ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 274.8 ตอนอวสาน (8)
ของติดตัวของนางก็ให้ซ่งเหล่าวังผู้นี้ไปแล้ว อีกทั้งบริเวณลับบนร่างกายซ่งเหล่าวังก็รู้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ยังจะบอกว่าทั้งคู่ไม่มีความสัมพันธ์อันน่าอายกันได้อีกหรือ
ทุกคนต่างตกตะลึง ต่อให้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว
ถังอู๋โยวเหมือนโดนสายฟ้าฟาด คืนนั้นคนที่เกาะเกี่ยวลึกซึ้งคราแล้วคราเล่ากับตน นึกไม่ถึงว่าจะเป็นขุนนางเฒ่ารักษาประตูยศต่ำที่เคยโดนตนทำร้ายด่าทอคนนี้ หลังจากสงบจิตสงบใจแล้ว จากนั้นทั่วทั้งร่างก็เย็นยะเยือกขึ้น รู้ตัวว่าหลักฐานครบถ้วนแล้ว ยากจะแก้ต่างได้ ดวงตานางกลอกกลิ้ง น้ำตาหลั่งไหลพรั่งพรูลงมา โขกศีรษะไม่หยุด “ต่อให้คืนนั้นจะเป็นคนผู้นี้จริง หม่อมฉันก็ต้องโดนคนหลอกเอา ถูกคนใส่ร้ายแน่ๆ เพคะ หม่อมฉันจะรักกับเขาได้อย่างไร นี่โดนเขาขืนใจนะเพคะ! ฝ่าบาท ไทฮองไทเฮา พวกท่านต้องลงโทษคนผู้นี้สถานหนักนะเพคะ ต้องมีคนบงการอยู่เบื้องหลังให้เขามาทำหม่อมฉันแปดเปื้อนแน่…” พูดพลางเสียอกเสียใจ โมโหเจ็บใจ ดวงตาขยับไหว ตกลงบนร่างหวงกุ้ยเฟยที่อยู่ด้านบน
ซ่งเหล่าวังเห็นเหตุการณ์เข้า นึกไม่ถึงว่าจะขอบตาแดงก่ำ เอ่ยกับถังอู๋โยวว่า “กระหม่อมรู้ว่าตัวเองไม่สูงส่งอย่างองค์หญิงใหญ่ และองค์หญิงใหญ่ไม่เห็นกระหม่อมในสายตา เป็นเพียงแค่รักฉาบฉวยกับกระหม่อมเท่านั้น ไม่เคยคิดจะอยู่ครองคู่กับกระหม่อมจนฟ้าดินสลาย เดิมทีกระหม่อมไม่กล้าและไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเปิดโปงเรื่องนี้…”
“ไสหัวไป! ใครให้เจ้ามารักฉาบฉวยกัน! หุบปาก!” ถังอู๋โยวไม่สนใจร่างกายตัวเอง โถมตัวเข้าไปสะบัดมือตบหน้าซ่งเหล่าวัง เพราะความอืดอาดจึงถอยหลังสองสามก้าว เกือบจะล้มลง โชคดีที่ถูกเสี่ยนชุนพยุงไว้
เสียง ‘เพี๊ยะ’ ดังก้อง ซ่งเหล่าวังกุมหน้าเอาไว้ ร่างสูงใหญ่เซไปด้านหลังสองสามก้าว กลับไม่สนใจความเจ็บปวดบนใบหน้า จิตใจพะวงแต่ท้องนาง “องค์หญิงโปรดระงับโทสะ! อย่าทำให้เด็ก…” เหมือนพ่อมือใหม่ที่ห่วงใยลูกที่มีชีวิต
ประโยคนี้เอ่ยออกไป ถังอู๋โยวก็ยิ่งหน้าม่วงคล้ำ นางหอบหายใจหลายเฮือก ไร้เรี่ยวแรงอยู่ในอ้อมอกเสี่ยนชุน
เจี่ยไทเฮาปวดเศียรเวียนเกล้าไปหมด ทว่าพระทัยกลับสงบลง ตรัสกับซ่งเหล่าวังว่า “ในเมื่อเจ้าไม่กล้าและไม่เคยคิดจะเปิดโปงการแอบคบหากันกับองค์หญิงออกมา เช่นนั้นเหตุใดจึงได้โผล่มาในยามนี้ด้วย คงไม่ได้โดนใครบงการเหมือนที่องค์หญิงใหญ่พูดกระมัง”
ซ่งเหล่าวังโขกศีรษะให้เจี่ยไทเฮาหลายหน “พูดไปก็เป็นความเจ็บปวด พวกท่านฟังแล้วอย่าได้ขันนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมส่งต่อกันมาหลายชั่วอายุคนคือ หน้าตาอัปลักษณ์ ฐานะทางบ้านก็ธรรมดา พอกลับจากเป็นทหารมาก็รีบร้อนกันจะแย่แล้ว เพราะเห็นว่าตระกูลจะหมดที่รุ่นของกระหม่อม ทราบมาว่าองค์หญิงใหญ่ตั้งครรภ์ กระหม่อมทั้งตกใจและปรีดา กลัวว่านางจะโดนลงโทษ ด้วยความใจร้อนจึงทนไม่ไหวเอาชีวิตมายอมรับ ขอโปรดอย่าทำร้ายองค์หญิงใหญ่กับเด็กคนนี้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ถังอู๋โยวได้ยินก็แทบจะเป็นลม นี่เห็นได้ชัดๆ เลยว่ามีคนบงการเขาอยู่ มิฉะนั้นแล้วจะใจกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ได้อย่างไร!
