novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 เว็บสล็อต xoslotz ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2055 โครงกระดูกและทะเลสาบหินหลอมเหลว

  1. Home
  2. A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
  3. ตอนที่ 2055 โครงกระดูกและทะเลสาบหินหลอมเหลว
Prev
Next

เอ่ยจบหญิงผมสีม่วงก็ร่ายอาคมกระตุ้นแผ่นหยกในมือ ชั่วขณะนั้นเส้นไหมโลหิตพลันเลื้อยไปตามผิวของแผ่นป้ายหยกราวกับมีชีวิตก็ไม่ปาน

“เยี่ยมมาก น้องห้ามีเคล็ดวิชาลับบอกตำแหน่งของอสูรมารตัวนั้น พวกเราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกลอบโจมตีแล้ว ได้เปรียบมาก” ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองได้ยิน ก็ตอบกลับด้วยใบหน้าดีใจ

จากนั้นเขาก็หลบทางข้างหน้าให้ ให้ ‘น้องห้า’ ของตนเดินอยู่หน้าสุด

คนกลุ่มนี้เดินอยู่ในถ้ำใต้ดินสองสามก้าว ก็เข้าไปในทางเดินเหมืองที่มนุษย์สร้างขึ้น

ดูจากหลุมตะปุ่มตะป่ำตามสองฝั่งของเหมือง ศิลาเมฆาเพลิงรอบๆ นี้คงถูกขุดไปจนหมด แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นอุณหภูมิของที่นี่ก็ยังร้อนระอุ เห็นได้ชัดว่าสูงกว่ายามที่พวกเขาเพิ่งเข้ามาหลายส่วน

ทว่าหากไม่ใช่เพราะส่วนลึกของสายแร่นี้เป็นทะเลทรายลวงตา คนกลุ่มนี้คงสำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีแอบเข้ามาแล้วตามหาอสูรมารตนนั้นแล้ว ยามนี้พวกเขาทำได้เพียงเดินลงไปยังส่วนลึกตามทางเดินทีละนิดๆ

ทางเดินของสายแร่นี้หนาแน่นมาก และทุกช่วงจะมีทางตัดสลับกันไปมาสองสามสาย กลายเป็นเหมือนกับตาข่ายแมงมุมก็ปาน

สายแร่เหล่านี้ยาวหน่อยก็มีความยาวสองสามลี้ สั้นหน่อยก็แค่สิบจั้งเศษเท่านั้น ศิลาเมฆาเพลิงก็ยิ่งถูกขุดไปจนเกลี้ยงยิ่งกว่าเดิม แต่แค่จุดที่ซ่อนเร้นอยู่จะบังเอิญเหลืออยู่นิดหน่อยเท่านั้น

ทว่าเมื่อพวกเขาผ่านทางเดินสิบกว่าสายอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงจุดรวมตัวของทางเดินสี่ห้าสาย หานลี่กลับหรี่ตาทั้งสองข้างลง

ตรงหน้ามีทางเดินสองสามสายปรากฏขึ้น ล้วนเป็นลำแสงสีแดงเปล่งประกายไม่หยุด บนกำแพงสี่ด้านล้วนเป็นผลึกสีแดงสดขนาดเท่ากำปั้น

แต่ทุกแห่งที่พวกเขามองไปกลับไม่ใช่วัตถุดิบล้ำค่าเหล่านั้น แต่เป็นโครงกระดูกครึ่งท่อนไร้หัวที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงทางเข้าทางเดินสายหนึ่ง

หัวของโครงกระดูกนี้กระเด็นหายไป แม้ว่าร่างกายจะสมบูรณ์แบบ แต่ผิวหนังกลับแห้งเหี่ยว ราวกับว่าโลหิตและเนื้อหนังทั่วเรือนร่างหายไป ยามนี้เหลือเพียงหนังบางๆ หุ้มเรือนร่างเอาไว้เท่านั้น

หญิงสาวผมสีม่วงและชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองย่อมเห็นโครงกระดูกนี้เช่นกัน เมื่อมองสบตากันแวบหนึ่งก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา

แต่หลังจากที่สายตาของหญิงสาวผมสีม่วงมองไปที่มุมชายเสื้อของโครงกระดูก ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม มือเรียวข้างหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ

เสียง ‘พรึ่บ’ ดังขึ้น ชุดนั้นบินออกมาจากโครงกระดูก ถูกหญิงสาวดูดเข้ามาอยู่ในมือ และถูกสะบัดออก

