novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 เว็บสล็อต xoslotz ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1980 ชิงหลงเพลี่ยงพล้ำ

  1. Home
  2. A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
  3. ตอนที่ 1980 ชิงหลงเพลี่ยงพล้ำ
Prev
Next

สองสามชั่วยามต่อมาอรหันต์ชิงหลงก็พาศิษย์สองคนมาปรากฏตัวในตำหนักเขตอาคมส่งตัวของเมืองเทวะสวรรค์ ผู้คุ้มกันที่รับหน้าที่ดูแลตำหนักก็เดินออกมาต้อนรับทันที

“คารวะท่านอาวุโสชิงหลง ไม่ทราบว่าท่านอาวุโสมาทำอันใดหรือ?” ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาที่เป็นผู้นำ เอ่ยกับอรหันต์ชิงหลงด้วยความเคารพนบน้อม

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้รู้ว่าอรหันต์ชิงหลงเป็นหนึ่งในอาวุโสมของเมืองเทวะสวรรค์แล้ว ถึงได้เรียกขานเช่นนี้

“เปิดเขตอาคมส่งตัวเดี๋ยวนี้ ข้ามีธุระต้องออกไป” อรหันต์ชิงหลงกวาดตามองเขตอาคมส่งตัวเหล่านั้นแวบหนึ่ง แล้วออกคำสั่งอย่างไม่เกรงใจ

“อันใด ท่านอาวุโสคิดจะใช้เขตอาคมส่งตัว? ขอบังอาจเรียนถามว่ามีคำสั่งการหรือของแทนตนของสมาคมอาวุโสหรือไม่” ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาได้ยินพลันตกตะลึง แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“หึ ข้าเป็นอาวุโสของสมาคมอาวุโส ใช้เขตอาคมส่งตัวสักหน่อย ต้องยุ่งยากเพียงนี้หรือ ยังไม่รีบเปิดเขตอาคมส่งตัวให้ข้าอีก!” อรหันต์ชิงหลงหรี่ตาทั้งสองข้างลงสีหน้าเคร่งขรึม

“ท่านอาวุโสชิงหลง ไม่ใช่ว่าชนรุ่นหลังไม่เคารพท่าน แต่สมาคมอาวุโสเพิ่งออกคำสั่งตายเมื่อสองวันก่อน ไม่ว่าผู้บำเพ็ญเพียรที่คิดจะใช้เขตอาคมส่งตัวจะมีฐานะสูงส่งหรือต่ำต้อย ต้องได้รับการยินยอมจากสมาคมอาวุโส ท่านอาวุโสชิงหลงอย่าทำให้ชนรุ่นหลังและพวกลำบากใจเลย มิเช่นนั้นหลังจากที่ชนรุ่นหลังฝ่าฝืนคำสั่ง ก็จะถูกลงโทษสถานหนักอย่างหลีกเลี่ยงมิได้” ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาเอ่ยด้วยสีหน้าปั้นยาก

“มีเรื่องเช่นนี้ด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ ข้าไปเอาของแทนตนจากสมาคมอาวุโสมาก็พอแล้วสินะ!” อรหันต์ชิงหลงหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ ก็เอ่ยด้วยสีหน้าอ่อนลง

“ขอบพระคุณท่านอาวุโสที่เมตตา ชนรุ่นหลังขอน้อมส่ง…เอ๋ ท่านอาวุโสชิงหลง ท่านจะทำอันใด!” เดิมผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตามีใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มขอโทษ แต่ครู่ต่อมาบรรยากาศรอบด้านพลันตึงแน่น ร่างทั้งร่างไม่อาจขยับได้เลยสักนิด

ไม่ใช่แค่เขาผู้บำเพ็ญเพียรรักษาการณ์คนอื่นๆ ที่ออกมาต้อนรับก็ถูกพลังไร้รูปร่างกักเอาไว้ที่เดิมเช่นกัน ใบหน้าพลันทยอยกันเผยสีหน้าตกตะลึงระคนหวาดกลัวออกมา