ไหนจะคำพูดสวยหรูประโยคแล้วประโยคเล่าของซ่งเหล่าวังนี่อีก เขาจะพูดได้เองแบบนี้หรือ
คำพูดนี้ช่างชัดเจนแจ่มแจ้งนัก ทำให้บรรดาชนชั้นสูง ณ ที่นั้นต่างส่งเสียงฮือฮากันขึ้น
เจี่ยไทเฮาหน้าแดง พูดไม่ออกอยู่นานจึงได้สะบัดแขนเสื้อ ควบคุมเรื่องนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว “ฝ่าบาทออกความเห็นหน่อยเถิด!”
อี๋ซื่ออ๋องสีหน้าเย็นชา จ้องน้องสาวนิ่ง วางแผนหลอกฝ่าบาทไม่สำเร็จ กลับตกลงหลุมพรางของคนอื่นเสียเอง ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก
ซย่าโหวซื่อถิงทำตัวเป็นคนนอกดูละครสนุกมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ สบายอกสบายใจ ได้ยินไทฮองไทเฮาตรัสขึ้นก็หยัดกายตั้งตรง เอ่ยด้วยแววหยอกล้อว่า “หากเป็นคนนอก เอาตำหนักในวังหลังมาเป็นสถานที่แอบพลอดรักกันคงจะหนีโทษตายไปไม่พ้น แต่องค์หญิงใหญ่กับทหารรักษาประตูผู้นี้นับว่ารักใคร่กลมเกลียว มีแม้กระทั่งลูกด้วยกันแล้ว เมื่อครู่ทหารรักษาประตูซ่งผู้นี้บอกว่ายังไม่ได้แต่งงานมิใช่หรือ อีกทั้งเห็นแก่หน้าอาเจิ่น ก็ถอดยศองค์หญิงใหญ่ไปเสีย แล้วลดขั้นทหารรักษาประตูนายนี้ลงหนึ่งขั้น ลงโทษสถานเบาแต่ได้บทเรียนอันยิ่งใหญ่ พระราชทานสมรสให้ทั้งคู่ก็แล้วกัน”
“ฝ่าบาท ต่อให้อู๋โยวถอดยศองค์หญิงออกก็ไม่ถึงขั้นต้องแต่งงานให้กับคนอัปลักษณ์เช่นนี้ อีกอย่างทั้งสองอายุก็ไม่เหมาะสมกันนะพ่ะย่ะค่ะ…” อี๋ซื่ออ๋องลุกขึ้นห้าม
“คำพูดนี้ของอาเจิ่น ไม่เหมือนเจ้าที่ใจคอกว้างขวางเอาเสียเลย” ซย่าโหวซื่อถิงเอ่ยขัดขึ้น “ต่อให้เป็นองค์หญิงที่ถูกต้องตามกฎตามเกณฑ์ก็ไม่ได้จะต้องแต่งกับตระกูลร่ำรวยมั่งคั่งเสียทุกคนไป ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางถังก็แค่ห่างจากครอบครัวเท่านั้น ช่วงแรกๆ ที่ต้าเซวียนเปิดประเทศ เพื่อทำให้แผ่นดินมั่นคง แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับแต่ละแคว้น ธิดาของฮ่องเต้ตั้งเท่าใดที่ต้องแต่งไปยังสถานที่รกร้างห่างไกลและป่าเถื่อน เหตุใดพอมาเป็นน้องสาวของเจ้า ก็สูงส่งขึ้นมาแล้ว แม่นางถังไร้ญาติขาดมิตร ก็แค่ลูกพี่ลูกน้องหญิงจากฝั่งมารดาที่กิจการโรยรา พูดให้ฟังไม่ได้หน่อยก็คือจะมีลำดับศักดิ์ในวงศ์ตระกูลอันใดได้ หากเจ้าที่เป็นญาติห่างๆ มิได้เก็บมาเลี้ยง ก็ไม่รู้ว่าจะเร่ร่อนไปที่ไหน ทหารซ่งนายนี้ เฝ้ารักษาประตูในเขตพระราชฐานมาหลายสิบปี ทั้งยังเรียกได้ว่าเป็นขุนนางท้องถิ่นในเมืองหลวง อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องแต่งงานไปที่ไกลๆ กระมัง! แม้อายุจะเป็นผู้ใหญ่ไปหน่อย แต่อายุมากแล้วก็มักจะรักใคร่เอ็นดูมากเช่นกัน! เหตุใดจึงไม่เหมาะเล่า ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางถังก็ตั้งท้องทายาทของคนเขาอยู่ เรื่องในวันนี้แพร่ออกไป ยังจะมีตระกูลปกติที่ไหนกล้าแต่งนางเป็นภรรยา”