หานลี่เหลือบตามอง จึงมองเห็นตัวอักษรคำว่า “ไป๋” สีเงินอ่อนบนชุดทันที

“เป็นศิษย์ตระกูลไป๋ของพวกเรา แต่ผู้ใดกลับพูดยาก” หญิงสาวผมสีม่วงขมวดคิ้วดำขลับขณะเอ่ย

ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองกลับแค่นเสียงด้วยความเย็นชา ยกมือขึ้นกวักไปทางโครงกระดูกเช่นกัน

หลังจากเสียง ‘สวบ’ ดังขึ้น ถุงหนังสีเขียวก็บินออกมา และเมื่อชายร่างใหญ่ชี้ไป ก็ระเบิดออกกลางอากาศ กลางอากาศมีผึ้งยักษ์สีแดงโลหิตฝูงหนึ่งปรากฏขึ้น

ทุกตัวล้วนมีขนาดเท่าฝ่ามือ กระพือปีกทั้งสองข้างไม่หยุด

“เป็นผึ่งตาข่ายโลหิต! หากข้าจำไม่ผิดละก็ ดูเหมือนจะเป็นแมลงมารที่เจ้าเด็กไป๋เหยียนผู้นั้นพกติดตัว!” ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองเห็นผึ้งมารสีโลหิตเหล่านั้น ก็มีสีหน้าดูไม่ได้พลางเอ่ยถาม

“รายงานท่านบรรพชน นี่คือผึ้งตาข่ายโลหิตของไป๋เยียน ตอนนั้นเคยเห็นเขาใช้พวกมันต่อสู้หลายครั้งด้วยตาของตนเอง ไม่มีทางจำผิดแน่” ชายชราเรือนผมสีขาวราวกับหิมะหนึ่งในศิษย์ตระกูลไป๋หกคนยืนขึ้นแล้วก้าวออกมารายงานทันที แต่แค่สีหน้าแต้มไว้ด้วยความโศกเศร้าเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์กับ ‘ไป๋เหยียน’ ผู้นี้

“เช่นนั้น โครงกระดูกนี้ก็คือไป๋เหยียนจริงๆ แต่เขาเป็นหนึ่งในศิษย์ที่คอยคุ้มกันที่นี่ และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นศิษย์ที่มีพลังยุทธ์สูงที่สุด เหตุใดถึงมาตายอย่างน่าอนาถที่นี่!” หญิงสาวผมสีม่วงถอนหายใจออกมาเบาๆ เฮือกหนึ่ง แล้วยกมือขึ้นลูกเพลิงลูกหนึ่งพุ่งออกไป เผาโครงกระดูกนั้นจนเป็นเถ้าถ่านถึงได้เอ่ยถามอย่างแช่มช้า

สำหรับท่าทางน่าอนาถของศพนี้ คนทั้งกลุ่มกลับไม่ได้รู้ประหลาดใจมากนัก

ถึงอย่างไรเสียในแดนมารเคล็ดวิชามารการดูดซับโลหิตของผู้อื่นก็มีอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วน ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอันใด

“ไปกันต่อเถิด บางทีอาจจะพบอันใด” ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองครุ่นคิด แล้วเอ่ยอย่างตัดสินใจ

คนอื่นๆ ก็ไม่มีความเห็นอื่น ทันใดนั้นก็เดินไปตามทางเดินที่โครงกระดูกวางอยู่ ทว่าทุกคนล้วนระมัดระวังขึ้นหลายส่วนโดยไม่รู้ตัว

หลังจากที่เดินมาตามทางได้สองสามร้อยจั้ง ระหว่างทางก็พบโครงกระดูกไร้หัวอีกห้าหกโครงกระดูก หลังจากที่ตระกูลไป๋วินิจฉัยแล้ว ล้วนเป็นศิษย์ตระกูลไป๋ที่รักษาการณ์อยู่ที่นี่ทั้งนั้น

นี่จึงทำให้ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองอดที่จะมีสีหน้าเคร่งขรึมดุจสายธารมิได้!

หลังจากเดินมาได้ระยะหนึ่ง ฉับพลันนั้นชายร่างใหญ่ก็หยุดชะงักฝีเท้าแล้วเอ่ยถามหญิงสาวผมสีม่วง

“น้องห้า ยามนี้อยู่ห่างจากอสูรมารตนนั้นอีกประมาณเท่าไหร่ คงไม่ได้ถูกมันสัมผัสได้แล้วหรอกกระมัง”