“ไม่ต้องกังวล ข้าแค่มีเรื่องสำคัญที่ล่าช้าไม่ได้ แค่จะส่งตัวเองออกไปเท่านั้น” อรหันต์ชิงหลงถึงได้คลายอาคมในแขนเสื้อ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

จากนั้นอรหันต์ชิงหลงก็ชูมือข้างหนึ่งขึ้น ในมือมีป้ายหยกสีขาวปรากฏขึ้น แล้วโบกไปทางเขตอาคมที่อยู่ด้านหลังประตูตำหนัก

ชั่วขณะนั้นเสาลำแสงสีขาวพลันพ่นออกมา ทุกแห่งที่กวาดผ่านไป เขตอาคมในตำหนักพลันทยอยกันสลายหายไป

อรหันต์ชิงหลงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็เผยสีหน้ายินดีเล็กๆ ออกมา ทันใดนั้นกลุ่มลูกศิษย์ก็สาวเท้ายาวๆ เข้าไปในตำหนัก และหาเขตอาคมส่งตัวขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เข้าไปยืนอยู่บนนั้น

เสียงครืดดังขึ้น!

เขตอาคมถูกกระตุ้น ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นอรหันต์ชิงหลงและศิษย์สามคนพลันหายวับไปท่ามกลางลำแสงสีขาว

ยามนี้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาผู้นี้และผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ถึงได้รู้สึกผ่อนคลายลง แล้วกลับมาเคลื่อนไหวได้

“แย่แล้ว รีบรายงานเรื่องนี้กับสมาคมอาวุโส! พวกเจ้ารีบซ่อมแซมเขตอาคมเดี๋ยวนี้!” ผู้บำเพ็ญเพียรที่เป็นผู้นำตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว เมื่อกลับมาเคลื่อนไหวได้ก็ออกคำสั่งกับลูกน้องสองสามคนด้วยความลนลาน

ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ ได้ยิน ก็รีบควักจานอาคมถ่ายทอดเสียงออกมา บ้างกลับควันธงอาคมจานอาคมต่างๆ ออกมา เริ่มฟื้นฟูเขตอาคมป้องกันที่ถูกอรหันต์ชิงหลงทำลาย

ทำให้ทั้งตำหนักวุ่นวายยกใหญ่

และในยามนั้นเองเขตอาคมส่งตัวที่เพิ่งส่งตัวอรหันต์ชิงหลงไปพลันมีเสียงร้องต่ำๆ ดังขึ้นอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะถูกกระตุ้นอีกครั้ง

ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างคนเตี้ยๆ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกส่งไปอย่างรวดเร็ว

จากพลังยุทธ์ของเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรในตำหนัก คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผู้ใดมองเห็นเงาร่างนั้นได้อย่างชัดเจนว่าคือสิ่งใด

“เมื่อครู่มีอันใดถูกส่งตัวไปหรือ?” ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน ผู้พิทักษ์คนหนึ่งกลืนน้ำลาย แล้วเอ่ยพึมพำถาม ท่าทางสงสัยว่าตนเองตาฝาดไปหรือไม่

ยามนี้อรหันต์ชิงหลงพาศิษย์ทั้งสองคนกำลังบินอยู่กลางทางเดินหินที่สร้างขึ้นบนเนินเขา หลังจากกะพริบวาบๆ ก็บินออกมาจากรูที่ถูกเขตอาคมต้องห้ามบดบังเอาไว้ จากนั้นก็แยกแยะทิศทาง เมื่อมั่นใจแล้วก็พุ่งตรงไปยังทิศทางหนึ่ง

