึงกับระดับของอาวุธและอุปกรณ์…ระดับศักดิ์สิทธิ์

เขาไม่มั่นใจว่าทูตสวรรค์ตนนั้นจะเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือเปล่า ย้อนกลับไปเมื่อครั้งไปตามคำบอกเล่าของดูมส์เดย์ลีก ตอนนั้นเซียวเฟิงยังเลเวลน้อยเกินกว่าจะตรวจสอบทูตสวรรค์ได้ แต่ถึงอย่างนั้นทูตสวรรค์ก็ถือเป็นระดับบอสโลก ดังนั้นระดับของมันจะต้องสูงกว่าระดับตำนานแน่นอน

นอกจากนี้ ระดับของทูตสวรรค์นั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนปีกบนหลังหกปีกแทนระดับตำนาน เพราะฉะนั้นแปดปีกก็น่าจะเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ตามที่ว่าไว้

และถึงแม้ทูตสวรรค์ตนนั้นจะเสียปีกไป แต่จากภาพลักษณ์ของมัน ไม่ผิดแน่นอน ทูตสวรรค์ต้องเป็นบอสระดับศักดิ์สิทธิ์ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมันก็มีแปดปีกเหมือนกัน!

แกร๊ก!

อย่างไรก็ตาม เวลาที่ปล่อยให้เซียวเฟิงคิดนั้นมีไม่มากนัก เสียงบางสิ่งบางอย่างกำลังแตกออกก็ดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศ ที่สำคัญ…มันดังมาจากรูปปั้นเทวทูต!

เสียงที่ไม่ควรมีอยู่นี้เรียกความสนใจจากเซียวเฟิงได้ในทันที เขารีบกรอกตามองร่างรูปปั้นของเทวทูตตรงหน้าแล้วตะลึงจนเผลอถอยหลังไป

แกร๊ก…แกร๊ก…แกร๊ก!

นี่ไม่ใช่อาการหูฝาดแต่อย่างใด รูปปั้นเทวทูตขนาดมหึมาตนนี้ กำลังแตกออกจริง ๆ!

มันเหมือนใยแมงมุมที่แผ่ซ่านมาจากส่วนของเท้ารูปปั้นลามขึ้นไปที่หัว ราวกับบางสิ่งบางอย่างกำลังจะออกมาจากเปลือก เซียวเฟิงรีบถอยกรูดออกจากรูปปั้นนั้นในทันที เพราะอย่างที่เขารู้อยู่แล้วว่า เทวทูตแห่งพลังตนนี้ยังไม่ตาย!

การมีอยู่ของพลังชีวิตก็บ่งชี้แล้วว่าเขาแค่ถูกสาปให้เป็นหิน เขาไม่มั่นใจว่าอะไรเป็นตัวปลุกเทวทูตในรูปปั้นหินให้ตื่น แต่ค่อนข้างมั่นใจว่ามันไม่ได้ตื่นขึ้นด้วยตนเองแน่ ๆ

รอยแตกเหล่านั้นเริ่มกระจายไปทั่วทั้งตัว แต่ถ้าหากมองดี ๆ แล้วก็จะพบว่ามันไม่ใช่รอยแตก หากแต่มันคือสีผิวที่แท้จริงของเทวทูตที่กำลังค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับมาทีละส่วนต่างหาก

ด้วยแสงสว่างที่เปล่งออกมาจากการคืนกลับ มันมากพอที่จะทำให้ทั่วทั้งหุบเขาแห่งวิญญาณนี้ถูกอาบไปด้วยลมหายใจศักดิ์สิทธิ์ในไม่ช้า

“ไอ้พวกเวรสองตัวนั่น! ไอ้เจ้าทูตสวรรค์กับเทพีแห่งแสง กล้ามากที่บังอาจลืมข้า! ปล่อยให้ข้ารอมาอย่างเนิ่นนานจนข้านับปีไม่ถูกแล้ว! ไอ้เลวเอ๊ย! ไอ้สารเลว!”

ยามที่แสงศักดิ์สิทธิ์จางหายไป เสียงก่นด่าก็ดังสนั่นขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ร่างของเทวทูตสูงใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเซียวเฟิง เทวทูตแห่งพลังตรงหน้า ณ บัดนี้ ไม่ใช่เพียงรูปปั้นหินที่มีพลังชีวิตอีกต่อไปแล้ว!