“พี่ใหญ่โปรดวางใจ เดิมจิตสัมผัสของพวกเราก็ถูกจำกัดในทะเลทรายลวงตานี้อยู่แล้ว ประกอบกับศิลาเมฆาเพลิงในสายแร่ที่มีไอเพลิงจำนวนมากรบกวน จิตสัมผัสจึงไม่อาจแผ่ออกไปไกลได้ และยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ก็อยู่ห่างจากอสูรตัวนั้นไปอีกห้าหกลี้ เขาไม่มีทางพบพวกเราแน่ แต่หากเข้าใกล้กว่านี้ก็พูดยาก” หญิงสาวผมสีม่วงก้มหน้าลงตรวจสอบแผ่นป้ายหยกในมือ แล้วตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สหายทุกท่านก็เริ่มสำแดงการพรางตัวเถิด” หลังจากที่ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองครุ่นคิด ก็สั่งคนอื่นๆ

“เริ่มสำแดงยามนี้เถิด นี่ต้องเสียลมปราณไม่น้อย ช่างเถิด ก็ดีกว่าถูกสัตว์ประหลาดตัวนั้นพบเข้า” องค์เทพมังกรไม้ลูบใต้คาง บ่นพึมพำอย่างไม่เต็มใจ แต่ครู่ต่อมากลับอ้าปากออกพ่นแผ่นป้ายสีดำออกมา และพลิ้วไหวกลางอากาศกลายเป็นหมอกสีดำห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้ จากนั้นไม่ว่าม่านหมอกหรือว่าซ่อนตัวอยู่ข้างใน ในเวลาเดียวกันก็รางเลือนไม่ชัดเจน สุดท้ายก็กลายเป็นเงาลวงตาที่แทบจะมองไม่เห็น

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา แค่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวมีรัศมีลำแสงม้วนวนออกมา คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเงาสีดำอ่อนๆ สายหนึ่ง

ส่วนหันฉีจื่อแค่สะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่ง หลังจากที่ผลึกลำแสงม้วนวนออกมา ร่างทั้งร่างก็โปร่งแสง กลายเป็นสิ่งมีชีวิตล่องหนราวกับประติมากรรมน้ำแข็ง

ไป๋อวิ๋นซินและพวกต่างสำแดงธงสีเงินออกมา หลังจากที่โยนออกมา ก็กลายเป็นเขตอาคมสีเงินกลางอากาศ หลังจากที่ร่อนลงมาด้านล่าง ชั่วขณะนั้นทั้งหกคนก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อเห็นคนอื่นๆ สำแดงเสร็จ ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองและหญิงสาวผมสีม่วงก็มีไอสีดำทะลักออกมาจากเรือนร่าง โยนผ้าไหมออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วอำพรางกายไปเช่นกัน

คนทั้งกลุ่มจึงเดินไปด้านหน้าอีกครั้ง

ความยาวของทางเดินสายแร่สายนี้กลับเหนือกว่าที่หานลี่และพวกคิดเอาไว้ หลังจากเดินมาได้อีกชั่วครู่ คาดไม่ถึงว่าจะยังเดินไม่ถึงทางออกอีกด้าน

โชคดีที่เดินมาได้เป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร ฉับพลันนั้นทางเดินสายแร่ตรงๆ พลันเปลี่ยนเป็นคดเคี้ยว กำแพงหินรอบด้านเปลี่ยนเป็นหยาบๆ และเปล่งแสงสีดำๆ ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะเข้าไปในรอยแยกใต้ดินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอีกสายหนึ่ง

ยามนี้รอบด้านก็เริ่มมีรอยแยกขนาดน้อยใหญ่ปรากฏขึ้น บ้างก็มีความกว้างสองสามฉื่อ บ้างกลับมีความกว้างสองสามจั้ง บางครั้งก็มีพายุร้อนระอุพัดออกมา และมีกลิ่นไหม้เกรียมและกลิ่นกำมะถันลอยมาจางๆ

……

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ยามที่ทุกคนบินออกมาจากรอยแยกที่ไม่สะดุดตารอยแยกสุดท้าย ทะเลสาบหินหลอมเหลวขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นด้านล่างทุกคน

ทะเลสาบนี้มีความกว้างพันหมู่ ผิวของทะเลสาบเป็นหินหลอมเหลวสีแดงที่มีฟองปะทุขึ้นมาเป็นบางครั้ง ตรงขอบรอบๆ กลับเป็นศิลาหินหลอมเหลวสีดำเกรียม แต่บนศิลาเหล่านั้นกลับมีผลึกสีม่วงแดงสองสามฉื่อฝังอยู่ ภายใต้หินหลอมเหลวที่สะท้อนไปมา พลันมีลำแสงสีแดงเปล่งแสงเรืองๆ

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ดวงตาทั้งสองอดที่จะหรี่ลงไม่ได้