และหลังจากที่อรหันต์ชิงหลงและพวกเพิ่งจะจากไปได้ชั่วครู่ ลำแสงสีทองอ่อนอีกสายหนึ่งก็บินออกมาจากรู ไล่ตามอรหันต์ชิงหลงไปติดๆ อย่างไม่หยุดพักเลยสักนิด

……

ครึ่งวันต่อมาห่างจากเมืองเทวะสวรรค์ตั้งไม่รู้กี่หมื่นลี้เหนือเนินเขารกร้างแห่งหนึ่ง ลำแสงสีเขียวหนาๆ ห่อหุ้มเงาร่างคนสามสายเอาไว้ แล้วบินแหวกอากาศไป

อรหันต์ชิงหลงที่อยู่ท่ามกลางลำแสงหลีกหนีมีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเปล่งประกายไม่หยุด ราวกับว่ากำลังขบคิดเรื่องตึงเครียดอันใดสักอย่างอยู่

ยามนี้ขอบฟ้าด้านล่างมีลำแสงสีเหลืองสายหนึ่งปรากฏขึ้นรางๆ

คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะบินออกจากแดนรกร้าง แล้วตรงไปเข้าในทะเลทรายที่ไร้ขอบเขต

และในยามนี้ด้านหลังลำแสงหลีกหนีสีเขียวห่างออกไปแค่สิบจั้งเศษพลันมีเสียงวิหคเพรียกสองเสียงดังขึ้น!

เงาสีทองอ่อนสองพุ่งแหวกอากาศมาพลิ้วไหวแล้วปรากฏอยู่ห่างจากลำแสงหลีกหนีไปแค่คืบ

กรงเล็บลำแสงส่งเสียงเหี้ยม เงากรงเล็บทั่วท้องฟ้าระเบิดออกกลางอากาศ ปกคลุมอรหันต์ชิงหลงเอาไว้จนไร้ซึ่งช่องโหว่

จุดที่กรงเล็บลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ มีรอยบากสีทองปรากฏขึ้นเป็นสายๆ อย่างหนาแน่น ตัดสลับกันไปมาจนกลายเป็นตาข่ายยักษ์ผืนหนึ่ง ทำให้ผู้คนไม่อาจหลบหลีกได้

อรหันต์ชิงหลงรู้สึกตกตะลึง ใบหน้าเผยสีหน้าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งออกมา

“เจ้าเด็กน้อยหาน คาดไม่ถึงว่าเจ้าคิดจะสังหาร!”

เขาตะโกนด้วยความโกรธแค้น สะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้าง พู่กันสีทองและเงินสองด้ามยื่นออกมา พลิ้วไหวเล็กน้อย อักขระยันต์สีทองและเงินทะลักออกมา กลายเป็นม่านลำแสงปกป้องเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นร่างพลันเปล่งแสงสว่างวาบอีกครั้ง เกล็ดสีเขียวปรากฏขึ้นบนแขนขาทั้งสี่และใบหน้า เมื่อขยับอีกครั้งก็กลายเป็นพายุหมุนตะปบไปยังตาข่ายกรงเล็บ

และในยามที่ร่างกายและกรงเล็บลำแสงสัมผัสกัน ก็อ้าปากออกพ่นลำแสงสีเขียวออกมา แล้วชิงทุบไปยังกรงเล็บลำแสงก่อน

เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!

เมื่อตาข่ายกรงเล็บที่ดูเหมือนแหลมคมหาที่เปรียบและลำแสงปะทะกัน คาดไม่ถึงว่าจะถูกฉีกขาดได้อย่างง่ายดาย

อรหันต์ชิงหลงพลันตกตะลึง จากนั้นก็ดีอกดีใจเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นพายุหมุนพุ่งออกไปจากตาข่าย ลำแสงหลีกหนีพลิ้วไหวอีกครั้ง แล้วมาปรากฏตัวกลางอากาศห่างออกไปร้อยจั้งเศษ

หัวใจที่หนักอึ้งของเขาพลันผ่อนคลายลงเล็กน้อย

แต่ในยามนั้นเองเสียงกรีดร้องสองเสียงพลันดังขึ้นจากด้านหลัง!