“เจ้าตัวเล็ก เทพีแห่งแสงส่งเจ้ามาปลุกข้างั้นหรือ? นางคงไม่คิดถึงเรื่องนี้แน่ ๆ หากไม่มีเหตุผลอะไร เช่นนั้นแล้วเจ้าจงบอกข้ามาเสีย นางมีปัญหาอันใด?” ทันใดนั้น เทวทูตแห่งพลังก็ก้มหัวลงช้า ๆ แล้วเริ่มพูดกับเซียวเฟิง

ชัดเจนแล้วว่าการที่เขาสามารถกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งนั้นเกี่ยวข้องกับเซียวเฟิง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะเซียวเฟิงบุกเข้ามาในภูเขาลูกนี้ หรือเป็นเพราะเซียวเฟิงใช้ทักษะตรวจสอบกับเขากันแน่ หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับธาตุศักดิ์สิทธิ์ในตัวเขา?

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรมาคิดตอนนี้แล้ว เพราะขณะนี้ เทวทูตแห่งแสงหลุดออกจากการเป็นหินได้ และกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาในสภาพที่มีชีวิตแล้ว ดังนั้นมันจึงหมายถึง เซียวเฟิงกำลังยืนเผชิญหน้ากับบอสที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่เข้ามาในโลกของเกม!

เทวทูตตนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าทูตสวรรค์อีกกี่เท่าก็ไม่รู้ ไม่เพียงแค่กายภาพด้านนอก แต่แม้แต่ธาตุของเขาเองก็ยังเป็นธาตุเทพเจ้าด้วย!

“เทพีแห่งแสง? ใครกันเหรอครับ? ผมเคยเจอแต่ทูตสวรรค์”

เซียวเฟิงประหลาดใจหลังได้ยินคำถามของเทวทูตแห่งพลัง เขาตอบกลับด้วยคำถาม และนั่นคือความจริง เพราะถึงเขาจะอยู่กับวิหารแห่งแสงมาเป็นเวลานาน แต่เขากลับไม่เคยได้ยินชื่อเทพีแห่งแสงเลย

“เจ้าเคยเจอทูตสวรรค์แต่ไม่เคยเจอเทพีแห่งแสงงั้นหรือ? บ้าจริง หรือว่านี่จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริง ๆ? ข้าถูกจองจำไว้ในสถานที่แห่งนี้มาแรมปีจนไม่รู้แล้วว่าแผนการณ์ที่วางไว้เป็นอย่างไรบ้าง โอ้ ใช่แล้ว เจ้า เจ้าตัวเล็ก สงครามศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นกี่ครั้งแล้ว?”

เทวทูตแห่งพลังพูดกับตนเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาถามเซียวเฟิงอีกครั้ง

“น่าจะราว ๆ ยี่สิบครั้งแล้ว…” เซียวเฟิงคิดตามแล้วตอบกลับไป เขาเคยศึกษาเรื่องนี้มาก่อนแล้ว และมันก็น่าจะเกิดสงครามศักดิ์สิทธิ์มาราว ๆ ยี่สิบครั้งแล้วจริง ๆ ตามเนื้องเรื่องที่กล่าวไว้ในเกม

“มากกว่ายี่สิบครั้งแล้ว!? โอ้ ข้าถูกจองจำมากว่าสองหมื่นปีแล้วงั้นเหรอ?! มันต้องบังเอิญ…ต้องบังเอิญแน่ ๆ!” เทวทูตร่างยักษ์พูดกับตนเอง

“ท่านเทวทูตแห่งพลัง ทำไมท่านถึงถูกจองจำอยู่ที่นี่ล่ะ?” เมื่อได้จังหวะ เซียวเฟิงจึงเป็นฝ่ายถามบ้าง เขาพยายามคิดว่าเนื้อเรื่องของเกมต่อจากนี้ควรจะเป็นอย่างไรต่อ เนื่องจากระดับของเทวทูตตรงหน้าเขานี้มันช่างสูงเสียเหลือเกิน เป็นไปได้ว่าเกมอาจจะสร้างขึ้นมาเพื่อให้เขาปลดล็อกเนื้อเรื่องก็เป็นได้