รูปร่างของผลึกสีม่วงแดงเหล่านี้ เป็นเพราะถูกไอเพลิงอัดแน่นเอาไว้ และเพราะขนาดของผลึกที่ไม่เล็ก คาดไม่ถึงว่าจะเป็นศิลาเมฆาเพลิงระดับสุดยอดที่หายากยิ่ง

พอเขาแค่กวาดสายตาไปผ่านๆ ก็พบว่าจำนวนของผลึกที่นี่มีมากกว่าสองสามหมื่นเม็ด ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นศิลามารหรือว่าศิลาวิญญาณก็เป็นจำนวนมหาศาล เพียงพอที่จะทำให้จอมมารทั่วๆ ไปบ้าคลั่งได้

มิน่าล่ะเหตุใดตระกูลไป๋ถึงยอมจ่ายค่าตอบจำนวนมหาศาลแต่ไม่ยอมปล่อยที่นี่ไป

แต่สิ่งที่ทำให้หานลี่มีสีหน้าไม่แน่นก็คือแม้ว่าถ้ำใต้ดินที่ทะเลสาบหินหลอมเหลวยักษ์อยู่จะใหญ่มาก แต่โครงสร้างกลับชัดเจน เมื่อกวาดสายตาไป ไหนเลยจะมีร่องรอยของอสูรมารตนนั้น

ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองกวาดสายตาไปด้านล่างอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ริมฝีปากขยับเล็กน้อยพลางถ่ายทอดเสียงไปหาหญิงสาวผมสีม่วง

“น้องห้า เจ้าไม่ได้มาผิดที่กระมัง อสูรมารตัวนั้นอยู่ที่นี่จริงๆ หรือ”

“ไม่ผิดแน่ โลหิตบริสุทธิ์ของมันอยู่ที่นี่จริงๆ” หญิงสาวผมสีม่วงใช้มือหนึ่งรองแผ่นป้ายหยกเอาไว้ ตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อสูรมารตัวนั้นก็คงซ่อนอยู่ใต้หินหลอมเหลวนี้ เยี่ยมมาก ดูแล้วมันคงไม่พบการมาถึงของพวกเราจริงๆ อวิ๋นซิน พวกเจ้าวางเขตอาคมเดี๋ยวนี้ พี่หาน มังกรไม้ สหายหันต้องรบกวนพวกเจ้าคอยเตือนให้ระวังแล้ว” ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองแววตาเปล่งประกายกวาดตาไปที่หินหลอมเหลวด้านล่างแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็เอ่ยกับคนอื่นๆ อย่างเคร่งขรึม

ศิษย์ตระกูลไป๋หกคนตอบตกลงทันทีแล้วกระจายตัวไปรอบๆ ทะเลสาบหินหลอมเหลว หยิบธงอาคมออกมาเป็นตั้งๆ เริ่มวางเขตอาคมขนาดยักษ์ที่ดูไม่ธรรมดา

ส่วนองค์เทพมังกรไม้และหันฉีจื่อก็ร่อนลงมาที่หินหลอมเหลวด้านล่างโดยไม่พูดอันใด และลอยนิ่งอยู่ห่างจากหินหลอมเหลวไปสิบจั้งเศษ

ยามนี้แม้ว่าทั้งสองจะยังคงใช้เคล็ดวิชาลับอำพรางกาย แต่กลับพากันหยิบอาวุธมารป้องกันตัวออกมาอย่างระมัดระวัง

องค์เทพมังกรไม้อ้าปาก คาดไม่ถึงว่าจะพ่นบาตรทรงกลมสีน้ำเงินออกมา เปลวเพลิงเย็นเยียบสีน้ำเงินเข้มแผ่ออก

หันฉีจื่อกลับสะบัดแขนเสื้อทั้งสอง ธงโปร่งใสสิบสองด้ามบินออกมา ภายใต้การกระตุ้นด้วยอาคม กลายเป็นเปลวเพลิงเย็นเยียบสิบสองกลุ่มบินล้อมรอบเรือนร่างของเขาไปมา

หานลี่กลับแค่ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบไปกลางอากาศเบาๆ ชั่วขณะนั้นเปลวเพลิงห้าสีพลันทะลักออกมาใต้ฝ่าเท้า คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นดอกบัวห้าสี รองร่างของเขาเอาไว้และลอยไปด้านล่างอย่างช้าๆ

ดอกบัวห้าสีนี้มีผิวสีสันงดงาม แต่ภายใต้รัศมีลำแสงห้าสีที่เปล่งแสงสว่างวาบ ไอเย็นเยียบก็แผ่ออกมา เป็นเปลวเพลิงห้าสี