“แย่แล้ว!”

อรหันต์ชิงหลงร้องอุทานในใจ แล้วรีบหันกลับไปมอง

เห็นเพียงศิษย์สองคนที่เดิมติดตามเขากลายเป็นฝนโลหิตสาดกระเซ็นทั่วอากาศ

พลังปราณของเขาไม่เพียงปกป้องร่างได้ แต่สมบัติอาคมกลับไม่อาจต้านทานกรงเล็บลำแสงได้เลยสักนิด ถูกระเบิดออกทันที แม้แต่ทารกวิญญาณก็ไม่อาจหนีออกมาได้

“เจ้าไม่ใช่เจ้าเด็กแซ่หาน เป็นผู้ใดกันแน่ อาจหาญไม่น้อย กล้าลงมือกับข้า!” อรหันต์ชิงหลงมองเงาลวงตาสีทองสองดวงอย่างละเอียดแวบหนึ่ง แล้วมองเห็นอันใดทันที ทันใดนั้นก็ร้องตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว

“หึๆ เอาชีวิตของเจ้ายังต้องให้คุณชายของข้าลงมือหรือ ให้ข้าลงมือก็พอแล้ว”

เสียงของหญิงสาววัยเยาว์เอ่ยขึ้นจากฝั่งตรงข้าม จากนั้นเงาลวงตาสองกลุ่มก็ผสานรวมตัวกัน กลายเป็นลำแสงสีทองอ่อนดวงหนึ่ง

ท่ามกลางลำแสงสีทองอสูรประหลาดสีทองขนาดสองสามจั้งตัวหนึ่งกำลังมองอรหันต์ชิงหลงด้วยความเย็นชา นั่นก็คืออสูรมิคาทนตัวนั้น

“อสูรวิญญาณระดับผสานอินทรีย์! เจ้าคืออสูรวิญญาณของเจ้าเด็กแซ่หาน!”

อรหันต์ชิงหลงกวาดจิตสัมผัสไปบนเรือนร่างของอสูรสีทอง ก็อดที่จะสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่งไม่ได้

“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ก็น่าจะตายอย่างไร้ความกังขาได้แล้ว ข้าได้รับคำสั่งจากคุณชาย ให้เจ้าหายไปจากโลกนี้” อสูรมิคาทนแววตาฉายแววโหดเหี้ยมขณะเอ่ย

“หึ แค่ระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นอย่างเจ้า คิดจะเอาชีวิตตาเฒ่า เจ้าเด็กแซ่หานเพ้อฝันไปหน่อยกระมัง” แม้ว่าใบหน้าของอรหันต์ชิงหลงจะฉายแววตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็ร้องตะโกนพร้อมกับสีหน้าโหดเหี้ยม

“เจ้าถูกคุณชายของข้าทำร้าย ยามนี้พลังปราณมีอยู่เจ็ดแปดส่วนก็นับว่าไม่เลวแล้ว ยังกล้ามาพูดวางท่าต่อหน้าข้าอีก! รอให้ข้ากระชากทารกวิญญาณของเจ้าออกมา ดูว่าเจ้าจะกำเริบเสิบสานอย่างไรได้อีก!” อสูรมิคาทนไม่สนใจคำพูดของชิงหลง แค่เอ่ยพร้อมกับเผยสีหน้าโหดเหี้ยม

จากนั้นร่างของอสูรก็รางเลือน ชั่วขณะนั้นบรรยากาศรอบๆ ก็มีลำแสงสีทองปรากฏออกมา รวมตัวกันเล็กน้อยก็กลายเป็นเงาอสูรสีทองที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วร้อยกว่าตัว