“อืม…ข้ามายังดินแดนแห่งพระเจ้าพร้อมกับเทพีแห่งแสงและทูตสวรรค์ เทพีแห่งแสงรับหน้าที่ในการสร้างวิหารแห่งแสง ส่วนทูตสวรรค์รับผิดชอบในการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์เพื่อขยายศรัทธาแห่งแสงสว่างให้แผ่กว้างออกไป ส่วนตัวข้ามีหน้าที่จัดการอุปสรรคที่คอยขัดขวางความเชื่อ จักรวรรดิออร์คแห่งนี้เป็นของข้า เป้าหมายของข้าคือกลุ่มลูกครึ่งมนุษย์ ลูกครึ่งอสูรไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ใดก็ตามที่สมองของพวกเขายังไม่มีอารยธรรมฝังหัว เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องตั้งข้อสงสัยที่จะศรัทธาในแสง ข้าวางแผนล่อลวงพวกนักรบที่ทรงพลังของเผ่าพันธุ์ออร์คมายังที่แห่งนี้ เพื่อจะชี้นำพวกเขาสู่หนทางแห่งแสงสว่าง ทว่าข้าไม่คิดเลย ว่าเผ่าพันธุ์ไร้อารยธรรมอย่างออร์คจะนับถือเทพแห่งโชคชะตาอยู่แล้ว เทพแห่งโชคชะตาให้พลังแก่เหล่าออร์คเพื่อที่จะสามารถต่อกรกับข้าได้ ท้ายสุดแล้ว ข้าจำเป็นต้องใช้เวทมนตร์ต้องห้ามผนึกตัวข้าเองเพื่อแลกกับดวงวิญญาณของพวกมัน! แต่ผนึกนั้นยาวนานเกินไป เกินกว่าที่ข้าคิดไว้มาก ใครจะไปรู้ว่ากว่าข้าจะหลุดจากการจองจำได้ก็ล่อไปตั้งสองหมื่นปีแบบนี้! แถมสหายเวรทั้งสองอย่างเทพีแห่งแสงและทูตสวรรค์ก็ไม่คิดจะมาช่วยข้าเลยด้วยซ้ำ!”

ไม่รู้ว่าเพราะถูกจองจำมานานเกินไปหรือเปล่า มันเลยทำให้เทวทูตแห่งพลังตนนี้กลายเป็นเทวทูตช่างจ้อไปแล้ว เขายอมพูดเรื่องของตนออกมาอย่างง่ายดายโดยไม่ตั้งแง่เป็นความลับเลยแม้แต่นิด

สิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้นทำให้เซียวเฟิงขมวดคิ้วขึ้นมานิดหน่อย สกิลทำลายล้างระดับศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ? ระดับศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว คราวนี้จะเป็นระดับสกิลที่สูงกว่าสกิลระดับตำนานด้วยหรือเปล่านะ?

อีกอย่าง เรื่องของเทพีแห่งแสงที่หลุดมาจากเทวทูตแห่งพลัง ที่ถูกส่งมารับผิดชอบในการสร้างวิหารแห่งแสง ถึงแม้จะแอบรู้สึกคุ้น แต่ก็ยังต่างกับสิ่งที่เซียวเฟิงรู้อยู่ เขารู้อยู่แก่ใจว่าผู้ที่ควบคุมวิหารแห่งแสงอยู่นั้นเป็นมนุษย์ทั้งหมด มนุษย์จากดินแดนแห่งพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นโป๊ปที่คลั่งแสงสว่างจนหน้ามืดตามัว รวมถึงผู้ศรัทธา…

เดี๋ยวก่อน!

ทันใดนั้นเอง บางสิ่งบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวเซียวเฟิง มันคือข้อสงสัยดั้งเดิมที่เซียวเฟิงครุ่นคิดไว้นานมากแล้ว มันถูกต้องที่ภายในวิหารแห่งแสงนั้นมีแต่เหล่าผู้ที่คลั่งไคล้แสงสว่างจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้มีท่าทีเช่นนั้นแต่อย่างใด!

เทพธิดาแห่งแสง! เทพสูงสุดที่แม้แต่เหล่าสังฆราชยังต้องสยบให้!