อี๋ซื่ออ๋องจิตใจหดหู่ กำลังจะเอ่ยบางอย่างขึ้นมากลับเห็นฝ่าบาทหน้าเคร่งขรึมขึ้น โน้มกายลงกระซิบว่า “ให้ลูกพี่ลูกน้องหญิงแต่งกับทหารในเมืองหลวง ก็สามารถสร้างคนสนิทในกองทัพให้เจ้าได้แล้ว ได้ชื่อเสียงว่าไม่รังเกียจคนจนชื่นชอบคนรวย อี๋ซื่ออ๋อง การลงทุนนี้มีอันใดไม่คุ้มค่าหรือ”
อี๋ซื่ออ๋องเห็นฝ่าบาทเอ่ยฐานันดรเขาตรงๆ ก็รู้ว่าพระองค์สุดจะทนแล้ว คำพูดจึงติดอยู่ในลำคอ
ถังอู๋โยวเห็นพี่ชายไม่พูดอะไรแล้ว สมองก็ระเบิด นางเหลือบมองตาเฒ่าหน้าดำอัปลักษณ์นั่น ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็มืดมิด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายตนจะตกสู่ที่พึ่งพิงเช่นนี้ ทันใดนั้น ความปรารถนาดั้งเดิม ความหวังเกินตัว และการรอคอยในหลายปีมานี้ก็ราวกับฟองสบู่ แตกสลายไปทีละอัน
การข้ามภพของตนในครั้งนี้ก็เพื่อแต่งให้กับคนพรรค์นี้น่ะหรือ นางรับการสะเทือนใจนี้ไม่ไหว ร่างกายโงนเงนไม่หยุด
ซ่งเหล่าวังกลับดีใจในผลลัพธ์ที่เกินคาดนี้ คิดไม่ถึงว่าโอกาสดีๆ จะตกลงมาจากฟ้า ภายหน้าสตรีงดงามสูงศักดิ์นางนี้จะกลายมาเป็นภรรยาตน ตนชี้นก นางจะกล้าชี้ไม้หรือ
ตาเฒ่าแย้มฟันเหลืองยิ้มไม่หุบ โขกหัวโป๊กๆ จนแทบแตกอยู่รอมร่อ “ฝ่าบาททรงปราดเปรื่องยิ่ง ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยไทฮองไทเฮา!”
ทว่ากลับได้ยินเสียงเนื้อตกลงพื้น พร้อมกับเสียงตกใจของเสี่ยนชุน “นายหญิงเป็นลมไปแล้ว!”
เจี่ยไทเฮาขมวดคิ้ว “ส่งกลับตำหนักก่อน!”
เสี่ยนชุนกับมอมออีกคนรีบแบกถังอู๋โยวที่เป็นลมออกไป
เรื่องราวนี้จบลง เจี่ยไทเฮาจึงถอนใจโบกมือ “เรื่องนี้ต้องจัดการให้เร็วหน่อยแล้ว เรื่องฉาวโฉ่เช่นนี้ อย่าให้เอิกเกริกไป”
ซย่าโหวซื่อถิงเห็นสีพระพักตร์นางไม่ค่อยดีจึงลุกขึ้นเอ่ยว่า “ทุกอย่างล้วนทำตามประสงค์ของไทฮองไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ” พูดพลางพยุงเสด็จย่ากลับตำหนักไปพักผ่อน
อวิ๋นหว่านชิ่นกับอี๋ซื่ออ๋องแยกกันเดินตามออกจากห้องบุปผาไป
เดินผ่านลานตำหนักมา อี๋ซื่ออ๋องเห็นฝ่าบาทพยุงไทฮองไทเฮาเข้าห้องบรรทมไป เขายังคงไม่พอใจอยู่ หากยามนี้ไม่พูดก็จะไม่มีโอกาสได้พูดแล้ว จึงสาวเท้าไปหา หมายจะขวางฝ่าบาทไว้แล้วโน้มน้าวอีกครั้ง ยังไม่ทันได้เอ่ยเรียกกลับได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังจากด้านหลัง เขาหันกลับไปมอง เห็นอวิ๋นหว่านชิ่นเดินมาหาโดยมีนางกำนัลพยุงไว้ ลักยิ้มพลันปรากฏพลางค้อมกายเล็กน้อย “อี๋ซื่ออ๋อง”
เรื่องของอู๋โยว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งหมดล้วนเป็นการจัดการของสตรีตรงหน้า มั่นกู่แห่งตำหนักฝูชิงเป็นไส้ศึก ซ่งเหล่าวังที่รักษาประตูวัง กระทั่งฝ่าบาทที่จู่ๆ ก็เสด็จไปพักที่ตำหนักฝูชิง แรกเริ่มพำนักที่เรือนเหวินฮุย ดึกดื่นค่อนคืนไปเรียกฝ่าบาทจากเรือนเหวินฮุย แล้วค่อยจัดการให้ซ่งเหล่าวังนี่เข้าไป…ทุกสิ่งทุกอย่าง เกรงว่าล้วนเป็นนางที่ควบคุมไว้