“งั้นหรือ! ข้าขาดหนังวิญญาณระดับสูงอยู่พอดี เอาเจ้ามาทำก็ได้แล้ว” อรหันต์ชิงหลงได้ยินก็รู้สึกโกรธเกรี้ยว หลังจากเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ ก็ชูแขนเสื้อขึ้น สมบัติสี่ห้าชิ้นบินออกมาพร้อมกัน โคจรวนล้อมรอบเขาไปมา

ในเวลาเดียวกันก็ยกมือชี้พู่กันทั้งสองไปอีกครั้ง อักขระยันต์มากกว่าเดิมปรากฏขึ้นตรงหน้า

 อสูรมิคาทนร้องคำรามต่ำๆ เงาอสูรทั้งหมดเคลื่อนไหว ลำแสงสีทองนับร้อยสายกระโจนไปฝั่งตรงข้าม

อรหันต์ชิงหลงเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง กระตุ้นสมบัติทั้งหมดให้ขวางเงาอสูรเหล่านั้นเอาไว้ แต่ชั่วพริบตาที่เขาโคจรพลังปราณจำนวนมหาศาล ก็หน้าซีดขาว ไอสีดำประหลาดชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น ปกคลุมใบหน้าของเขาเอาไว้

……

ห้าวันต่อมาหานลี่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องลับ ฉับพลันนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ประตูห้องลับที่เดิมปิดสนิทอยู่พลันมีลำแสงสว่างวาบ ลำแสงสีทองบินทะลุเข้ามา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็กลายเป็นอสูรน้อยสีทองขนาดสองสามฉื่อ

“อ๋อ ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ออกไปนานเพียงนี้ หรือว่าการเดินทางไม่ราบรื่นหรือ?” หานลี่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มจางๆ

“นายท่าน เจ้าทำอันใดกับอรหันต์ชิงหลงกันแน่ คาดไม่ถึงว่าลงมือกับเขาได้ไม่นาน ก็มีท่าทีถูกพิษ ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องให้ข้าลงมือ ก็ถึงชีวิตอยู่แล้ว” อสูรมิคาทนถลึงตาพลางเอ่ยถามหานลี่

“หึๆ ข้าแค่ปล่อยคลื่นลำแสงวิญญาณของเพลิงกลืนวิญญาณเข้าไปในร่างของเขาเท่านั้น หากเขาไม่โคจรพลังปราณมากเกินไปก็ช่างเถิด แต่หากใช้คลื่นลำแสงก็จะกำเริบทันที จากพลังพิษประหลาดของมัน หากกำเริบ แม้ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ก็ไม่อาจรับไหว นอกเสียจากว่าจะนั่งสมาธิเพื่อกำจัดมัน หรือใช้พลังปราณระงับมันไว้ชั่วคราว แต่สองวิธีนี้ในสถานการณ์ที่กำลังต่อสู้กับเจ้าอย่างดุเดือด ย่อมไม่อาจทำได้สักวิธี เช่นนี้เขาย่อมมีแต่ต้องตายเพียงทางเดียวเท่านั้น” หานลี่ไม่ได้ปิดบังอันใด พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ

“อิทธิฤทธิ์ของนายท่านยากแท้หยั่งถึง คาดไม่ถึงว่าจะลงมือกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับเดียวกันได้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว” อสูรมิคาทนส่งเสียงจุ๊ๆ เอ่ยชื่นชม

“หึ ไม่มีอันใด วิธีนี้ข้าก็เพิ่งเรียนรู้ได้ไม่นานเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะอรหันต์ชิงหลงไม่มีเวลาตรวจสอบร่างกายของตนเอง ก็คงไม่สำเร็จอย่าง่ายดายเช่นนี้ เอาล่ะ เจ้ายังไม่บอกผลลัพธ์อีก ชิงหลงไม่อยู่แล้วใช่หรือไม่?” หานลี่อธิบายสองคำ แล้วหรี่ตาทั้งสองข้างลงขณะเอ่ยถาม