“ผมไม่เคยได้ยินชื่อของเทพีแห่งแสงเลย แต่ตอนนี้ผู้ที่ปกครองและควบคุมวิหารแห่งแสงอยู่คือ เทพธิดาแห่งแสง ครับ”

เซียวเฟิงพูดและมองท่าทีของเทวทูตแห่งพลัง

“เทพธิดาแห่งแสงงั้นหรือ? เทพธิดาแห่งแสงมาจากไหน? นางกล้าดีอย่างไรถึงได้นำชื่อของเทพเจ้าแห่งแสงมาแอบอ้างกัน!?” เทวทูตแห่งพลังขมวดคิ้ว เขาดูสับสนก่อนจะเอ่ยปากถามเซียวเฟิงทันที “เจ้าตัวเล็ก เจ้าอธิบายรูปลักษณ์ของเทพธิดาแห่งแสงให้ข้าฟังได้หรือเปล่า? ทั้งรูปลักษณ์และนิสัยของนางเลย”

เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่คุ้นเคยกับชื่อของนางจริง ๆ ซึ่งมันเข้าทางเซียวเฟิง เขาจะต้องได้รับรู้ความจริงอะไรบางอย่างจากเทวทูตตนนี้แน่ ๆ ดังนั้นหลังจากคิดถึงภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบของเทพธิดาแห่งแสงแล้ว เขาก็อธิบายให้อีกฝ่ายฟัง

“เวรเอ้ย! บัดซบ! นังสารเลว!”

เป๊ะ!

พลันเมื่อได้รับรู้ถึงรูปลักษณ์ของเทพธิดาแห่งแสง เทวทูตแห่งพลังก็ถึงกับสบถออกมาถึงสามครั้งสามครา “เทพีแห่งแสงทรยศพวกข้า! นางเป็นพวกนอกรีต ตั้งตนเป็นใหญ่ในหมู่สิ่งมีชีวิต! นางพยายามจะทำตัวเป็นเทพเจ้าแห่งแสง แต่นางไม่ใช่! แล้วทูตสวรรค์ไม่ได้พยายามหยุดนางไว้เหรอ?”

สีหน้าของเซียวเฟิงยังคงสงบนิ่ง แต่ภายในใจของเขานั้นปั่นป่วนไปหมดแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินคำว่า พวกนอกรีต ผู้ที่เคยร่วมงานกับจักรวรรดิแห่งความมืดเองก็เคยพูดเรื่องนี้ให้ฟังอยู่บ้างว่าเขาถูกเทพธิดาแห่งแสงปฏิเสธความช่วยเหลือและมองเขาเป็นศัตรูด้วย แล้วนี่ก็มาได้ยินอีกครั้งจากปากของเทวทูตแห่งพลัง

เรื่องมันบรรจบกันแล้ว ชื่อเดิมของ เทพธิดาแห่งแสง ก็คือ เทพีแห่งแสง!

“ทูตสวรรค์ตายและหายสาปสูญจากดินแดนแห่งแสงไปแล้วครับ” เซียวเฟิงอธิบายง่าย ๆ ความตายของเทวทูตเกิดมาจากการที่เขาพยายามขัดขวางการกระทำของเทพธิดาแห่งแสงจริง ๆ แต่แย่หน่อยตรงที่ศพของเขาถูกทำลายด้วยมือของเซียวเฟิงเอง

“ว่ายังไงนะ!? เป็นไปไม่ได้! ด้วยพลังของทูตสวรรค์ ต่อให้เทพีแห่งแสงจะได้พลังแห่งแสงสว่างภายในดินแดนแห่งพระเจ้าไปแล้วก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะทูตสวรรค์ได้เลย! ไม่มี…ไม่สิ…มี…” เสียงของเทวทูตแห่งพลังเบาลงอีกครั้ง “มีอยู่ทางหนึ่ง…นั่นคือ เผ่าความมืดจะร่วมมือกับนางด้วย! พวกมันรวมหัวกันแล้วจัดการทูตสวรรค์! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสองหมื่นปีที่ผ่านมาถึงไม่มีใครมาปลดผนึกข้า! พวกบัดซบเอ๊ย! แย่! แย่ไปหมด!”